ฟ้อนผีมด เป็นพิธีกรรมบวงสรวงผีบรรพบุรุษในภาคเหนือ สันนิษฐานว่า ไม่ได้เป็นพิธีกรรมดั้งเดิมของ "คนเมือง" มาแต่แรก อาจได้รับอิทธิพลมาจากชาติพันธุ์อื่น เนื่องด้วย ผีมด หมายถึง ผีของคนธรรมดาสามัญของพวกลั้วะ (ละว้า) หรือแจ๊ะ ภายหลังคนเมืองมาปรับ และถือปฏิบัติ จนนิยมฟ้อนผีมดอย่างแพร่หลาย กลายเป็นประเพณีในท้องถิ่นภาคเหนือ
ประเพณีฟ้อนผีมดบ้านท่าช้าง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน จัดขึ้นทุก 3 ปี เป็นผีประจำตระกูลสืบเนื่องมาจากบ้านหนองเส้ง จังหวัดเชียงใหม่ ราวประมาณ 120 ปี เดิมแต่ก่อนเป็นการเดินไปมา ไม่ได้ฟ้อนรำเหมือนที่อื่น นำมะพร้าวเป็นเหล้า มีปานและไม้ตีเป็นเครื่องดนตรี พิธีจะอัญเชิญผีหอหลวงที่บ้านหนองล่องมาไว้หอเล็กหน้าผาม ผีมดจะลงดูของก่อนวันงานว่าครบหรือไม่ ประกอบด้วย
1. กินขันโตกผีจะจิ้มแกงแล้วโยนทิ้ง
2. ฟ้อนหอกดาบ
3. ชนไก่
4. ปอกไฟ
5. ตีรังผึ้ง
6. คล้องช้าง
7. ฟ้อนเทียน
เป็นลำดับสุดท้าย มีแต่ผ้าคล้องคอ ถ้าล้มลงพื้นผีก็จะออกทันที่ถ้าไม่ใช่ตระกูลเดียวกันผีจะไม่เข้า
คำว่า "มด" อาจแปลได้ว่า ระวังรักษา ดังเช่นค่าว่า มดลูก ซึ่งหมายถึงส่วนที่คุ้มครองทารกในครรภ์ ในภาษาเขมรมีคำว่า "มต" (ด สะกด) แปลว่า "หมอ" ได้ ถ้า "มด"(ด สะกด) มาจาก "มด" (ต สะกด) ซึ่งเป็น ภาษามาลี อ่านว่า "มะ-ตะ" แปลว่า "ตายแล้ว" ตรงข้ามกับ "อมตะ" ที่แปลว่า "ไม่ตาย" ฟ้อนผีมด เป็นพิธีกรรมบวงสรวงผีบรรพบุรุษ โดยปกติมักฟ้อนกันเป็นประจำทุกปี ทุกสองปี หรือทุกสามปี ตามแต่กำลังทรัพย์ ตามแต่โอกาส ส่วนใหญ่มักจัดขึ้นราวเดือนมีนาคมเป็นต้นไป อันเป็นช่วงเวลาการว่างเว้นการทำไร่ทำนา มีการตระเตรียมงานอย่างยิ่งใหญ่ ก่อนวันงานจะมีการตั้งปะราพิธีสำหรับฟ้อนผีเรียกว่า ผาม จะถูกสร้างขึ้นเป็นเพิงอย่างง่าย ๆ อาจเป็นเสาไม่ไผ่ปักเป็นหลัก หลังคามุงด้วยหญ้าคา หรือทางมะพร้าว ยุคใหม่ก็ปรับเป็นเตินท์เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และมีการสร้างหอผีไว้เพื่อเป็นที่สำหรับผีบรรพบุรุษมาอยู่ร่วมกันในระหว่างการฟ้อนผี ส่วนของเช่นไหว้ผีก็มีหลากหลายและแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ส่วนใหญ่จะมี หัวหมู ไก่ต้มเหล้า น้ำหวาน ขนมหวาน มะพร้าว กล้วย อ้อย ข้าวดอก ดอกไม้ ธูป เทียน ฯลฯ
ในวันฟ้อนผีก็จะมีการเชิญผีบรรพบุรุษมาสู่หอผี แล้วเชิญเครื่องเช่นไหว้ให้ผีบรรพบุรุษมารับ จากนั้นก็จะเริ่มการ "ฟ้อนผี" โดยเชิญผีเข้าสู่ "ม้าขี่" หรือคนทรง ผู้เป็นเสมือนตัวแทนติดต่อกับผีบรรพบุรุษ ซึ่งพอใจให้เป็นสื่อกลางติดต่อกับลูกหลาน โดยม้าขี่จะเข้าไปร่วมฟ้อนอยู่เสมอ หากม้าขี่ชราภาพแล้วไม่สามารถฟ้อนได้ ก็ต้องเข้าร่วมงานพอเป็นพิธี ในอดีตแต่ละตระกูลจะมีม้าขี่และสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่ภายหลังพิธีกรรมความเชื่อนี้เริ่มจางหาย ม้าขี่ก็มีจำนวนลดน้อยลยลง เมื่อผีบรรพบุรุษเข้าร่างม้าขี่แล้ว จะมีการแต่งองค์ทรงเครื่องม้าขี่อย่างดงามด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ สวมโสร่ง หรือเสื้อและผ้าหลายสีหลายขนาด นำมาคลุมบ้าง นำมาโพกศีรษะบ้าง ฯลฯ จากนั้นจะเชิญผีบรรพบุรุษมาเสกคาถาปัดเป้าเคราะห์และให้ความสิริมงคลแก่ลูกหลาน แล้วการฟ้อนผีในป่ะร่า พิธีก็ดำเนินต่อไป บ้างร่ายรำ บ้างฟ้อนดาบ เมื่อใกล้ถึงเวลาพักเที่ยง ก็จะนำขันโตกที่ใส่สำรับอาหารมีทั้ง ลาบ แกงอ่อม ไส้อั่ว ข้าวเหนียว หมาก พลู เหล่า บุหรี่ ฯลฯ มาวางไว้กลางปะร่าพิธี จากนั้นม้าขี่ก็จะร่ายรำไปพร้อมกับน่าดาบที่มีเทียนไขจุดไฟคิดที่ปลายดาบ เดินวนไปรอบ ๆ พร้อมกับกวัดแกว่งดาบเหนือขันโตก เป็นสัญลักษณ์ว่า ผีได้รับของเช่นไหว้แล้ว เสร็จขั้นตอนนี้ผีบรรพบุรุษก็ออกจากร่างม้าขี่ แล้วจึงพักรับประทานอาหารกลางวัน
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=gvyuwjxAKjg
พิกัดสถานที่ตั้ง " ฟ้อนผีมดบ้านท่าช้าง "
ข้อมูลเนื้อหา โดย : นัย บำรุงเวช. “ฟ้อนผีมดผีเม็ง” ใน, ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 5 : ฉบับที่ 10.
“ฟ้อนผีมด” ใน, สารานุกรมไทย ภาคเหนือ เล่ม 9. จัดพิมพ์เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542
เรียบเรียงเนื้อหา โดย : นางสาวเพชรรัตน์ ยอดแก้ว
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย : คุณรักษ์เวียงแก้ว