5. ลักษณะของปัญหาวิจัยที่ดี
ปัญหาวิจัยที่ดีควรมีคุณค่าเพียงพอที่จะช่วยให้นักวิจัยศึกษาวิจัยได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี และได้ผลการวิจัยที่เป็นคำตอบ หรือคำอธิบายสภาพปัญหาที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ ปัญหาวิจัยที่ดีควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. เป็นปัญหาที่ไม่กว้างหรือแคบจนเกินไป ปัญหาบางอย่างที่มีคุณค่า แต่ถ้าหากกว้างเกินไป จนไม่สามารถศึกษาหาคำตอบในงานวิจัยเดียวได้ไม่ควรเลือกมาทำวิจัย วิธีการแก้ไขปรับปรุงปัญหา ให้เล็กลงก็คือ การเขียนปัญหาอย่างเป็นทางการแล้ว พยายามเลือกคำถามให้เล็กลงมา
2. เป็นปัญหาที่สามารถศึกษาวิจัยได้ ปัญหาบางอย่างอาจไม่มีคำตอบ หรือไม่อาจค้นคว้าหาข้อมูลที่เป็นหลักฐานยืนยันคำตอบของปัญหาได้
3. ปัญหาวิจัยที่ดีควรเป็นปัญหาที่สามารถพิสูจน์ได้ สามารถรวบรวมข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเที่ยงตรงเป็นคำตอบได้
4. ปัญหาที่ดีควรเป็นปัญหาที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาทฤษฎี หรือ เป็นแนวทางในการนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ปฏิบัติงาน หรือปรับปรุงการทำงาน
5. ปัญหาที่ดีควรเป็นปัญหาที่ได้คำตอบ หรือผลการวิจัยที่จะสามารถนาไปใช้อ้างอิงได้ทั่วไป (Generalization) หรือมีความเที่ยงตรงภายนอก (External Validity) คือ สามารถนาผลวิจัยไปใช้อ้างอิงในสถานการณ์อื่น ๆ ในทำนองเดียวกันได้
6. ปัญหาวิจัยที่ดีไม่ควรใช้เวลาในการทำวิจัยมากมายจนเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเป็น งานวิจัยประยุกต์
7. ปัญหาวิจัยที่ดีควรมีคุณสมบัติสอดคล้องเหมาะสมกับผู้วิจัย กล่าวคือ เป็นเรื่องที่ผู้วิจัยมีความสนใจอยากศึกษาหาคำตอบด้วยความกระตือรือร้น เป็นปัญหาที่ผู้วิจัยมีพื้นฐานความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ เป็นปัญหาที่ผู้วิจัยมีแหล่งสนับสนุนการทำวิจัย เช่น เงินทุน หรือเป็นปัญหาการวิจัยที่ใช้ค่าใช้จ่ายไม่สูงเกินความสามารถของผู้วิจัยที่จะทำวิจัย
8. ปัญหาในการวิจัยที่ดีควรเป็นปัญหาที่ริเริ่มสร้างสรรค์ แปลกใหม่ ยังไม่มีผู้ใดศึกษามาก่อน
สรุปได้ว่า ปัญหาการวิจัยเป็นจุดเริ่มต้นในการวิจัย เป็นการกำหนดขอบเขตการศึกษา เพื่อนำเสนอให้เหตุภูมิหลัง ที่มาของปัญหา ทาให้ผู้ที่ศึกษาได้ทราบ และมีความเข้าใจในการออกแบบการวิจัยได้อย่างเหมาะสม