ชาวเขมร  ได้อพยพเข้าสู่อีสานใต้  (บุรีรัมย์  สุรินทร์  และศรีสะเกษ)    สมัยเขมรพระนครการกระจายอำนาจทางการเมืองของเขมรในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่  ๑  (พ.ศ.๑๕๔๕-๑๕๙๓)  พระเจ้าสุริยวรมันที่  ๒  (พ.ศ. ๑๖๕๖-๑๖๙๓)  และพระเจ้าชัยวรมันที่  ๗  (พ.ศ.  ๑๗๒๔-๑๗๖๑)  เป็นสมัยที่ชาวเขมร  ได้เข้ามาอยู่ในเขตอีสานใต้  เพราะกษัตริย์เขมรได้เกณฑ์ชาวเขมรจากประเทศเขมรให้เป็นผู้สร้างปราสาทและสร้างเมืองในอีสานใต้  เช่น  ปราสาทเมืองต่ำ  ปราสาทพนมรุ้ง  ปราสาทหินพิมาย  ปราสาทเขาพระวิหาร  ปราสาทสระกำแพงใหญ่  เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้สร้างถนนจากนครธมไปตามเมืองและปราสาทต่างๆ  ในเขตอีสานด้วย

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ได้มีการสร้างปราสาทในเขตอีสานใต้เป็นจำนวนมาก  ชาวเขมรที่ถูกเกณฑ์แรงงานจึงได้ตั้งหลักแหล่งอยู่รอบๆ  บริเวณปราสาทและสร้างเมืองใกล้บริเวณที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้วัฒนธรรมเขมรขยายเข้าสู่อีสานใต้  โดยเฉพาะพวกที่อพยพเข้ามาเป็นกรมการเมืองแห่งแรกที่ปรากฏในศิลาจารึกคือเมืองสดุกอำพิล ซึ่งเชื่อว่ามีที่ตั้งใกล้ปราสาทสระกำแพงใหญ่ เพราะมีแหล่งน้ำและระบบกัลปนา  ที่มีจำนวนผู้คนเพียงพอต่อการจัดตั้งเมือง  

       (วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดศรีสะเกษ , 2542 : 219-220)

ชาวเขมรถิ่นไทยเรียกตนเองว่า ขแมร์ แต่หากจะบ่งบอกถึงถิ่นของภาษาและชาติพันธุ์

ชาวเขมรถิ่นไทยเรียกภาษาและชาติพันธุ์ของตนเองว่า ขแมร์ลือ  ซึ่งแปลว่า เขมรสูง  เรียกภาษาเขมรและชาวเขมรในประเทศกัมพูชาว่า  ขแมร์-กรอม แปลว่า  เขมรต่ำ และเรียกคนไทยหรือคนพูดภาษาไทย เป็นภาษาแม่ว่า ซีม ซึ่งตรงกับว่า สยาม ในภาษาไทย  และ  คำว่า  เซียม  ในภาษากวย

ผู้พูดภาษาเขมรถิ่นไทยมีอยู่จำนวนมากในเขตจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ  และ บางอำเภอของจังหวัดอุบลราชธานี  นครราชสีมา  ร้อยเอ็ด  มหาสารคาม  นอกจากนี้บางอำเภอ

ในภาคตะวันออก  คือ  จังหวัดปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว ซึ่งบุคคลเหล่านี้ มีสถานะเป็นคนไทย  สัญชาติไทย

ชาวเขมรสูงส่วนมากอยู่ในชนบท  มีชีวิตเรียบง่าย  ประกอบอาชีพเกษตรกรรม  เช่น  ทำนา  ทำไร่  หนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ว่างจากการทำนา  ทำไร่  จะเดินทางไปรับจ้างทำงานในตัวเมืองหรือ

ในเมืองหลวง  และเมื่อถึงฤดูเพาะปลูก ก็จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อประกอบอาชีพหลักของตน

 เป็นเช่นนี้เรื่อยไป  ซึ่งมีลักษณะคล้ายคนไทยในท้องถิ่นทั่วไป  แต่ถ้าจะเปรียบกับชาวเขมรต่ำ  ในประเทศกัมพูชาแล้ว  ความเป็นอยู่  ประเพณีและความเชื่อต่าง ๆ  ของชาวเขมรสูง  จะมีส่วนคล้ายกับชาวเขมรต่ำในประเทศกัมพูชามาก  เช่นลักษณะบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง  พิธีกรรมเกี่ยวกับการเกิด  การตาย  การแต่งงาน  การนับเวลา  วัน  เดือน  ปี  การเชื่อถือโชคลาง  ฤกษ์ยาม  การรักษาโรคแบบพื้นบ้าน  การประกอบอาชีพ  การละเล่นต่าง ๆ  ตลอดจนอุปนิสัยส่วนบุคคล  เป็นต้น

      (ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นจังหวัดศรีสะเกษ, ม.ป.ป.)

ชนเผ่าเขมรในอำเภอขุนหาญเป็นชนเผ่าที่มีภาษาพูด ภาษาเขียน มีการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ทำนา ทำไร่ ทำสวน ปัจจุบันในอำเภอขุนหาญชนเผ่าเขมรส่วนมากอาศัยอยู่ในตำบลบักดอง ตำบลพราน ตำบลโพธิ์วงศ์ ตำบลไพร ตำบลภูฝ้าย ตำบลกระหวัน และตำบลกันทรอม


        ค่านิยม     

           รักถิ่นฐานที่อยู่ รักประเพณีวัฒนธรรม ซึ่งส่วนมากจะได้อิทธิพลหรือคติธรรมจาก

พุทธศาสนาเกือบทั้งสิ้น เช่น การทำบุญในเทศกาลต่างๆ เพราะแต่ละหมู่บ้านจะมีวัดประจำหมู่บ้านของตน การดำเนินชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย จะมีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง


    ประเพณี   

           ชนเผ่าเขมรจะมีประเพณีต่างๆ เช่น ประเพณีทำบุญประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สำคัญคือทำบุญเบ็นหรือทำบุญเซ่นบวงสรวงบูชาคุณของบรรพบุรุษ หรือ อุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า เทอบอนแซนโดนตา

          

         ความเชื่อ     

           การรำแม่มด เป็นการรำเพื่อบวงสรวงให้หายจากการเจ็บป่วย ประเพณีปังออกเปรียะแค (ป้อนข้าวพระจันทร์) เป็นพิธีเสี่ยงทายฝน


          วิถีชีวิตและภาษาของเผ่าเขมร    

สภาพการดำเนินชีวิตชาวเขมรจะเชื่อผู้นำในการทำกิจกรรม และมีวิถีชีวิต แบบเกษตรกรรม ประกอบกับการเลี้ยงสัตว์ไว้ใช้งาน และใช้ภาษาในการสื่อสาร ปัจจุบันมีการพัฒนาทางสังคมผสมผสานกับวัฒนธรรมที่ทันสมัย