25-26 พฤศจิกายน 2023
การดำเนินชีวิตและการปรนนิบัติ
ตามแผนการบริหารของพระเจ้า
เกี่ยวกับคริสตจักร
I. ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้มายังท่านโดยหวังใจว่า … ท่านก็ยังคงได้รู้ว่า ควรจะประพฤติอย่างไรในบ้านของพระเจ้า” — 1ตธ.3:15ก:
1. เรื่องที่เปาโลได้นำมาหล่อเลี้ยงให้แก่ติโมเธียวนั้นเป็นเรื่องของการประพฤติตัวในบ้านของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง — 1:3–5, 18–19.
2. หนทางที่เราจะประพฤติตัวในคริสตจักรคือการกลายเป็นบุคคลที่รักพระคำของ
พระเจ้า — 3:15ก; เทียบ ยฮ.6:63, 68.
3. การเคารพฐานะประมุขของพระคริสต์และค้ำชูหลักความจริงคือสองหลักการที่ใช้กำกับซึ่งเราจำเป็นต้องทำตาม เพื่อจะรู้ว่าเราควรประพฤติอย่างไรในการดำเนินชีวิตคริสตจักร — กซ.2:19; อฟ.4:15.
4. ถ้าจะประพฤติตัวให้ถูกต้องในบ้านของพระเจ้า ซึ่งก็คือคริสตจักร เราจำเป็นต้องใส่ใจต่อคำสอนที่มีพลานามัย — 2ตธ.4:3–4.
5. เราต้องมีชีวิตเป็นอยู่และกระทำกิจในวิญญาณของเรา เพื่อพระเจ้าจะถูกสำแดงเป็นที่ประจักษ์อยู่ในคริสตจักรว่าเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ — ยฮ.4:23–24; 1กธ.6:17;
1ตธ.3:15–16.
II. “ข้อลับลึกแห่งธรรมนั้นช่างยิ่งใหญ่นัก เป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนยอมรับ” — ข้อ 16ก:
1. คำว่า “ธรรม” ซึ่งเป็นคำสำคัญนี้ได้ถูกใช้ถึง 9 ครั้งใน 1 และ 2 ติโมเธียว— 1ตธ.2:2; 3:16; 4:7–8; 6:3, 5–6, 11; 2ตธ.3:5.
2. “ธรรม” คือข้อลับลึกอย่างหนึ่ง เพราะแม้ธรรมจะเป็นสิ่งที่จริงแท้และมีชีวิต แต่ก็ไม่ประจักษ์แก่ตา — 1ตธ.3:16ก; 6:11.
3. การรู้จักหลักความจริงอย่างครบถ้วนนั้นสอดคล้องกับธรรมนั้น — ตต.1:1.
4. หลักความจริงหรือความเที่ยงแท้ของแผนการบริหารที่นิรันดร์ของพระเจ้านั้นสอดคล้องกับธรรม ซึ่งก็คือการที่พระเจ้าทรงปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในมนุษย์ — ข้อ 1; 1ตธ.3:16ก.
5. ธรรมคือการเหมือนพระเจ้า คล้ายคลึงพระเจ้าและสำแดงพระเจ้า — กซ.1:15; 3:10.
6. ธรรมไม่เพียงเป็นเรื่องทางภายนอก; คำว่า “ปรากฏเป็นที่ประจักษ์” ใน 1ตธ.3:16 บ่งชี้ว่า ธรรมคือชีวิตทางภายในซึ่งมีการสำแดงทางภายนอก.
7. ในฐานะที่เราเป็นผู้เชื่อในพระคริสต์ เราควรแสวงหาการอยู่ในธรรม; การแสวงหาการอยู่ในธรรมคือการดำเนินชีวิตประจำวันที่ให้พระเจ้าได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ — 6:11.
8. ถ้าอยากให้พระเจ้าได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ในเนื้อหนัง ธรรมก็ต้องถูกสำแดงออกมาในการดำเนินชีวิตทั้งหมดของเรา — 1ยฮ.3:2; 2:28.
9. แผนการบริหารของพระเจ้าคือการให้พระเจ้าเข้ามาสู่เรา ส่วนธรรมคือการให้พระเจ้าออกมาจากเรา — 1ตธ.1:4; 3:16ก:
(1) การดำเนินชีวิตคริสเตียนก็คือการให้พระเจ้าเสด็จเข้ามาและการให้พระเจ้าเสด็จออกมา — ยฮ.4:14; 7:29.
(2) เนื่องจากธรรมคือการสำแดงของพระเจ้า การดำเนินชีวิตคริสเตียนจึงควรเป็นการดำเนินชีวิตที่สำแดงพระเจ้า และมีพระลักษณะของพระเจ้าในทุกเรื่อง — ฮร.1:3; 2กธ.3:18.
(3) ใน 1ตธ.2:2 กล่าวว่าเราจำเป็นต้องดำเนินชีวิตอย่างสงบราบรื่นด้วยการอยู่ในธรรม; กระทั่งในเรื่องที่เล็กน้อย เราก็จำเป็นต้องดำเนินชีวิตด้วยการอยู่ในธรรม ในทุกหนทุกแห่งและในทุกเรื่องราว.
(4) ชีวิตคริสตจักรของเรา, ชีวิตประจำวันของเรา, และชีวิตครอบครัวของเราก็คือการให้พระเจ้าเสด็จเข้ามาและการให้พระเจ้าเสด็จออกไปตลอดทั้งวัน — 2กธ.13:14; 3:18.
10. คริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ก็คือข้อลับลึกที่สุดยอดแห่งธรรม เพราะการดำเนินชีวิตคริสตจักรที่ถูกต้องคือการปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของพระเจ้าในเนื้อหนังอย่างเป็นกลุ่มชน — 1ตธ.3:15–16; กซ.1:15.
III. “จงฝึกฝนตัวไปในทางธรรม” — 1ตธ.4:7ข:
1. หนทางที่จะประพฤติตัวในชีวิตคริสตจักรคือการฝึกฝนตัวไปในทางธรรม — 3:15ก; 4:7ข; 2:2.
2. เราทุกคนต้องฝึกฝนวิญญาณของเราเพราะข้อลับลึกของพระเจ้านั้นอยู่กับวิญญาณของเรา — อฟ.1:9; 3:3-4, 9; 5:32; กซ.1:26–27; 2:2; 2ตธ.4:22.
3. ชีวิตคริสเตียนของเราคือการดำเนินชีวิตที่อยู่ในธรรม ซึ่งมาจากการที่พระเจ้าทรงแจกจ่ายตัวพระองค์เองเข้าสู่เรา; เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการที่วิญญาณของเราได้ฝึกฝนอย่างเต็มที่ — 2กธ.13:14; 2ตธ.4:22; ฟม.25.
4. เราจำเป็นต้องสร้างความเคยชินในการฝึกฝนวิญญาณของเรา — 1ตธ.4:7ข; 1กธ.6:17; อฟ.2:22:
(1) การดำเนินชีวิตที่อยู่ในธรรมซึ่งเป็นผลมาจากการแจกจ่ายของพระเจ้านั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝนวิญญาณของเรา— 1ตธ.4:7ข; ยฮ.4:23–24.
(2) ถ้าเราไม่ฝึกฝนวิญญาณของเราอย่างเข้มแข็งเพื่อจะร่วมมือกับองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าก็ไม่สามารถแจกจ่ายตัวของพระองค์เองเข้าสู่เราได้ — 2กธ.13:14;
1กธ.6:17; รม.8:4, 9.
5. คำว่า “ฝึกฝน” มีความหมายเป็นนัยถึงการฝืนใจ — 1ตธ.4:7ข:
(1) การฝึกฝนย่อมเป็นเรื่องที่ต้องฝืนใจเสมอ.
(2) ทุกครั้งที่เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เราจำเป็นต้องฝืนตัวเองเพื่อจะฝึกฝนวิญญาณของเรา — เทียบ รม.8:28.
(3) ถ้าคริสเตียนอย่างเราต้องการเข้มแข็งและเติบโตในองค์พระผู้เป็นเจ้า เราก็ต้องฝืนตัวเราเองเพื่อจะใช้วิญญาณของเรา — 2ตธ.4:22; วว.1:10; 4:2; 17:3; 21:10; รม.8:16.
6. การฝึกฝนวิญญาณของเราคือการตั้งความคิดของเราไว้ในวิญญาณ — ข้อ 6; มลค.2:15–16:
(1) เมื่อเราตั้งความคิดของเราไว้ในวิญญาณ ความรู้สึกแห่งชีวิตที่อยู่ภายในของเราย่อมรับรู้ถึงชีวิตและสันติสุข รับรู้ว่ามีกำลัง, ความอิ่มหนำ, การพักสงบ, การปลดปล่อย, ชีวิตชีวา, การรดน้ำ, ความสว่าง, และการปลอบโยน.
(2) เมื่อเราตั้งความคิดของเราไว้ในเนื้อหนัง ความรู้สึกที่อยู่ภายในย่อมรับรู้ถึงความตาย รับรู้ถึงความอ่อนแอ, ความว่างเปล่า, ความไม่สบายใจ, การไม่พักสงบ, ความหดหู่, ความเหี่ยวแห้ง, ความมืด, และความเจ็บปวด.
(3) ชีวิตคริสเตียนของเราไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานของความถูกผิด แต่เป็นไปตามวิญญาณ และเรารู้จักวิญญาณได้โดยความรู้สึกทางภายในที่รับรู้ถึงชีวิตและสันติสุข — รม.8:6, 16; 9:1; 2กธ.13:14.
7. การฝึกฝนวิญญาณของเราคือการแยกแยะวิญญาณของเราออกจากจิตของเรา —
ฮร.4:12:
(1) เราควรที่จะเฝ้าระวังตลอดเวลาในการแยกแยะและปฏิเสธทุกสิ่งที่ไม่ได้มาจากวิญญาณ แต่มาจากจิต ซึ่งก็คือตัวเอง — มธ.16:25; เทียบ ลก.9:25.
(2) เราจำเป็นต้องรักษาวิญญาณของเราให้แยกจากจิตของเราตลอดเวลา — ฮร.4:12; 1ธซ.5:23.
(3) ยุทธอุบายของมารคือการเอาจิตของเรามาปนกับวิญญาณของเรา
(4) ทุกสิ่งที่เราเป็น, ทุกสิ่งที่เรามี, และทุกสิ่งที่เราทำ ล้วนต้องอยู่ในวิญญาณ; ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็นต่อเราล้วนอยู่ในวิญญาณของเรา — 2ตธ.4:22.
8. ถ้าจะพิสูจน์ว่าการฝึกฝนตัวไปในทางธรรมคือการฝึกฝนวิญญาณ เราจำเป็นต้องไปดู 2 ติโมเธียว ซึ่งเปาโลกล่าวว่าพระเจ้าได้ประทานให้เรามีวิญญาณที่มีฤทธิ์เดช, มีความรัก, และมีสติสัมปชัญญะ; วิญญาณเช่นนี้มาพร้อมกับความตั้งใจที่เข้มแข็ง, อารมณ์ที่รัก, และความคิดที่มีสติสัมปชัญญะ — 1:7:
(1) คำว่า “วิญญาณ” ใน 2ตธ.1:7 บ่งชี้ถึงวิญญาณมนุษย์ของเราที่ได้บังเกิดใหม่และมีพระวิญญาณบริสุทธิ์อาศัยอยู่ภายใน — ยฮ.3:6; รม.8:16.
(2) การพัดของประทานของพระเจ้าให้ลุกโชติช่วงดุจไฟมีความเกี่ยวข้องกับวิญญาณที่ได้บังเกิดใหม่ของเรา — 2ตธ.1:6.
(3) “ฤทธิ์เดช” เล็งถึงความตั้งใจของเรา, “ความรัก” เล็งถึงอารมณ์ของเรา, และ “สติสัมปชัญญะ” เล็งถึงความคิดของเรา — ข้อ 7.
9. การฝึกฝนตัวไปในทางธรรมคือการฝึกฝนวิญญาณของเราเพื่อดำเนินชีวิตพระคริสต์ในชีวิตประจำวันของเราเพื่อการก่อสร้างคริสตจักรในฐานะพระกายของพระคริสต์ — 1ตธ.4:7ข; อฟ.2:20–22; 4:12, 16; 1กธ.14:4, 12.