ชีวิตคนเราในแต่ละช่วง ได้พบเจอกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่ "ความรัก" คือสิ่งที่จะอยู่กับเราในทุกช่วงเวลา แม้ว่าช่วงวัยในรั้วโรงเรียนของเราจะผ่านมากี่ปี แต่เรายังคงจดจำช่วงเวลาเหล่านั้นได้ดีเสมอ แต่เข็มนาฬิกาก็ไม่คอยท่า ลากเราให้เติบโตขึ้นไปตามกาลเวลา เปลี่ยนจากเด็ก เป็นวัยรุ่น และเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ความรักจากครอบครัว เพื่อน หรือคนรัก ก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
มาเปรียบเทียบความรักที่แตกต่างกันระหว่างวัยเรียนกับวัยทำงานกันเถอะ
1. วัยเรียนไม่ต้องรับผิดชอบตัวเองเท่ากับตอนทำงาน แต่ไม่ได้หมายว่าไม่มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเลยนะ บางคนทำงานตั้งแต่ยังเรียนอยู่ แต่เมื่อโตขึ้นภาระก็ย่อมเยอะขึ้น การทำงานก็จะมากขึ้น วัยเรียนจะมองความรักเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้อยู่คู่กัน แต่ในวัยทำงานจะมีเรื่องของปากท้องและความอยู่รอดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เป็นเพราะ เป้าหมายของการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป หลายคนอาจจะเริ่มมองว่าความรักมันกินไม่ได้ มองไปไกลถึงเรื่องของอนาคต
2. ได้เจอสังคมใหม่ ๆ พบเจอคนใหม่ ๆ มีหลายคู่ที่รักกันตั้งแต่สมัยเรียน เติบโตไปด้วยกันและแต่งงานกันในที่สุด แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคู่ การได้พบเจอกับคนใหม่ ๆ อาจจะทำให้เจอคนที่เพียบพร้อมกว่า พร้อมที่จะดูแลเราได้มากกว่า ดูมีอนาคตไกลกว่า ทำให้เกิดการเปรียบเทียบแล้วจบกับคู่รักที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความหนักแน่นของคนสองคนด้วย
3. วัยทำงานมีความรักที่ไม่วือหวาเหมือนวัยเรียน ความรักในวัยเรียนมีชื่อเรียกกันอีกว่า Poppy love เป็นความรักใส ๆ น่ารักกุ๊กกิ๊กแบบที่วัยรุ่นมีกัน ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เจอกัน อยากทำนั้นทำนี่ให้คนที่เราชอบ แต่ในวัยทำงานไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ ความตื่นเต้นจะลดลงจนแทบไม่มี เดินทางไปบนหลักของเหตุผล สภาพแวดล้อมที่สร้างความเครียด ความกดดัน จะทำอะไรก็ต้องคิดเรื่องงานมาก่อน จึงทำให้ความรักกลายเป็นความจืดชืดหรือในทางแย่คือขมขื่นไปเลย
4. "ชีวิตคู่" สำคัญกว่า "แฟน" ความรักแบบเป็นแฟนกันคงไม่ได้คิดเยอะกับตอนที่เรากำลังจะลือกคู่ชีวิตสักคน คนที่จะอยู่ร่วมบ้านร่วมชายคากับเราตลอดไป การตัดสินใจจึงเป็นเรื่องที่ยากกว่าการขอใครสักคนเป็นแฟนหรือตอบรับใครสักคนที่มาขอเป็นแฟน มีหลายคู่ที่แต่งงานกันไปแล้วต้องเลิกรากัน ในสมัยนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ความรู้สึกของคู่รักที่ต้องแยกจากกันคงแหลกสลาย ดังนั้นจึงควรศึกษานิสัย ไลฟ์สไตล์ของกันและกันให้มั่นใจก่อนที่จะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิต
สำหรับการรักษาความสัมพันธ์นี้นั้นเป็นเรื่องที่ยาก และต้องใช้เวลากับมัน How to รักษาความสัมพันธ์ของความรักในวัยทำงานให้ยืนยาว
1. การเป็นทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ในแต่ละวันที่เราแยกย้ายกันไปทำงาน เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเผชิญอยู่กับเรื่องอะไรบ้าง คนวัยทำงานมักจะจริงจังกับงานมาก ๆ ในช่วงเวลางาน เวลาส่วนตัวที่จะมีให้คนรักก็คือช่วงเวลาหลังเลิกงาน ลองใช้เวลาส่วนตัวที่มีเล่าสู่กันฟังว่าแต่ละคนไปพบเจอกับอะไรบ้าง แชร์เรื่องราวในแต่ละวันให้กันฟัง อาจเป็นการเล่าให้ฟัง ระบายให้ฟัง หรืออยากขอความคิดเห็นเพื่อแก้ปัญหา บางครั้งปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ในความสัมพันธ์ก็เกิดมาจากการไม่สื่อสารกัน เมื่อไม่พูดก็ไม่รู้ว่าไม่พอใจตรงไหน หรืออยากให้เราทำอะไร และการเล่าเรื่องราวให้กันฟังก็จะทำให้เรารู้มุมมอง เจตคติของคนรักได้ ดังนั้นการสื่อสารระหว่างกันจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น
2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่ามองข้ามเรื่องเล็ก ๆ การมีคู่รักแล้วต้องกลับมาทะเลาะกันหลังเลิกงานอีก คงไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่จะอยู่กันได้ยาว วันที่คนทั้งคู่เหนื่อยจากการทำงานมา สิ่งที่จะทำให้อยู่ร่วมกันได้คือการคิดถึงอีกฝ่ายด้วย เป็นสเต็ปต่อไปจากการพูดคุยกัน เมื่อได้ฟังเรื่องราวของอีกฝ่ายแล้วแสดงความรู้สึกยินดีไปด้วย หรือเป็นห่วงและพยายามช่วยเหลือ อย่ามองว่าเรื่องใหญ่ของอีกฝ่ายเป็นแค่เรื่องเล็กสำหรับเรา
3. สร้างความไว้วางใจในความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่าย ความไว้วางใจและความเชื่อใจ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอะไร ไว้ใจว่าเขาจะไม่นอกใจ ไว้ใจว่าเขาสามารถจัดการกับปัญหาได้ ไว้ใจว่าเขาจะช่วยเราแก้ปัญหาได้ แต่บางครั้งประเด็นสำคัญไม่ใช่การช่วยอีกฝ่ายแก้ปัญหาให้ได้ อีกฝ่ายอาจต้องการแค่เพียงไม่ทิ้งให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาอยู่คนเดียว หากมองไปไกลกว่านั้น การมองอนาคตที่ไม่เหมือนกันก็อาจทำให้ความมั่นใจระหว่างกันลดลงไปได้
4. ทำให้การอยู่ด้วยกันเป็น Quality Time คนวัยนี้จะต้องบาลานซ์ความสัมพันธ์ทั้งหมดให้พอดี ทั้งเรื่องงาน เรื่องรัก เรื่องครอบครัว ควรให้ความสำคัญกับการใช้ช่วงเวลาวันหยุดสุดสัปดาห์ร่วมกัน ทำให้การอยู่ร่วมกันให้เป็น Quality time หางานอดิเรกที่ชื่นชอบเหมือนกัน แล้วแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมนั้นบ่อย ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการนอนดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย หรืออาจจะลองหากิจกรรมใหม่ ๆ แล้วเรียนรู้ไปพร้อมกัน พยายามสร้างโลกที่ทั้งคู่สามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้
5. ต้องเหลือพื้นที่ส่วนตัวให้กันและกันบ้าง ถึงแม้ว่าการใช้เวลาร่วมกันจะสำคัญแค่ไหน แต่คนเราก็ยังต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้าง แต่ละคนอาจจะต้องการพื้นที่ส่วนตัวไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับนิสัยและไลฟ์สไตล์ ควรสื่อสารการให้เข้าใจว่าแต่ละคนต้องการอะไร แบบไหน และหาจุดตรงกลางระหว่างกันให้เจอ
ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย ความรักที่มีให้กันนั้นมีเท่าเดิมหรือไม่ หากยังต้องการมีเขาอยู่ในชีวิต เราที่เป็นคนใกล้ชิดกับหัวใจที่สุด ควรจะรู้และเข้าใจความรู้สึกของกันและกันให้มาก เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันต่อไปตราบเท่าที่ใจต้องการ
ข้อมูลอ้างอิง : mendetails , sistacafe