Gap generation หรือช่องว่างระหว่างวัย เป็นปัญหาที่ต้องเจอกันในทุก ๆ องค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่มีพนักงานจำนวนมาก อารมณ์ประมาณ "มากคนมากความ"
คำว่า "ช่องว่างระหว่างวัย" ก็เห็นได้ชัดเจนว่าคือระยะที่ห่างกันของอายุและประสบการ์ที่ได้พบเจอ ช่วงวัยที่แตกต่าง เติบโตมาอย่างแตกต่าง ทั้งสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี ส่งผลให้มีทัศนคติและแนวคิดที่ไม่เหมือนกัน
Gap generation นั้นเป็นสาเหตุของความตึงเครียดในที่ทำงาน ทำให้พนักงานหลาย ๆ คนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ และอาจส่งผลไปจนถึงการต้องเสียพนักงานรุ่นใหม่ไป เราสามารถเห็นภาพ Baby boomer และ Gen X ที่ขึ้นไปสู่ตำแหน่งระดับสูง ๆ ในองค์กร ขัดแย้งกับ Gen Y และ Gen Z ที่เป็นเด็กใหม่ไฟแรง ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในองค์กรได้อยู่เสมอ ๆ
แตกต่างของยุคสมัยของแต่ละเจน
Gen B / Baby Boomers เกิดในปี 1946 - 1964 อายุ 58-76 ปี เป็นช่วงเจนที่ใกล้จะเกษียณไปหมดแล้ว แต่ยังมีบ้างที่ยังอยากที่จะทำงานในองค์กรต่อ ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เกิดในช่วง สงครามเวียดนาม , การเหยียบดวงจันทร์ , การฟื้นฟูเศรษฐกิจ , วัฒนธรรมฮิปปี้ , ผู้หญิงเริ่มทำงานนอกบ้าน
Gen X เกิดในปี 1965-1980 อายุ 41-57 ปี เกิดในช่วงสงครามเย็น , การพังทลายกำแพงเบอร์ลิน , การให้ความสำคัญกับสุขอนามัยโลก , โลกาภิวัฒน์ , การศึกษาขึ้นพื้นฐาน , โทรศัพท์มือถือ
Gen Y เกิดในปี 1981-1996 อายุ 26-41 ปี เริ่มทำงานไปจนถึงกำลังทำงาน เกิดในช่วงเหตุการณ์ 9/11 , อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง , เริ่มให้ความสำคัญกับภาษาที่ 2-3 การใช้โซเชียลในชีวิตประจำวัน
Gen Z เกิดในปี 1997-2012 อายุ 10-25 ปี กำลังเรียนและเริ่มทำงาน เกิดในช่วงสังคมดิจิตอลอย่างสมบูรณ์ , การถอนตัวออกจาก EU ของอังกฤษ , เยาวชนเริ่มเป็นผู้นำ , ความหลากหลายทางเพศ , โซเชียล , เกม
แค่วิกฤติเหตุการณ์ต่าง ๆ รอบตัวในช่วงเริ่มต้นของชีวิตยังแตกต่างกันขนาดนี้ สภาพสังคมที่ได้เติบโตมาก็แตกต่างกัน แล้วแบบนี้จะให้เข้าใจกันได้อย่างไร ?
1. ความเข้าใจ จุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาช่องว่างระหว่างวัย พยายามทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละ Gen ว่าเขามีความคิดแบบไหน พยายามหาตรงกลางระหว่างกัน เพื่อลดช่องว่างของช่วงวัย อาจจะไม่ได้แก้ปัญหาได้หมด แต่อาจทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวดีขึ้นมาได้
2. เวลา ให้เวลาได้ช่วยเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้น ความขัดแย้งภายในองค์กรก็จำเป็นต้องใช้เวลาเหมือนกัน ลองให้กลุ่มคนแต่ละ Gen ลองมาใช้เวลาร่วมกันให้เกิดประโยชน์ ในระหว่างที่อยู่ร่วมกันก็ลองพยายามมองหาข้อดีของอีกฝ่าย
3. ยอมรับ เมื่อเข้าใจได้แล้วก็ต้องยอมรับว่านี้คือเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้น มองให้เห็นในมุมมองของอีกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายคิดเหมือนเรา แค่เคารพความต่างของกันและกันก็เพียงพอ
บทสรุป
ปัญหาช่องว่างระหว่างวัยนี้ไม่สามารถแก้ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งสองฝ่าย อาจสรุปได้ว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนของใครได้ เพราะเวลาเดินหน้าต่อไปทุก ๆ วินาที สร้างคนแต่ละคนให้เติบโตมาแตกต่างกัน ต่างประสบการณ์ ต่างความรู้ ต่างความเชื่อ สิ่งที่เราทำได้คือการเข้าใจและต้องยอมรับความจริง เปิดใจให้พร้อมสำหรับการปรับตัว หาจุดตรงกลางให้เจอ เพื่อที่ทุกคนจะได้สามารถทำงานร่วมกัน ผลักดันองค์กร และผลักดันกันและกันจนไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : jobsdb , noppol , schoolofchangemakers , สสส สำนักงานกองทุนสนับสนุน