โซน A เปิดประตูเวลากลับไปก่อนหน้า
ซากดึกดำบรรพ์ (Fossil)
ซากดึกดำบรรพ์คือโสมหรือร่องรอยดำรงชีวิตดึกดำบรรพ์ที่ฝังอยู่ในหินในตะกอนที่ยังไม่แข็งตัวเป็นหิน
การเกิดซากดึกดำบรรพ์ (ฟูลมัดรูปแบบ)
ซากดึกดำบรรพ์เกิดขึ้นจากสิ่งที่มีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่อย่างหนึ่งที่ตายลงและมีตะกอนมาทับถมซากสิ่งที่มีชีวิตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปส่วนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อกลศึกขุนจะสะกดด้วยที่เปลือกอย่างไร เปลือกหุ้มบนตะแกรงมาทับถนนกันมากขึ้นเป็นลำดับตะกั่วจะอัดแน่นเข้าด้วยกันเป็นหินเหมือนกันชีวิตกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์
ซากดึกดำบรรพน์ดัชนี (ฟอสฟอรัสดัชนี)
สิ่งที่มีชีวิตดึกดำบรรพ์บางชนิดดำรงอยู่ในโลกนี้ในช่วงเวลาที่สั้นและสูญเสียสายพันธุ์จากโลกนี้ซากดึกดำบรรพ์ที่มีช่วงเวลาที่ดำรงชีวิตนี้จัดเป็น "ซากดำกรรมดำบำบัดดัชนี" ที่มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการกำหนดอายุของหินเมื่อพบหินที่มีซากดึกดำบรรพ์ดัชนีจะทำให้เราทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่สามารถเทียบเคียงได้ ้นหินที่อยู่ห่างไกลกันได้
ซากดึกดำบรรพ์แบบซาก (ซากฟอสซิล)
- กระดูกไดโนเสาร์ (Dinosaurs Bone)
- แมลงอำพัน (Amber)
- ไม้กลายเป็นหิน (ไม้กลายเป็นหิน)
ซากดึกดำบรรพ์แบบร่องรอย (ร่องรอยฟอสซิล)
- ฟุตไดโนเสาร์ (Foot print)
- มูลสัตว์เป็นหิน (Coprolite)
- รูทีเรียเป็นหิน (Burrow)
อายุโลก.. อายุหิน ... วัดได้อย่างไร
การวัดอายุหิน
อายุของโลกวัดได้อย่างไร .. ? ทำไมหินจึงชี้วัดอายุของโลกได้ ... ?
โลกฝน 4600 ล้านปีจากการวัดดวงจันทร์และแร่ธาตุในร่างกายและแร่ธาตุในหินดวงนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับโลก
วิธีการวัดอายุหินมี 2 แบบคือ
1. การวัดแบบอายุขัย (Absolute age dating)
2. การวัดอายุแบบสัมพัทธ์ (อายุใกล้เคียง)
การวัดแบบอายุขัย (อายุ Absolute อายุ)
65 ล้านปี 50000 ล้านโดยสิ่งที่ต้องชี้ไปที่
การสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี
การวัดอายุแบบสัมพัทธ์ (อายุใกล้เคียง)
เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์เครื่องสำอางค์
นิโคลัสเตโน (General Nicolas Steno)
1. หลักการอยู่เหนือกว่า (Superposition) ดูจากหินที่เรียงตามลำดับชั้นโดยทั่วไปแล้วหินที่มากที่สุดจะอยู่ในระดับต่ำสุดโดยไม่มีการพลิกกลับเป็นโค้งของชั้นหิน
2 หลักการอยู่ในแนวราบ (แนวนอน) ตะกั่วจะสะสมตัวเป็นราบเรียบเป็นชั้นโดยอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของโลก
(ความต่อเนื่องของ Latral) ตะกั่วจะมีการแผ่ซ่านไปทั่วทุกหนแห่ง
หลักการของไลแอล
ความสัมพันธ์ระหว่างการตัดกัน (Cross Cutting Relationship) 1) แสดงว่ามีการตัดทอน
ยุคทางธรณีวิทยา
ในทางธรรมาธิราชวิทยาเขตศรีสัชนาลัยในช่วงที่ผ่านมา
1. มหายุค พรีแคมเบรียน (Precambrian era) 4600 ล้านปีก่อน– 570 ล้านปีก่อน กินเวลา 85% ของยุคทางธรณีวิทยา เป็นช่วงที่ยาวนานมากที่สุด แต่มีสิ่งมีชีวิตน้อยมาก มีเพียงสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ตามพื้นทะเล เช่นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ฟองน้ำ และสาหร่ายทะเล
2. มหายุค พาลีโอโซอิก (Paleozoic era) 570 ล้านปีก่อน – 230 ล้านปีก่อน มหายุคนี้มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะปลา แบ่งย่อยออกเป็น 6 ยุค
- ยุคแคมเบรียนสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเริ่มแพร่ขยาย มีไทรโลไบต์ มากมายกำเนิดสัตว์จำพวกหอยเกิดขึ้น
- ยุคออร์โดวิเชียนเริ่มมีสัตว์พวก ปู กุ้ง กั้ง เริ่มมีสัตว์มีกระดูกสันหลังคล้ายปลาแต่ไม่มีครีบหรือขากรรไกร
- ยุคไซลูเรียนกำเนิดปลามีขากรรไกร มีแนวปะการังในมหาสมุทร พืชบกขนาดเล็กเกิดขึ้น
- ยุคดีโวเนียนมีปลาแพร่พันธุ์มาก เริ่มมีสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกปรากฏขึ้นครั้งแรก
- ยุคคาร์บอนิเฟรัสเป็นยุคถ่านหินสภาพอาเป็นแบบร้อนขึ้นมีป่าขนาดใหญ่ซึ่งแปรเปลียนเป็นซากต้นไม
กลายเป็นถ่านหิน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก กลายเป็นสัตว์เลื้อยคลาน มีแมลงมากมาย
- ยุคเพอร์เมียน โลกเย็นลง สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกมีน้อยลงสัตว์เลื้อยคลานเพิ่มมากขึ้นเฟินและสนแพร่ขยายและเกิด การสูญพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่
3. มหายุคมีโซโซอิก (Mesozoic era) 230 ล้านปีก่อน – 65 ล้านปีก่อน เป็นยุคของสัตว์เลื้อยคลาน โดยเฉพาะไดโนเสาร์ แบ่งออกเป็น 3 ยุค
- ยุคไทรแอสซิก บรรยายกาศกลับมาอุ่นขึ้นอีกครั้ง มีป่าสนและเฟิน ไดโนเสาร์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมถือกำเนิดขึ้น
- ยุคจูแรสซิกสภาพอากาศร้อนกว่าปัจจุบัน ไดโนเสาร์ขยายทั่วโลก มีวิวัฒนาการจากสัตว์เลื้อยคลานกลายเป็นนก
- ยุคครีเทเชียส พืชดอกถือกำเนิดขึ้น ไดโนเสาร์ยังเพิ่มมากขึ้นยุคนี้สิ้นสุดลงด้วยการสูญพันธ์ครั้งยิ่งใหญ่
4. มหายุคซีโนโซอิก (Cenozoic era) 65 ล้านปีก่อน – ปัจจุบัน เป็นยุคที่สั้นที่สุด พืชดอกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแพร่พันธุ์มาก มนุษย์กำเนิดเมื่อราว 3 ล้านปีก่อน แบ่งออกเป็น 3 ยุค
- ยุคเทอร์ เชียรี อากาศอบอุ่นและชื้น ยกเว้นบางช่วงอากาศเย็น พืชดอกและแมลงแพร่ขยายไปทั่ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีหลากหลายชนิดตัวโตขึ้นและมีจำนวนมาก
- ยุคเทอร์นารี ช่วงยุคต้นเป็นเวลาที่มีน้ำแข็งปกคลุมโลกหลายบริเวณ ปลายยุคจึงมี อากาศอบอุ่นสบาย เป็นยุคที่มนุษย์สามารถพัฒนาการณ์ เกษตรกรรม และเทคโนโลยี จนสามารถแพร่หลายไปทั่วโลก
ที่มา : www.rscience.go.th เขียนโดย : ว่าที่ ร.ต.อัศวิน อินตา