กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย : ท้องฟ้าใสในเดือนฝนพรำ

กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย : เดือนที่ดีที่สุดสำหรับทุ่งหญ้าและดอกไม้บาน

การเดินทางไปเที่ยวในแต่ละที่แต่ละแห่งบางครั้งการเลือกเดือนที่จะไปเที่ยวนั้นก็แอบยากอยู่เหมือนกัน กลุ่มเราโชคดีหน่อยตรงที่มีสมาชิคเหนียวแน่นกันหลายคนสามารถทำกรุ๊ปเหมาได้ไม่ว่าจะไปเที่ยวไหนๆ คราวนี้เราเลือกที่จะเดินทางไปยังประเทศจอร์เจีย จึงตัดสินใจทำกรุ๊ปเหมาจอร์เจีย โดยให้บีเจอร์นีไลฟ์เป็นคนดูแลให้ เพราะบริษัทนี้ดูแลกลุ่มเรากันมาตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัยเดินทางไปเที่ยวคาราโครัมไฮเวย์ ครั้งตั้งแต่ยังไม่มีโรงแรมดีๆ นอน เส้นทางขรุขระปะผุตลอดทาง ก็เที่ยวกันจนกลายเป็นเพื่อนรู้ใจ
กลับมาที่เที่ยวจอร์เจียกันบ้าง เราทำกรุ๊ปเหมาจอร์เจียกันโดยคิดว่าจะไปกันสัก 16 คนกำลังดี  ก็เกริ่นกับสมาชิคแล้วว่าจะไปเที่ยวจอร์เจียกัน สมาชิกก็รับทราบ ไปๆ มาๆ วันที่ประกาศเปิดรับสมาชิคในไลน์ ก็กลายเป็นว่าทุกคนเข้ามาจองทริปกันมากถึง 20 คน เฮ้อ..... อบอุ่นกันเหมือนเดิม

เรื่องต่อมาที่ต้องมานั่งหาข้อมูลและขบคิดว่าอะไรที่เหมาะกับเรา เราชอบแบบไหน ก็มาสรุปกันได้ว่าพวกเราชอบธรรมชาติ ภูเขา และมวลดอกไม้ ดังนั้นช่วงปลายเดือนพฤษภาคม จนถึงกลางเดือนกรกฎาคม เป็นช่วงที่เหมาะกับพวกเรามากที่สุด แต่สิ่งที่จะตามมาพร้อมกับดอกไม้เสมอนั่นก็คือสายฝน อันนี้ซิเจอบ่อย เพราะไปเที่ยวแต่ละครั้งเราก็เลือกดอกไม้เป็นที่ตั้งหรือไม่ก็เลือกเดือนที่มีผลไม้ออกเยอะแยะมากมาย และแน่นอนเดือนเหล่านี้มันมาพร้อมกับสายฝนทุกคราไป

แทบทุกทริปเราจะมีรูปวิวสวยงามกับฟ้าสีเทาๆ และเสื้อกันฝน!! อันนี้มองในแง่ดีก็คือเราไม่ต้องเน้นเสื้อผ้าหน้าผมอะไรมาก ไม่ยุ่งยากดี ไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าหลายชุดเพราะว่าเสื้อกันฝนทำให้ใครต่อใครจำไม่ได้หรอกว่าข้างในเป็นอะไร อากาศเย็นๆ อย่างนี้ใส่ซ้ำบ้างอะไรบ้างจะเป็นไรไป ท้ายที่สุดเราเลือกกลางเดือนมิถุนายนเพราะว่าเป็นช่วงที่ผลไม้ออกเยอะมากแล้ว ทั้งเชอรี่่ สตอเบอรี่ และที่สำคัญมีดอกไม้บานเต็มทุ่ง 

กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย : เมืองเมสเตียมรดกโลก

เราเลือกบินด้วย Turkish Airline เป็นสายการบินที่มีบินไปลงเมือง บาทูมิ (Batumi) ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจอร์เจีย เพื่อเดินทางเข้าสู่เมืองเมสเตียต่อไปอย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางย้อนไปย้อนมา ถึงแม้ว่าสายการบินนี้จะราคาพุ่งเอาพุ่งเอา แต่เราก็ยอมเลือกเพราะถือว่าวางแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้ายาวนาน เริ่มซื้อตั๋วเครื่องบินตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะได้ราคาดี กว่าการซื้อตั๋วแบบจวนตัว ซึ่งก็มาทราบทีหลังสำหรับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่ตัดสินใจได้ช้าอาจด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของแต่ละคน ที่ทำให้วางแผนล่วงหน้านานไม่ได้มากนัก ท้ายที่สุดก็ต้องซื้อตั๋วในราคาแพงแสนแพง ส่วนกลุ่มเราทุกคนสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและยินดีชำระค่ามัดจำทัวร์เพื่อเอาไปซื้อตั๋วได้ในราคาเริ่มต้น บอกเลยว่าจองทัวร์ล่วงหน้านานถึง 6 เดือนเลยทีเดียว

ในวันที่เดินทางไปยังเมืองเมสเตียนั้นใช้เวลาเดินทางเกือบทั้งวัน เราเดินทางเข้าสู่ร่องเขาผ่านโตรกผาและสายน้ำ ทำให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของภูมิภาคตอนเหนือของจอร์เจียได้อย่างชัดเจน เมื่อถึงแล้วเราเข้าที่พักในแบบ 3 ดาว ที่เป็นที่พักค่อนข้างใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกมีให้ใช้ตามมาตรฐานไม่มากไปและไม่น้อยไปค่อนข้างเรียบง่าย แต่สิ่งที่เราประทับใจนั้นก็คือบนดาดฟ้าเค้าเปิดโล่งสามารถมองเห็นเมืองเมสเตียและมองเห็นทาวเวอร์ของบ้านเก่าได้อย่างชัดเจน วิวอย่างเทพเพราะสามารถมองเห็นแนวเทือกเขาสเวเนตี้ตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใสได้อย่างชัดเจน วันนี้เราเข้าสู่เมืองเมสเตียได้อย่างโดยง่ายไม่ต้องฟันฝ่ากับสายฝน แต่พรุ่งนี้นะซิยังคิดหนักเพราะว่าพยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนตก ทำให้สิ่งที่คิดต่อมาคือต้องหาคนทำหน้าที่ปักตะไคร้....
มองไปมองมาแล้วต้องถอนหายใจ... เฮ้อ...

วันนี้ตื่นแต่เช้ามาพร้อมกับเสียงฝนพรำทำให้ใจหายวาบ รู้สึกตุ๊บต่อม เพราะวันนี้เรามีแผนจะไปเมืองอุชกูลี่ เมืองมรดกโลกท่ามกลางขุนเขาที่เค้าว่าโรแมนติกนักหนา ในที่สุดเราก็ได้รับข่าวว่าถนนไปยังหมู่บ้านอุชกูลี่ถูกตัดขาดเพราะว่าเมื่อคืนฝนตกหนัก และเพิ่งเริ่มลดเม็ดฝนลงมาเมื่อเช้านี้เอง.... กรี๊ด!! ปรึกษากันแล้วก็ต้องใช้แผน B เปลี่ยนจากเมืองอุชกูลี่ไปเที่ยวเส้นทางอื่นในระแวกเมืองเมสเตียแทน 

ฟ้ายังเป็นใจ..พอสายๆ ทุกอย่างก็เข้าสู่ความแจ่มใส เราขึ้นไปบนดาดฟ้ามองเห็นรุ้งกินน้ำอยู่ที่ปลายฟ้าตัดผ่านเส้นสันเขาอย่างพอดิบพอดี เป็นสัญญานให้รู้ว่าอย่างน้อยวันนี้เราก็ได้เที่ยวในอีกเส้นทางอย่างสวยงามสดใส
ไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถพาเรานั่งรถ WD4x4 ที่มีลักษณะเป็นรถตู้เล็กๆ มุ่งไปยังเนินเขาเบื้องหน้าทิศทางเดียวกันกับทางไปเมืองอุชกูลี่ แต่ว่าจุดที่เราไปเที่ยวนั้นอยู่หลังเนินเขาใกล้ตัวเมืองนี้เอง เรานั่งรถกันเพียง 20 นาทีก็ถึง รถพาลดเลี้ยวเคี้ยวคนตามถนนเล็กๆ และท้ายที่สุดก็มาถึงยังลานหญ้ามองเห็นวิวภูเขากว้างไกลสุดตา ทุกคนลงจากรถพร้อมกับร้องว๊าว ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่านั่งรถแป๊บเดียวทะลุมายังสวิสเซอร์แลนด์ได้ยังไง (คงเวอร์ไป)

เราทุกคนพุ่งตัวไปยังลานกว้างวิ่งสนุกถ่ายรูปด้วยท่าทางต่างๆ อย่างสนุกสนานจนลืมเมืองอุชกูลี่มรดกโลกไปเลย ที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณ Heshkill ที่ๆ พวกเราสามารถวิ่งเริงร่าเป็นนางเอกในหนัง The Sound of Music ได้อย่างไม่ขัดเขิน

นอกจากลานกว้างแล้วที่นี่ยังมีชิงช้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ใช้เป็นพร๊อพประกอบให้พวกเราได้นั่งถ่ายรูป "มุมเสย" ได้ความงามอีกแบบอย่างที่เค้านิยมถ่ายกัน เราต่อคิวแย่งกับนักท่องเที่ยวท้องถิ่น ทุกคนดูมีความสุข แบ่งกันถ่ายรูป แบ่งกันเป็นคนผลักชิงช้า ทั้งชาวจอร์เจียและชาวไทย ร่วมใจกันจัดสรร เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ เก๋ๆ ตามใจปรารถนา

เราให้เวลากับที่แห่งนี้เยอะมาก รู้สึกลืมเวลากันไปเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็คงเป็นเพราะว่าเดินทางไม่ไกลมากจากตัวเมือง ทำให้เรามีเวลาสนุกกันได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นกรุ๊ปเหมาจอร์เจีย กรุ๊ปที่ปรึกษากันแล้วสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ความเป็นจริง กลุ่มเพื่อนมีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ทำให้เราพร้อมใจกันเดินหายไปบนเนินเขาได้อย่างสบายใจ ปล่อยให้ไกด์ท้องถิ่น หัวหน้าทัวร์ ตะโกนเรียกอยู่เป็นนานสองนานกว่าเราจะกลับมา.... อิอิ

หลังจากจุด Heshkill ที่เราเพลิดเพลินกันอย่างเต็มที่บนเนินเขา เราก็ไปต่ออีกจุดที่ไม่ไกลมาก เดินทางเพียง 15 นาทีก็ถึง จุดนี้ต้องเปลี่ยนเป็นนั่งกระเช้า โชคดีที่ท้องฟ้าแจ่มใสมากๆ เป็นฟ้าหลังฝนที่แสนงดงาม กระเช้าเปิดทำการได้ทำให้เราสามารถนั่งขึ้นไปยังยอดเขาด้านบนได้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ 

ในความคิดแรกเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากเพราะว่าก็คงได้วิวเหมือนกับที่เราไปเที่ยวมาเมื่อสักครู่นี้ เพราะเป็นจุดใกล้เคียงกัน วิวก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เรานั่งกระเช้าขึ้นไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงสถานีกระเช้าด้านบน ซึ่งถ้าเลี้ยวขวาก็เดินเข้าสู่จุดชมวิวและร้านกาแฟ และถ้าเดินทางไปทางซ้ายก็จะเป็นเส้นทางเดินเทรลสำหรับคนรักธรรมชาติ กลุ่มเราตรงดิ่งไปยังร้านกาแฟ และสั่งกาแฟมากันคนละแก้ว จากนั้นออกไปนั่งดื่มด่ำวิวภูเขาที่บัดนี้อยู่เบื้องหน้าเราอีกครั้ง เผยให้เห็นความงามรอบทิศทางระดับ 360 องศา แม่เจ้าโวย...... ผิดคาด เกินคาด... สวยมากกกกก 

ด้วยความงามเกินบรรยายนี้ทำให้สมาชิกเราบางคนเปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มชวนฝันแทน... อะไรดีน๊าาา ที่ประเทศนี้เค้าขึ้นชื่อว่าถูกและดี... อะไรเอ่ย

เรานั่ง(บางคนยืนเต้นแร้งเต้นกา) ชมวิวอย่างเพลิดเพลินจนถึงเวลาทานอาหารกลางวัน จึงต้องโบกมือบ๊ายบาย อำลาวิวสวยๆ บนภูเขาแห่งนี้และไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมในตัวเมือง ขอบอกว่าเมืองนี้มีวิวที่เหลือกินเหลือใช้จริงๆ เพราะเราไปนั่งทานอาหารกลางวันบนดานฟ้าโรงแรม(คนละที่กับที่เรานอน) บนดานฟ้านี้ก็สามารถมองเห็นวิวภูเขาและมุมเมืองเก่าได้โดยรอบ มองเห็นทาวเวอร์ของบ้านเก่าได้อย่างเต็มตา มื้อกลางวันนี้ต้องเรียกว่ากินข้าวกับน้ำตาเพราะว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ปลื้มปริ่ม ดื่มด่ำ เย้ายวน เปี่ยมสุขจริงๆ..... ขอบคุณฟ้าใสๆ ในเดือนที่มีฝนพรำ

เนินทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้ป่าแซมตลอดเนินเขา

พร๊อพประกอบการถ่ายรูปที่เค้ามีให้เราได้สนุกกัน

วิว 360 องศาที่ต้องนั่งกระเช้าขึ้นไปชมวิวเทพ

เที่ยวจอร์เจีย ไม่ว่าจะเป็นทริปที่ซื้อจอยทัวร์กับบริษัททัวร์ หรือจัด กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย ในแบบของทุกคน ล้วนแล้วแต่สร้างความสุขสนุกสนานได้ เหมือนอย่างในทริปนี้วันที่มีฝนพรำก็กลายเป็นวันที่สร้างความประทับใจได้เสมอ ขึ้นกับโอกาส ทัศนคติ ความคิดของแต่ละคน ในทริปนี้อาจโชคดีในความโชคร้าย ในเดือนฝนพรำเรายังมีวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสด้วยเช่นกัน 

#เที่ยวชมดอกไม้อย่ากลัวหน้าฝน
#เที่ยวหลายคนอย่ากลัวเรื่องเยอะ
#เที่ยวกันเถอะอย่ากลัวเงินหมด... แฮร่!!

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าความประทับใจที่ลูกค้าบีเจอร์นีไลฟ์ ได้ช่วยอนุเคราะห์เขียนมาให้ได้อ่านกันใน Story To Go
ส่วนท่านอื่นๆ ที่สนใจทำ กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย หรือเส้นทางท่องเที่ยวอื่นๆ สามารถสอบถามเข้ามาได้เลย LINE : beejourney

สามารถดูโปรแกรมท่องเที่ยวจอร์เจีย หรือทำ กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย สามารถดูได้ที่เวปไซด์บีเจอร์นีไลฟ์