OUR ACTIVITIES (2019'07)
กิจกรรม “ยิงเมล็ดพันธุ์พืช Seed Bomb และสร้างฝายให้ช้างได้มีน้ำใช้”
กิจกรรม “ยิงเมล็ดพันธุ์พืช Seed Bomb และสร้างฝายให้ช้างได้มีน้ำใช้”
จัดโดยกลุ่มจิตอาสานักเรียนทุน 1 อำเภอ 1 ทุน ร่วมกับ ชมรมอาสาสมัครอนุรักษ์สิ่งดีงาม
จำนวนจิตอาสาที่ร่วมกิจกรรม : 34 คน
วัตถุประสงค์ :
เพื่อปลูกป่าด้วยการกระจาย (ยิง) เมล็ดพันธุ์พืชในเขตป่าฟื้นฟู
เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับผืนดินและต้นไม้จากการฟื้นฟู่ป่า ในกระบวนการฟื้นฟูตัวเอง โดยผ่านกิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำ ซึ่งการปลูกป่าแบบไม่ต้องปลูก กล่าวคือเมื่อมีแหล่งน้ำสมบูรณ์ อากาศและดินจะมีความชื้นสูง การงอกของเมล็ดพันธ์ที่มีสัตว์เป็นพาหะ และการเติบโตของพันธุ์ไม้ตามธรรมชาติจะฟื้นตัวได้ดี และแนวฝายชะลอน้ำจะมีความชื้นสูงเมื่อเกิดไฟป่าจะเป็นแนวกันไฟได้ดี)
เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่าผ่านการเปิดโอกาสให้อาสาสมัครเข้ามาเรียนรู้
เพื่อส่งเสริมการตระหนักให้เรื่องภาวะโลกร้อน ปัญหาจากการขาดแคลนป่าไม้ขาดแคลนแหล่งน้ำ และอาหาร หากธรรมชาติเสียสมดุล จะส่งผลกระทบระยะยาวในอนาคต
เพื่อส่งเสริมและปลูกฝังให้จิตอาสาเสียสละส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและผู้สูงอายุมีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน มีโอกาสได้มาพบปะ พูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ช่วงวันเวลาทำกิจกรรม : วันเสาร์ที่ 6 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2562 เวลา 06 : 30 – 20 : 30 น.
สถานที่จัดกิจกรรม : ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
กิจกรรม :
กิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ และให้ความรู้เรื่องการปลูกป่าด้วยเมล็ด (ซีสบอม) และฝายชะลอน้ำ
เดินป่าศึกษาเส้นทางธรรมชาติตามเส้นทางลำน้ำ เพื่อเข้าไปทำฝายชะลอน้ำ และยิงเมล็ดพันธ์พืชปลูกป่าระหว่างทาง
เดินทางไปยังสะพานเหล็กข้ามแม่น้ำแคว (ศึกษาประวัติศาสตร์เส้นทางรถไฟสายมรณะ)
สรุปผลการดำเนินกิจกรรม :
กิจกรรม “ยิงเมล็ดพันธุ์พืช Seed bomb และสร้างฝายให้ช้างได้มีน้ำใช้” วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2562 ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ในครั้งนี้มีจิตอาสาที่มาเข้าร่วมทั้งหมด 34 คน ประกอบไปด้วยนักเรียนทุนโอดอสทั้งรุ่นที่ 1 รุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 รวมถึงบุคคลที่ไม่ใช่นักเรียนทุนที่ให้ความสนใจเข้ามาร่วมกิจกรรมกับเราในครั้งนี้ โดยกิจกรรมทั้งหมดเริ่มจากการลงทะเบียนเพื่อมาขึ้นรถก่อนเวลา 07.00 น. ณ ปั๊มน้ำมันปตท.สนามเป้า กรุงเทพมหานคร เพื่อออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดกาญจนบุรี โดยแบ่งเป็นรถตู้ทั้งหมด 3 คัน
เมื่อเดินทางถึงศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาน้ำพุแล้ว พี่กอล์ฟ ป้าส้ม รวมถึงทีมงานท่านอื่นๆก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยป้าส้มที่เป็นหัวหน้าศูนย์ของที่นี่ ได้กล่าวต้อนรับและอธิบายถึงความสำคัญของการปลูกป่าโดยใช้ Seed Bomb ว่า ป้าส้มที่เป็นผู้บุกเบิกในการมาปลูกป่าที่นี่ตั้งแต่ปี 2523 ก็ได้ลองผิดลองถูกมาหลายวิธี จนพบว่าการปลูกป่าโดยใช้ Seed Bomb เป็นวิธีที่ง่ายและใช้ได้ผลที่สุดโดยใช้คำนิยามที่ว่า”ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก” หมายถึงว่า พื้นที่ที่เรายิง Seed Bomb เข้าไป เมล็ดพืชจะเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ และมีการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตรอดด้วยตัวของเขาเอง ทำให้ป่าแห่งนั้นเกิดเป็นป่าที่สมบูรณ์ได้ และส่วนของการทำฝายที่นี่ป้าส้มก็ได้เล่าให้ฟังเช่นกันว่าฝายที่เราสร้างขึ้นมาที่นี่เป็นฝายที่สร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการกักเก็บน้ำให้ช้างที่อยู่ในบริเวณป่าแห่งนี้ได้ใช้ เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์ที่ช้างป่าเคยเดินลงมาแล้วมาติดกับรั้วไฟฟ้าที่ทางศูนย์ได้สร้างขึ้นและส่งเสียงร้องดังตอนกลางคืน ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความสงสัยและขึ้นไปสำรวจจึงพบว่า เนื่องจากในป่าไม่มีน้ำใช้ช้างป่าจึงเดินลงมาเรื่อยๆเพื่อเสาะหาแหล่งน้ำตามสัญชาตญานของมัน ป้าส้มและเจ้าหน้าที่จึงได้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างฝายที่นี่ โดยก็เริ่มจากการลองผิดลองถูกเช่นกัน ในระยะแรกนั้นที่นี่เคยใช้ถุงปุ๋ยในการทำฝาย แต่พบว่าวิธีนี้ไม่ได้ผลดั่งที่ควรเนื้องจากฤดูที่มีน้ำป่ากระสอบปุ๋ยเหล่านี้จะถูกน้ำซัดผุพังและกระจัดกระจายไปทั่วป่า รวมไปถึงอาจจะมีสารเคมีเจือปนจนส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าอีกด้วย จนมาพบว่า “การสร้างฝายแบบกึ่งถาวร” ซึ่งเป็นฝายที่สร้างมาจากหิน ดิน และปูนเล็กน้อย เป็นวิธีที่ตอบสนองกับป่าผืนนี้ที่สุด เพราะเป็นฝายที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติและกักเก็บน้ำได้ดีจนกลายเป็นน้ำตกแห่งใหม่ได้อีกด้วย
หลังจากนั้นพี่กอล์ฟที่รับหน้าที่เป็นวิทยากรดูแลพวกเราต่อก็ได้ให้พวกเราลองปั้นเมล็ด Seed Bomb ที่จะใช้ในการไปยิง โดยใน 1 เมล็ด Seed Bomb จะประกอบไปด้วย เมล็ดพันธุ์ ดินเหนียว และปุ๋ยธรรมชาติ ซึ่งเมล็ดพันธุ์พืชที่ใช้เป็นเมล็ดพืชท้องถิ่น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเอเลี่ยนสปีชีส์ พืชท้องถิ่นได้แก่ พืชจำพวกมะคร่าโมง ตะคร้ำ ตะครึก สัก มะม่วงหัวแมงวัน ชงโค มะหาดเล็ก มะเกลือ ชิงชี่ มะขามป้อม สะเดา เสี้ยวดอกขาว แดง ตะโก กระพี้จั่น และตะคร้อหนาม โดยนำเมล็ดพืชเหล่านี้รวมกับปุ๋ยธรรมชาติห่อด้วยดินเหนียว ซึ่งพี่กอล์ฟอธิบายว่าดินเหนี้ยวจะเป็นดินที่โอบอุ้มน้ำได้นานถึง 1-2 สัปดาห์สามารถหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธุ์ข้างในได้ รวมไปถึงสามารถป้องกันเมล็ดพืชจากแมลงและสัตว์ที่กินเมล็ดพืช และยังช่วยเพิ่มระยะทางในการตกของเมล็ดพันธุ์พืช ให้ได้ไกลมากกว่าการหว่านหรือโยนโดยใช้หนังสติ๊กในการยิง ทำให้เมล็ดพืชเหล่านี้ไปตกในพื้นที่ที่เข้าถึงยากได้เป็นอย่างดี วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ง่าย สนุก และให้ผลจำนวนมาก เมือเทียบกับการน้ำกล้าพืชเข้าไปปลูกทีละต้น... หลังจากปั้นเมล็ดพืชเสร็จจึงพักรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน และเดินทางเข้าในป่า โดยนำเมล็ดพืช หนังสติ๊ก ปูน และน้ำสำหรับนำไปสร้างฝาย ช่วยกันขนขึ้นไปด้วย พอถึงจุดบริเวณที่จะสร้างฝาย พี่กอล์ฟได้ให้พวกเราหยุดพักและอธิบายถึงความสำคัญของการสร้างฝายเหมือนที่ป้าส้มได้กล่าวมาข้างต้น โดยอธิบายขยายความต่อว่าปกติที่นี่คือบริเวณปลายน้ำที่ปกติแล้วจะมีน้ำไว้ใช้ได้เพียงเดือนเดียวคือช่วงของเดือนตุลาคม แต่พอมีการสร้างฝายที่นี่ในลักษณะฝายแบบกึ่งถาวรนี้ขึ้น เราสามารถกักเก็บน้ำได้มากขึ้นถึง 3 เดือน และยังไม่ส่งผลต่อพืชพรรณที่อยู่รายรอบจากการเก็บข้อมูลที่ผ่านมาอีกด้วย
เมื่ออธิบายเสร็จพี่กอล์ฟและทีมงานก็พาพวกเราเข้าไปในป่าที่ลึกกว่าอีกระยะหนึ่งเพื่อไปทำการยิง Seed Bomb ที่เตรียมกันมาตามบริเวณจุดต่างๆที่เจ้าหน้าที่แนะนำ โดยพี่กอล์ฟได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่าครั้งนี้พวกเราได้ยิงเมล็ดพืชไปทั้งหมด 2,500 เม็ดด้วยกันแบบไม่ทันรู้ตัว นั่นก็หมายความว่าเราได้ปลูกต้นไม้ได้มากกว่า 2 พันต้นกับการมาของเราในครั้งนี้ครั้งเดียว หลังจากนั้นพวกเราจึงได้ไปช่วยกันสร้างฝายร่วมกับทีมงาน เจ้าหน้าที่ที่ทำอยู่แล้ว ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างดี แต่ด้วยเวลาที่จำกัดทำให้สร้างได้เพียงส่วนหนึ่งจึงต้องเดินทางออกจากป่ามาเพื่อเดินทางกลับ โดยในกิจกรรมตอนท้ายพี่กอล์ฟได้ให้พวกเราช่วยกันสรุปว่าได้อะไรจากสิ่งที่ทำในวันนี้ ให้ขอบคุณเพื่อนร่วมทางโดยการแลกขนมกัน และทางตัวแทนจิตอาสากล่าวขอบคุณพี่ๆทีมงานและเจ้าหน้าที่ของศูนย์ที่ให้ความรู้และให้โอกาสพวกเราเข้ามาร่วมทำกิจกรรมที่นี่ในครั้งนี้ โดยพี่กอล์ฟได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “การอนุรักษ์ธรรมชาตินั้นต้องรู้ลึกรู้จริง ไม่งั้นจากจะอนุรักษ์ กลายเป็นทำลายได้โดยไม่รู้ตัว...” หลังจากนั้นพวกเราจึงเดินทางไปแวะชมสะพานข้ามแม่น้ำแควซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของจังหวัดกาญจนบุรี และแวะซื้อของฝากกันที่ร้านของฝากศรีฟ้า ก่อนเดินทางกลับไปกรุงเทพมหานคร และแยกย้ายกันกลับ โดยขนนำความรู้และแนวทางที่ดีในการอนุรักษ์ธรรมชาติอีก 1 วิธี กลับมาเพื่อบอกเล่าความประทับใจและถ่ายทอดให้กับคนอื่นๆต่อไป...
ความรู้สึกและความประทับใจของจิตอาสา :
การได้ร่วมกิจกรรมเป็นทีม เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับธรรมชาติ
ได้มาพบปะกับพี่ๆ น้องๆ ทำกิจกรรมร่วมกัน ทุกคนตั้งใจมากจริงๆ
เป็นกิจกรรมที่ใช้แรงใจและแรงกำลังในการทำจิตอาสา
ทุกคนตั้งใจมาทำกิจกรรมจริงๆ รับรู้สิ่งนี้ได้ ได้มิตรภาพมากมาย
กิจกรรมที่แปลกใหม่ สนุกดี
ประทับใจในการรวมตัวของเพื่อนนักเรียนทุน
ได้ความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้
ประทับใจสถานที่ วิทยากร เพื่อนโอดอส
ประทับใจความรู้ที่วิทยากรมอบให้แล้วก็กับข้าวอร่อยมากค่ะ
การได้รู้จักสิ่งต่างๆใหม่ๆที่เกี่ยวกับธรรมชาติ
ความร่วมมือร่วมใจของทุกคน
การสร้างฝาย การสร้างป่า เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่สัตว์ธรรมชาติได้น้ำกินตอนหน้าแล้ง
ทุกๆ คนร่วมมือร่วมแรงกันดีมากๆ
ได้ทำความดีเพื่อสังคม
เพื่อนๆ น่ารักทุกคน
ได้เจอเพื่อนๆ และได้ทำจิตอาสา
ประทับใจในความร่วมมือร่วมแรงของพี่ๆและเพื่อนๆจิตอาสาทุกคน
ได้เรียนรู้ประโยชน์และการรักษาป่าไม้ เข้าใจธรรมชาติมากขึ้น
ทุกคนตั้งใจทำงานและให้การต้อนรับที่ดี
อาหารอร่อย
ความสะดวกในการเดินทาง กิจกรรมไม่มากจนเกินไป ได้ทำประโยชน์
มีคนมาร่วมกิจกรรมเยอะ และมีความเป็นกลุ่มก้อนสามัคคีกัน แม้จะมาจากต่างที่
ทุกคนน่ารัก เป็นกันเอง และได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ
ความคิดเห็นเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกิจกรรม :
เรื่องเวลาและการรวมตัว เวลาอาจจะจำกัดเกินไปหน่อย ควรเพิ่มกิจกรรมและเวลา
อยากให้มีสันทนาการที่หลากหลาย
ไม่มีกิจกรรมที่ให้คนทำความรู้จักกันมากขึ้น จิตอาสาควรได้ทำความรู้กันมากกว่านี้
อาจจะจัดกิจกรรมประมาณ 2 วัน
อยากให้มีการแนะนำตัวเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเริ่มกิจกรรม
สถิติผู้เข้าร่วมกิจกรรมกิจกรรม :
รวมรูปภาพกิจกรรม :
แผนที่สถานที่ทำกิจกรรม :