25-26 พฤศจิกายน 2023
การดำเนินชีวิตและการปรนนิบัติ
ตามแผนการบริหารของพระเจ้า
เกี่ยวกับคริสตจักร
I. ก่อนอื่นการปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้านั้นอยู่ในพระคริสต์ ซึ่งเป็นการสำแดงที่เป็นปัจเจกชนในเนื้อหนัง — 1ตธ.3:16; กซ.2:9; ยฮ.1:1, 14:
1. พันธสัญญาใหม่ไม่ได้กล่าวว่า พระบุตรของพระเจ้าทรงกลายเป็นเนื้อหนัง แต่เปิดเผยว่า พระเจ้าทรงปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในเนื้อหนัง — 1ตธ.3:15–16:
(1) พระเจ้าทรงปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในเนื้อหนัง ไม่เพียงในฐานะพระบุตรเท่านั้น แต่ในฐานะพระเจ้าทั้งองค์ — พระบิดา, พระบุตร, และพระวิญญาณ.
(2) ผู้ที่ได้กลายเป็นเนื้อหนังไม่ใช่แค่พระเจ้าพระบุตรเท่านั้น แต่เป็นพระเจ้าทั้งองค์; ดังนั้น พระคริสต์ที่อยู่ในการกลายเป็นเนื้อหนังของพระองค์ก็คือพระเจ้าทั้งองค์ที่ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในเนื้อหนัง:
ก. ในการปฏิบัติในช่วงเวลาแห่งการกลายเป็นเนื้อหนังของพระคริสต์นั้น พระองค์ทรงนำพระเจ้าผู้ไร้ขอบเขตจำกัดเข้าสู่มนุษย์ที่มีขอบเขตจำกัด; ในพระคริสต์นั้น พระเจ้าผู้ไร้ขอบเขตจำกัดและมนุษย์ที่มีขอบเขตจำกัดได้กลายเป็นหนึ่ง — ยฮ.8:58; 7:6; 12:24.
ข. โดยการกลายเป็นเนื้อหนังนั้น การผสมรวมกันอันศักดิ์สิทธิ์ — พระเจ้าในตรีเอกภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในกันและกันและทำการงานร่วมกันเป็นหนึ่ง — ได้ถูกนำเข้าสู่สภาพมนุษย์; ดังนั้นพระคริสต์จึงทรงเป็นการผสมรวมกันของพระเจ้าตรีเอกภาพกับมนุษย์ที่มีสามส่วน — 14:10–11.
2. พระคำผู้เป็นพระเจ้าได้กลายเป็นเนื้อหนัง — 1:1, 14:
(1) วลี “ได้กลายเป็นเนื้อหนัง” (ข้อ 14) หมายถึงมีลักษณะหรือรูปลักษณ์ของมนุษย์ — รม.8:3; ฟป.2:7–8.
(2) พระคริสต์ทรงปรากฏต่อผู้คนในลักษณะสภาพของมนุษย์ แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในมนุษย์ — 2กธ.5:16.
(3) พระคำที่ทรงเป็นพระเจ้านั้นไม่ใช่พระเจ้าเพียงบางส่วน แต่เป็นพระเจ้าทั้งองค์ — พระเจ้าพระบุตร, พระเจ้าพระบิดา, และพระเจ้าพระวิญญาณ.
(4) พระคำคือคำจำกัดความ, การอธิบาย, และการสำแดงของพระเจ้า; ดังนั้น
พระคำที่ได้กลายเป็นเนื้อหนัง — พระเจ้าที่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในเนื้อหนัง — ก็คือคำจำกัดความ, การอธิบาย, และการสำแดงของพระเจ้าในเนื้อหนัง —
ยฮ.1:18.
3. ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นแห่งฐานันดรความเป็นพระเจ้าล้วนอาศัยอยู่ในพระคริสต์อย่างมีรูปมีร่าง — กซ.2:9:
(1) “ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นแห่งฐานันดรความเป็นพระเจ้า” ชี้ถึงฐานันดรความเป็น
พระเจ้าทั้งองค์ ซึ่งก็คือชี้ถึงพระเจ้าที่ครบถ้วน.
(2) ในเมื่อฐานันดรความเป็นพระเจ้าประกอบขึ้นด้วยพระบิดา, พระบุตร, และ
พระวิญญาณ ความบริบูรณ์แห่งฐานันดรความเป็นพระเจ้าก็ต้องเป็นความบริบูรณ์ของพระบิดา, พระบุตร, และพระวิญญาณ.
(3) ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นแห่งฐานันดรความเป็นพระเจ้าล้วนอาศัยอยู่ในพระคริสต์อย่างมีรูปมีร่างนั้นหมายความว่า พระเจ้าตรีเอกภาพทรงแปรสภาพเป็นรูปธรรมอยู่ในพระองค์ — ยฮ.14:10.
(4) ในฐานะการแปรสภาพเป็นรูปธรรมของความบริบูรณ์แห่งฐานันดรความเป็นพระเจ้า พระคริสต์ไม่เพียงเป็นพระบุตรของพระเจ้าเท่านั้น แต่ทรงเป็นพระเจ้าทั้งองค์ด้วย.
II. 1 ติโมเธียว 3:15–16 บ่งชี้ว่า ไม่เพียงตัวของพระคริสต์เองผู้เป็นศีรษะเท่านั้นที่เป็นการปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้าในเนื้อหนัง แต่คริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระคริสต์และบ้านของพระเจ้าก็เป็นการปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้าในเนื้อหนังเช่นเดียวกัน — ข้อลับลึกแห่งธรรม:
1. “ธรรม” ในข้อ 16 ไม่ได้หมายถึงความนบนอบเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการที่พระเจ้าทรงมีชีวิตเป็นอยู่ในคริสตจักร ซึ่งก็คือการที่พระเจ้าผู้เป็นชีวิตนั้นได้ดำเนินชีวิตออกมาในคริสตจักร:
(1) ทั้งพระคริสต์และคริสตจักรต่างก็เป็นข้อลับลึกแห่งธรรม ซึ่งสำแดงพระเจ้าในเนื้อหนัง.
(2) การดำเนินชีวิตคริสตจักรคือการสำแดงของพระเจ้า; ดังนั้นข้อลับลึกแห่งธรรมจึงเป็นการดำเนินชีวิตของคริสตจักรที่ถูกต้อง — 1กธ.1:6; 14:24–25.
2. พระเจ้าทรงปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในคริสตจักร — บ้านของพระเจ้าและพระกายของพระคริสต์ — เป็นการสำแดงแห่งกลุ่มชนที่ขยายใหญ่ขึ้นในเนื้อหนัง — อฟ.2:19; 1:22–23:
(1) การปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้าในเนื้อหนังเริ่มต้นด้วยพระคริสต์ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่บนแผ่นดินโลก — ยฮ.14:9.
(2) การปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้าในเนื้อหนังดำเนินสืบเนื่องไปโดยคริสตจักร ซึ่งเป็นการเพิ่มพูน, การขยายใหญ่ขึ้น, และการเพิ่มทวีของการปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้าในเนื้อหนัง — 1ตธ.3:15–16.
3. เมื่อคริสตจักรได้รับการดูแลตามสิ่งที่ได้เขียนไว้ใน 1 ติโมเธียวบทที่ 1—3 คริสตจักรก็จะมีการใช้งานเป็นบ้านของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่เพื่อการเคลื่อนไหวของพระองค์บนแผ่นดินโลก ทั้งเป็นเสาและฐานรากแห่งหลักความจริงที่แบกรับความเที่ยงแท้ของพระคริสต์และพระกายของพระองค์ — 3:15.
4. คริสตจักรเช่นนี้กลายเป็นการสานต่อของพระคริสต์ผู้เป็นการปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้าในเนื้อหนัง — พระคริสต์ทรงดำเนินชีวิตออกมาจากคริสตจักรซึ่งเป็น
การปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้า — อฟ.5:32.
5. นี่คือพระเจ้าที่ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในเนื้อหนังในลักษณะที่กว้างขวางขึ้นตามหลักการของการกลายเป็นเนื้อหนังในพันธสัญญาใหม่ — 1กธ.7:40; ฆต.2:20:
(1) หลักการของการกลายเป็นเนื้อหนังคือพระเจ้าเข้าสู่มนุษย์และนำพระองค์เองมาผสมกลมกลืนกับมนุษย์ เพื่อทำให้มนุษย์เป็นหนึ่งกับพระองค์เอง; ดังนั้น
พระเจ้าจึงอยู่ในมนุษย์ และมนุษย์ก็อยู่ในพระเจ้า — ยฮ.15:4–5.
(2) หลักการของการกลายเป็นเนื้อหนังหมายถึงสภาพพระเจ้าถูกนำเข้าสู่สภาพมนุษย์และทำงานร่วมกับสภาพมนุษย์ — 1กธ.6:17; 7:40; 1ตธ.4:1.
(3) หลักการของการกลายเป็นเนื้อหนังในพันธสัญญาใหม่คือชีวิตและพระนิสัยอันศักดิ์สิทธิ์ได้ผสมกลมกลืนกับชีวิตและนิสัยของมนุษย์ในพระคริสต์และโดยพระคริสต์ เพื่อเรากับพระเจ้าจะมีชีวิตเดียวและการดำเนินชีวิตอย่างเดียวกัน — 1กธ.6:17; ฆต.2:20.
(4) เปาโลเขียน 1 โกรินโธบทที่ 7 ในหลักการของการกลายเป็นเนื้อหนัง:
ก. หลักการในข้อ 10 เหมือนกันกับหลักการใน ฆต.2:20: หลักการของการ
กลายเป็นเนื้อหนัง — สองคนดำเนินชีวิตเหมือนคนคนเดียว.
ข. ใน 1กธ.7:25 และ 40 เรามองเห็นการอยู่ฝ่ายวิญญาณของบุคคลหนึ่งที่เป็นหนึ่งกับองค์พระผู้เป็นเจ้าและแผ่ซ่านด้วยพระองค์ จนกระทั่งความคิดเห็นของเขาสำแดงออกซึ่งความคิดขององค์พระผู้เป็นเจ้า.
ค. ถ้าเราซาบซ่านด้วยพระวิญญาณนั้น สิ่งที่เราสำแดงออกก็จะเป็นสิ่งที่เราคิดนั้น ทว่าสิ่งนั้นก็จะเป็นบางสิ่งที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย เพราะเราเป็นหนึ่งกับพระองค์ — 6:17.
6. ข้อลับลึกแห่งธรรมที่ยิ่งใหญ่คือพระเจ้าทรงกลายเป็นมนุษย์ เพื่อมนุษย์จะกลายเป็นพระเจ้าในชีวิตและนิสัย แต่ไม่มีส่วนในฐานันดรความเป็นพระเจ้า เพื่อก่อกำเนิดมนุษย์พระเจ้าแห่งกลุ่มชน เพื่อการปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้าในเนื้อหนัง — รม.8:3; 1:3–4; อฟ.4:24.
7. ในที่สุดพระเจ้าก็จะปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ในฐานะการสำแดงแห่งกลุ่มชนที่สำเร็จสุดยอดของพระเจ้าตรีเอกภาพที่ผ่านขั้นตอนและสำเร็จสุดยอดในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ — วว.21:1–2, 10–11