อดีตกาลอันไกลโพ้น ณ ผาเวียงดินแดน "ลี้" ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดลำพูน รายล้อมด้วยป่าเขาเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและพึ่งพาธรรมชาติ ผืนป่าแห่งนี้เป็นแหล่งรวมของพืชพรรณ สัตว์ป่า และสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิต ทว่าชาวบ้านก็มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ป่าแห่งนี้มี "เจ้าป่าเจ้าเขา" คอยปกปักษ์รักษา และมีอาถรรพ์บางอย่างที่หากผู้ใดล่วงละเมิด อาจนำมาซึ่งหายนะได้
นานมาแล้ว มีชายหนุ่มผู้หนึ่งนามว่า "พรานบุญ" เขาเป็นพรานล่าสัตว์ฝีมือฉกาจ แต่กระนั้นก็เป็นคนมักมาก ไม่รู้จักพอ วันหนึ่งเขาได้เข้าไปล่าสัตว์ในป่าลึกกว่าทุกครั้ง ด้วยความโลภที่อยากได้สัตว์ป่าหายาก และไม่สนใจคำเตือนของคนเฒ่าคนแก่ที่ห้ามไม่ให้เข้าป่าลึกเกินไป เขาเดินเข้าไปในป่าที่มืดมิดและเงียบสงัด จนพบกับถ้ำแห่งหนึ่ง
เขาไม่ลังเลที่จะเข้าไปสำรวจ โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครกล้าล่วงเกินภายในถ้ำ พรานบุญได้พบกับ กะโหลกศีรษะขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงเรืองรองออกมา วางอยู่บนแท่นบูชาหิน พรานบุญเกิดความโลภ เขาคิดว่ากะโหลกนี้คงมีมนต์ขลังหรือเป็นของมีค่า จึงตัดสินใจที่จะนำกลับบ้าน แต่เมื่อเขาแตะต้องกะโหลกนั้น ทันใดนั้นเอง แสงสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้น และร่างของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปร่างกายของพรานบุญบิดเบี้ยวผิดรูป หัวโต มือเท้าใหญ่ เล็บยาวคมกริบ ดวงตาสีแดงฉาน และมีเสียงคำรามอันน่ากลัวออกมาจากลำคอ
เขาได้กลายเป็น "ผีโป่งกะโหล้ง" ซึ่งเป็นผีที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในป่า และถูกสาปให้มีรูปร่างอัปลักษณ์และต้องวนเวียนอยู่ในป่าตลอดไปหลังจากนั้น ผีโป่งกะโหล้งก็ออกอาละวาดในป่า สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านที่เข้ามาหาของป่า บ้างก็เล่าว่าเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ในยามค่ำคืน บ้างก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน ชาวบ้านต้องรวมตัวกันประกอบพิธีเซ่นไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา และสร้างศาลเพียงตาไว้ที่ปากทางเข้าป่า
เพื่อเป็นการขอขมาและขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาช่วยคุ้มครองในที่สุด ผีโป่งกะโหล้งก็ถูกกักขังไว้ในป่าลึก ไม่สามารถออกมารบกวนชาวบ้านได้อีก แต่เรื่องราวของพรานบุญที่กลายเป็นผีโป่งกะโหล้งก็ยังคงถูกเล่าขานสืบต่อกันมา เป็นเครื่องเตือนใจให้ชาวบ้านเคารพธรรมชาติ ไม่โลภมาก และไม่ล่วงเกินในสิ่งที่ควรรักษาสักการะ
แนวคิดและกุศโลบายคำสอน
ตำนานผีโป่งกะโหล้งนี้แฝงไปด้วยแนวคิดและคำสอนอันล้ำค่าสำหรับคนในชุมชนท้องถิ่น ดังนี้
ความเคารพต่อธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์: นิทานสอนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพธรรมชาติ ป่าเขา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น การล่วงละเมิดอาจนำมาซึ่งผลกรรมที่ไม่อาจแก้ไขได้ ซึ่งก็คือการรณรงค์ให้รักษาป่าและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ความไม่รู้จักพอ (โลภะ) นำมาซึ่งหายนะ: พรานบุญต้องกลายเป็นผีโป่งกะโหล้งเพราะความโลภที่ต้องการครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเอง นิทานนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้รู้จักพอเพียง ไม่โลภมากในสิ่งที่ไม่ควรได้
ผลกรรมของการกระทำ: การกระทำของพรานบุญส่งผลให้เขาได้รับกรรมที่เลวร้าย ซึ่งเป็นกุศโลบายที่สอนว่าทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาเสมอ
ความสามัคคีและพิธีกรรมของชุมชน: การที่ชาวบ้านต้องรวมตัวกันประกอบพิธีเซ่นไหว้และสร้างศาลเพียงตา แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความสามัคคีในชุมชนและการรวมพลังกันเพื่อแก้ปัญหา รวมถึงการธำรงไว้ซึ่งประเพณีและพิธีกรรมอันดีงาม
การตระหนักถึงอาถรรพ์และสิ่งเร้นลับ: แม้ในยุคปัจจุบันวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้า แต่การเล่านิทานเรื่องผีโป่งกะโหล้งก็ยังช่วยให้คนในชุมชนมีความเกรงกลัวและไม่กล้าทำลายป่าหรือสิ่งแวดล้อมโดยไม่จำเป็น เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจและส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติทางอ้อม