“วัฒนธรรมเก่าเลือนหายไป...วัฒนธรรมใหม่เข้ามาแทนที่” ผู้เฒ่าผู้แก่รู้สึกใจหายทุกครั้ง
ที่ได้ยินประโยคนี้ ลูกหลานในยุคสมัยปัจจุบันต่างรับอิทธิพลของชาติตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย ภาษา วัฒนธรรม ซึ่งหารู้ไม่ว่าวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาวล้านนากำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลา ตามยุคสมัยของโลกปัจจุบัน
อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน ยังมีผู้ซึ่งมีใจรักในวัฒนธรรมล้านนาและต้องการที่จะสืบสานไปยังรุ่นลูก รุ่นหลาน เพื่อให้เห็นความงดงามอันล้ำค่าอย่างตุ๊กตาปั้นดินเผาชุดผู้หญิงล้านนาในสมัยก่อน ซึ่งเกิดจากแนวคิดและความรู้สึกของผู้ที่มีใจรักและมีศิลปะในการปั้นดินเผา คือนายอดุลย์ เชื้อจิต ชาวบ้านดงหลวง ตำบลวังผาง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความงดงามของผู้หญิงล้านนาในอดีต ทั้งด้านการแต่งกาย การนุ่งซิ่น การห่มผ้าสไบ การมวยผม และกิริยาที่อ่อนน้อมถ่อมตน ตุ๊กตาปั้นดินเผาชุดผู้หญิงล้านนาของนายอดุลย์ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว ๔ ประการ คือ
๑. การนุ่งซิ่น
อดุลย์ เชื้อจิต (2565) เล่าว่า เมื่อครั้งสมัยเป็นเด็ก จะเห็นการนุ่งซิ่นในเมืองลำพูนเป็นเรื่องปกติ ยิ่งในช่วงเทศกาลประเพณีต่าง ๆ เช่น สรงน้ำพระธาตุ ประเพณีตานก๋วยสลาก ผู้คนมักจะนุ่งซิ่นไปร่วมประเพณีและชื่นชมความงามแก่กัน หากกล่าวถึงผ้าซิ่นแล้วในอดีตผู้คนส่วนใหญ่จะนุ่งซิ่นผ้าอยู่ ๒ อย่าง คือ ผ้าฝ้ายยกดอก ซึ่งจะใช้กับชาวบ้าน และผ้าไหมยกดอก จะใช้ในพระราชสำนัก สำหรับเจ้านายฝ่ายเหนือ ส่วนใหญ่จะตกแต่งเป็นลายดอกพิกุล ลายกุลกลมและลายพิกุลสมเด็จ ล้วนเป็นลายดอกที่สวยและงดงามมาก ผ้าฝ้ายทุกชิ้นที่ชาวล้านนานำมานุ่งนั้นเกิดขึ้นจากหยาดเหงื่อ แรงกาย พลังใจที่ใช้ในการปลูกฝ้ายจนกระทั่งถักทอออกมาเป็นผืน นายอดุลย์ เชื้อจิต ลูกหลานของชาวล้านนาโดยแท้ จึงเกิดแนวคิดที่จะนำการนุ่งซิ่นมาใส่ในงานดินปั้น เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์การนุ่งผ้าซิ่น เห็นคุณค่า ความอดทน ความเอาใจใส่และสนใจที่จะใส่ผ้าซิ่นเพื่อจะเกิดความภาคภูมิใจ ที่เกิดเป็นผู้หญิงล้านนา