ขับรถชนคนควรทำอย่างไรดี

ขับรถชนคนควรทำอย่างไรดี


ขับรถชนเขาแล้วไม่ควรหนี เพราะจะทำให้ยิ่งต้องรับโทษตามกฎหมายหนักขึ้นกว่าเดิมนะครับ การขับรถชนคนอื่นจะมีความผิดตามกฎหมายที่เราต้องพิจารณาอยู่ 2 ฉบับคือ ความรับตามประมวลกฎหมายอาญา และความรับผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522


ความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หากเป็นการกระทำโดยประมาท ความรับผิดของคนที่ขับรถชนนั้นพิจารณาจากผลของการชน หากคนที่ถูกชนตาย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291


มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกิน สองหมื่นบาท


แต่หากผลของการชนเป็นเหตุให้เขาได้รับอันตรายสาหัส เช่น พิการ แขนขาด ขาขาด หรือต้องรักษาตัวนานเป็นเดือน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300


มาตรา 300 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


แต่หากผลของการชนเป็นเหตุให้เขาได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เช่น หัวแตก เลือดออก สลบไป เช่นนี้ผู้กระทำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390


มาตรา 390 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


จะเห็นได้ว่าความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา กรณีขับรถโดยประมาทชนผู้อื่นนั้น จะถูกลงโทษหนักหรือเบาขึ้นอยู่กับผลของการกระทำที่เกิดขึ้น หากเขาถึงตายก็มีโทษถึงขั้นจำคุกไม่เกินสิบปี แต่หากเขาได้รับอันตรายแก่กายก็จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน แต่หากเขาไม่ได้รับอันตายแก่กายหรือจิตใจเลยก็ไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา


ทีนี้มาพิจารณาความรับผิดตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522


มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ (4) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน


ซึ่งหากกระทำความผิดตาม มาตรา 43 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สี่ร้อยบาทถึงหนึ่งพันบาท


และหากชนเขาแล้วไม่ลงไปช่วยเขา จะมีความผิดตาม มาตรา 78

มาตรา 78 ผู้ใดขับรถหรือควบคุมสัตว์ในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ว่าจะ เป็นความผิดของผู้ขับขี่ หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ หรือสัตว์ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที กับต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล และที่อยู่ของตนและหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย


หากไม่ลงไปช่วยเหลือต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึง หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส หรือตาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ


ที่กล่าวทั้งหมดเป็นโทษที่อาจจะได้รับในกรณีการขับรถโดยประมาทแล้วไปชนคนอื่น แต่โทษของการขับรถจะหนักขึ้นทันทีหากเป็นการขับขี่รถด้วยความมึนเมาหรือเสพสารเสพติด


ดังนั้น หากเราไม่อยากติดคุกเราต้องทำอย่างไร


1. อันดับแรกเมื่อรู้ว่าชนแล้ว ต้องลงจากรถเพื่อช่วยเหลือ การขับรถหนีไปนอกจากจะไม่ใช่หนทางที่ทำให้เราพ้นจากความรับผิดแล้ว ยังทำให้โทษหนักขึ้นอีกด้วย แต่การลงไปช่วยเหลือ เช่น ปฐมพยาบาล พาไปส่งโรงพยาบาล แม้สุดท้ายคนถูกชนจะตายหรือสาหัส ก็สามารถขอให้ศาลลดโทษให้ได้ เพราะถือเป็นเหตุบรรเทาโทษ(พยายามบรรเทาผลร้าย)


2. หากเราผิดจริงคือ ประมาทจริง ต้องเยียวยาผู้เสียหาย เช่น ในกรณีที่เขาตายต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จัดงานศพ ไปร่วมงานศพ ถ้าเขาบาดเจ็บต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งค่าใช่จ่ายเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของเราอยู่แล้ว หากเราไม่จ่ายก็จะถูกฟ้องละเมิดให้จ่ายอยู่ดี เมื่อเยียวยาแล้วก็เป็นเหตุให้ศาลลดโทษให้ได้ เพราะเป็นเหตุบรรเทาโทษ


3. เมื่อมีการพิจารณาคดีอาญาในศาลแล้วศาลพิเคราะห์เห็นว่าเราผิดจริง แต่ก็ได้ลดโทษให้เพราะเราได้พยายามบรรเทาผลร้ายแล้ว สุดท้ายศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ศาลก็สามารถรอลงอาญาไว้ ไม่ต้องติดคุกจริง ๆ


คำแนะนำดังกล่าวเป็นเรื่องที่กฎหมายให้สามารถทำได้ และเมื่อทำแล้วก็จะมีผลดีตามมา ไม่ใช่เรื่องช่องว่าของกฎหมายทำให้ไม่ติดคุก


หากมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมท่านสามารถปรึกษากับเราได้ทางโทรศัพท์นะครับ

สำนักงาน 12 เมษา ทนายความ

เลขที่ 410 หมู่ 13 ตำบลวังชะโอน

อำเภอบึงสามัคคี จังหวัดกำแพงเพชร

โทรศัพท์ 088-553-0722