การขนส่งทางบก (Land Transportation)
การขนส่งทางบกนั้นจะประกบอไปด้วย 3 รูปแบบก็การขนส่งทางรถไฟ และการขนส่งทางรถยนต์
1. การขนส่งทางรถยนต์ (Motor Transportation) หรือ รถบรรทุก (Truck Transportation) บ่อยครั้งมักจะเป็นตัวเชื่อมในการขนส่งแบบอื่นที่ไม่สามารถไปต่อถึงจุดหมายได้ เป็นการขนส่งที่มีความเหมาะสมสำหรับสินค้าตั้งแต่ขนาดกลางไปถึงขนาดและการขนส่งสินค้าในระยะทางสั้น เวลาการจัดส่งก็สามารถคลาดเคลื่อนได้ เพราะสามารถจะจอดพักระหว่างการเดินทางหรือเปลี่ยนแปลงเส้นทางได้ เป็นข้อดีที่ทำให้ขนส่งสินค้าตลอดเวลาตามความต้องการได้
2. การขนส่งทางรถไฟ (Railroads) มีความเหมาะการขนส่งสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักและปริมาณมากในระยะทางที่ไกล ๆ ได้ และยังมีอัตราค่าบริการไม่แพงมาก นอกจากนี้ยังมีความปลอดภัยกว่าการขนส่งทางรถยนต์ เพราะมีการเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถแวะพักระหว่างทาง หรือจะออกนอกเส้นทางได้อย่างการขนส่งทางรถยนต์ ทำให้การขนส่งทางรถไฟมักมีกำหนดระยะเวลาการจัดส่งอย่างแน่นอน
3. การขนส่งจักรยานยนต์ (Motorcycle) มีความเหมาะกับสินค้าขนาดเล็ก-กลาง และการขนส่งในระยะการขนส่งสั้น ๆ เท่านั้นหรือการขนส่งเร่งด่วนแบบ Delivery และยังมีอัตราค่าบริการราคาไม่แพงมาก มีความรวดเร็วในการรับ – ส่งสิ่งของถึงมือลูกค้าในระยะการขนส่งระยะทางและเวลาอันสั้น สั้น จึงกำลังเป็นนิยมอย่างมากในปัจจุบันในบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ร้านอาหาร แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อกำจัดในเรื่องของการควบคุมอุณหภูมิสำหรับสินค้าบางประเภทได้ รวมถึงการให้บริการยังไม่ได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่
การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation)
การขนส่งทางน้ำ เป็นการขนส่งด้วยการใช้แม่น้ำ, ลำคลอง และมหาสมุทรเป็นเส้นทางในการลำเลียงสินค้าและสิ่งของ มีความเหมาะสมอย่างมากกับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศหรือขนส่งในระยะไกลออกไปมาก ๆ และยังเหมาะสมกับสินค้าที่มีขนาดใหญ่ พร้อมกับปริมาณที่มาก โดยเฉพาะกับสินค้าประเภทที่มีความยากแก่การเสียหาย แต่การขนส่งทางน้ำ จะไม่สามารถกำหนดเวลาของการขนส่งได้แน่นอน เนื่องจากภูมิอากาศ และ ภูมิประเทศ นั่นเอง แต่สำหรับเรื่องอัตราค่าขนส่งนั้นจะมีความถูกกว่าการขนส่งประเภทอื่น ๆ
การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation)
การขนส่งทางอากาศเป็นการขนส่งที่มีความเหมาะกับการขนส่งระหว่างประเทศ หรือมีความต้องการความรวดเร็ว สะดวกและปลอดภัย ในการขนส่งสูง แต่จะเหมาะกับสินค้าที่อาจจะมีความสูญเสียได้ง่ายถ้าหากล่าช้า อย่างเช่นประเภท ผัก ผลไม้ ดอกไม้ เป็นต้น และไม่เหมาะกับสินค้าขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก สำหรับอัตราค่าใช้จ่ายก็สูงมากกว่าการขนส่งแบบอื่น ๆ มาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามการขนส่งทางอากาศก็มีส่วนสำคัญทำให้ธุรกิจนำเข้า - ออกนั้นขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งในและต่างประเทศได้
การขนส่งทางท่อ (Pipeline Transportation)
การขนส่งทางท่อมีลักษณะเด่นจากการขนส่งประเภทอื่น ๆ เพราะการขนส่งแบบไม่ต้องเคลื่อนที่แต่จะใช้อุปกรณ์ในการขนส่งได้ทั้งบนดิน หรือแม้กระทั่งใต้ดินหรือใต้น้ำ โดยถูกนำมาใช้กับการขนส่งประเภทของเหลวและก๊าซ อย่างเช่น น้ำประปา ก๊าซธรรมชาติ หรือน้ำมันนั่นเอง แต่จะมีสภาพภูมิอากาศเป็นตัวกำหนดความแน่นอนของเวลาในการขนส่ง มีข้อดีที่ประหยัดทั้งต้นทุนและไม่จำกัดเวลาหรือปริมาณ ในการขนส่ง แต่ก็มีข้อเสียเรื่องค่าใช้จ่ายเยอะมากในการลงทุนครั้งแรก และยังตรวจสอบหาจุดบกพร่องทำได้ยาก ไม่เหมาะสำหรับภูมิประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อย ๆ
การขนส่งระบบคอนเทนเนอร์ (Container System)
เป็นการขนส่งสินค้าหรือสิ่งของโดยมีเป็นกล่องบรรจุ เป็นคอนเทนเนอร์ ตู้ หรือ กล่องเหล็กขนาดใหญ่ แต่มีการขนส่งอีกที ด้วยยานพาหนะ เช่น รถบรรทุก รถไฟ เรือ หรือ เครื่องบิน ไปยังจุดหมาย และที่สำคัญตู้คอนเทนเนอร์มีความแข็งแรง และทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศ การยกขนถ่ายสินค้าหรือสับเปลี่ยนระหว่างการบรรทุกอย่างมาก ซึ่งจะสามารถป้องกันการชำรุดเสียหายของสินค้า รวมถึงยังป้องกันการถูกโจรกรรมได้อีก