มะหลอดผลไม้พื้นบ้านสร้างรายได้
ชื่ออาชีพท้องถิ่น : มะหลอดผลไม้พื้นบ้านสร้างรายได้
ประวัติ ข้อมูลของผู้ประกอบอาชีพ
ฤดูร้อนเดือนมีนาคม 1 ปีมีครั้ง ทำความรู้จัก "บักหลอด" หมากหลอด (ภาคอีสาน) , บะหลอด, มะหลอด, สลอดเถา (ภาคเหนือ), ส้มหลอด (ภาคใต้) ผลไม้ท้องถิ่นชนิดหนึ่ง พบได้ตามแถบทางภาคอีสานตอนบน ภาคเหนือ ภาคใต้ โดยจะพบได้มากทางภาคเหนือ และภาคอีสาน ตามบ้านเรือนในชนบท หรือ ตามทุ่งนาและตามป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ รวมถึงตามเนินเขา ที่ระดับความสูง 200-1,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ช่วงนี้ฤดูร้อน ฤดูกาลของ "มะหลอด" จะเริ่มขึ้นแล้ว ผลิดอกออกผลสุกงอมเต็มต้นกันเลย แต่จะหาซื้อตามตลาดทั่วไปคงเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นผลไม้เฉพาะถิ่นที่เกิดตามสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งต้องถามซื้อจากชาวบ้านในืพื้นที่ ซึ่งในอำเภอทุ่งหัวช้างมักจะมีชาวบ้านในพื้นที่นำออกมาขายตามตลาดนัด หรือ นำมาขายตามสถานที่ราชการเพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับคนในพื้นที่
ที่อยู่ ที่ตั้ง (พิกัด) ของผู้ประกอบการ
กระบวนการ ขั้นตอนการผลิตหรือองค์ความรู้
มะหลอด มะหลอด ชื่อวิทยาศาสตร์ Elaeagnus latifolia L. จัดอยู่ในวงศ์มะหลอด (ELAEAGNACEAE) สมุนไพรมะหลอด มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า สลอดเถา หมากหลอด หรือ บะหลอด บ่าหลอด (ภาษาคำเมือง), ควยรอก (ตราด), ส้มหลอด (ภาคใต้) เป็นต้น สมุนไพรมะหลอด เป็นพืชพื้นเมืองของไทยที่พบได้มากทางภาคเหนือ ตามป่า ตามทุ่งนา หรือตามบ้านเรือนชนบท และสามารถพบได้ทั่วไปตามชายป่าชื้น ป่าเบญจพรรณ และมักขึ้นทั่วไปตามเนินเขาในที่ร่มที่ระดับ 200-1,600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
ลักษณะของมะหลอด ต้นมะหลอด เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ลำต้น และกิ่งมีเกล็ดสีเทาหรือสีเงิน
ใบมะหลอด เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปรีแกมหอก ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านบนมีสีเขียวอมน้ำเงินเกลี้ยง ส่วนด้านล้างมีเกล็ดเล็ก ๆ สีน้ำตาลทั่วไป กว้างประมาณ 3.5-4.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-12 เซนติเมตร และก้านใบยาวประมาณ 0.8-1.2 เซนติเมตร
ดอกมะหลอด จะออกดอกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศหรือมีดอกเพศเมียปะปนรวมอยู่ด้วย ลักษณะของกลีบดอกจะเชื่อมติดกันเป็นหลอดคล้ายสันเหลี่ยม มีความยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร ที่ปลายแยกเป็น 5 กลีบ มีเกสรตัวผู้ 5 อัน ติดอยู่กับหลอดท่อดอก
ผลมะหลอด มีลักษณะมีหลายรูปทรง เช่น ผลรูปรี รูปไข่ รูปกรวย รูปลูกแพร์ และรูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ลักษณะโดยรวมจะคล้าย ๆ กับมะเขือเทศราชินี ผิวเปลือกจะสากเล็กน้อย มีจุดสีขาวสีเงินบนผล ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อผลสุกแล้วจะมีสีแดงเข้ม หรือแดง หรือส้มแดง หรือสีเหลือง มีรสเปรี้ยว ฝาดจนถึงหวาน ใช้รับประทานเป็นผลไม้ได้ และในผลมีเมล็ดสีน้ำตาลเหลือง ลักษณะเมล็ดหัวท้ายแหลมยาวรี ตัวเมล็ดเป็นพู (ร่อง) โดยเมล็ดหนึ่งจะมี 8 พู
มะหลอด จะมีอยู่ด้วยกัน 3 รส โดยทุกรสจะมีรสฝาดรวมอยู่ด้วย ซึ่งได้แก่ มะหลอดส้มจะมีรสเปรี้ยว สีผล ออกส้มใส, มะหลอดหวาน มีสีค่อนข้างแดงเข้ม หารับประทานได้ยาก, และมะหลอดก๋ำปอ มีรสไม่เปรี้ยวและ ไม่หวานมาก อย่างไรก็ตามก่อนนำมารับประทานต้องทำให้นิ่มก่อนด้วยวิธีการนวดหรือคลึง เพราะจะช่วยลดความฝาดลงไปได้เยอะ แถมยังช่วยแยกเมล็ดออกมาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย มะหลอด เป็นผลไม้ที่บางคนคงไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยิน เพราะเท่าที่ทราบก็คือผลไม้ชนิดนี้เป็นผลไม้ของทางภาคเหนือ โดยจะออกดอกออกผลในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อยามที่ผลมันสุก ต้นจะดูสวยงามเต็มไปด้วยผลที่มีสีแดงสด สีส้ม สีเหลือง สีเขียว คละเคล้ากันไป เห็นแล้วน่ารับประทาน แต่น่าเสียดายที่ผลไม้ชนิดนี้ยังไม่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย ทำให้มีผลผลิตจำหน่ายเข้าสู่ตลาดน้อยมาก และมักพบเห็นวางจำหน่ายตามตลาดในจังหวัดรอบนอกตามชนบท ทำให้ไม่เป็นที่รู้จักเหมือนผลไม้ชนิดอื่น และยังไม่มีการส่งเสริมการปลูกอย่างจริงจัง ซึ่งในปัจจุบันค่อนข้างจะหาได้ยากขึ้นทุกที
สรรพคุณของมะหลอด
ช่วยบำรุงหัวใจ (ดอก)
ช่วยบำรุงเนื้อหนังให้สมบูรณ์ (ใบ)
ช่วยคุมธาตุในร่างกาย (ผล, ดอก)
ช่วยแก้โรคตา (ดอก)
ช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียนได้ (ผล)
ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ดอก)
ช่วยแก้ไข้พิษ (เถา)
ช่วยขับเสมหะ (เปลือกต้น)
ทั้งต้นใช้ต้มอาบแก้อาการใจสั่นได้ (ทั้งต้น)
ผลสุกมะหลอดใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ (ผลสุก)
ช่วยแก้อาการบิดและอาการท้องผูกในเด็ก (ผลสุก)
ตำรับยาพื้นบ้าน ชาวล้านนาใช้เนื้อในเมล็ดผสมกับเหง้าสับปะรด 7 แว่น กับสารส้มขนาดเท่าหัวแม่มือ นำไปต้มเป็นน้ำดื่มช่วยแก้โรคนิ่วได้ (เนื้อในเมล็ด)
ดอกใช้แก้ริดสีดวงจมูก (ดอก)
ผลดิบใช้เป็นยาฝาดสมาน (ผลดิบ, ดอก)
รากใช้ผสมรากเติ่ง นำไปแช่เหล้าที่ทำจากข้าวเหนียวตำ ใช้กินแก้อาการปวดกระดูก ปวดหัว หรืออาการเข่าเดินไม่ได้ (ราก)
ดอกใช้เข้าเครื่องยา (ดอก)
ประโยชน์ของมะหลอด
ประโยชน์ มะหลอดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี มันจึงช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้
ผลสุกใช้รับประทานเป็นผลไม้ได้ กินกับน้ำพริกหวาน หรือจะนำไปดองกับเกลือก็ได้เช่นกัน
ผลสุกสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม นำไปทำไวน์ เป็นต้น
ผลดิบสีเขียวสามารถนำมารับประทานร่วมกับน้ำพริกถั่วเน่าพันด้วยผักกาดและผักชีได้ คล้าย ๆ กับกินเมี่ยงคำ หรือนำมาทำส้มตำ ทำแกงส้ม เป็นต้น
วิธีการกินมะหลอด
1. หากใครต้องการกินแบบหวานฉ่ำไม่ติดรสเปรี้ยว ให้เลือกลูกมะหลอดที่สุกงอม ก่อนนำมารับประทานต้องทำให้นิ่มก่อนด้วยวิธีการนวดหรือคลึง เพราะจะช่วยลดความฝาดลงไปได้เยอะ แถมยังช่วยแยกเมล็ดออกมาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
2. กินมะหลอดด้วยการจิ้มพริกเกลือ น้ำปลาหวาน หรือทำน้ำจิ้มแห้ง น้ำจิ้มน้ำ ตามสะดวกได้เลย แนะนำน้ำจิ้มน้ำ ส่วนผสม พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย น้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำตาล ผงปรุงรส ผงนัวตามชอบ ผสมให้รวมกัน แล้วฝานมะหลอดลงแช่น้ำจิ้มแล้วตักกินฟินๆได้เลย
วิธีการกินบักหลอด
1. หากใครต้องการกินแบบหวานฉ่ำไม่ติดรสเปรี้ยว ให้เลือกลูกบักหลอดที่สุกงอม ก่อนนำมารับประทานต้องทำให้นิ่มก่อนด้วยวิธีการนวดหรือคลึง เพราะจะช่วยลดความฝาดลงไปได้เยอะ แถมยังช่วยแยกเมล็ดออกมาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
2. กินบักหลอดด้วยการจิ้มพริกเกลือ น้ำปลาหวาน หรือทำน้ำจิ้มแห้ง น้ำจิ้มน้ำ ตามสะดวกได้เลย แนะนำน้ำจิ้มน้ำ ส่วนผสม พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย น้ำปลา น้ำปลาร้า น้ำตาล ผงปรุงรส ผงนัวตามชอบ ผสมให้รวมกัน แล้วฝานบักหลอดลงแช่น้ำจิ้มแล้วตักกินฟินๆได้เลย
สื่อประกอบ
ผู้ให้ข้อมูล ผู้เขียนหรือผู้เรียบเรียงเนื้อหา
ผู้ให้ข้อมูล : เว็บไซต์เมดไทย (Medthai)
ผู้เขียน / ผู้เรียบเรียงเนื้อหา : นางสาวสุจิตรา ศรีชำนาญ
ภาพถ่ายโดย : 1. www.thaikasetsart.com, www.postjung.com, www.bloggang.com
2. นางสาวสุจิตรา ศรีชำนาญ