เนื้อหาข่าวสารออนไลน์
(เฉพาะตอน)
หนังสือแบบเรียนชีวิต เล่ม 4

บทที่ 38
การอภัยบาปและการชำระบาป

พระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า ประการแรกก็คืออภัยบาปและชำระบาปของเรา การที่เราต้อนรับเอาพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า ประการแรกเราจะได้รับสุขถึงการอภัยบาปและการชำระบาปของเรา

1. การอภัยบาป

(1) “ทุกๆ คนที่เชื่อเข้าสู่พระองค์จะได้รับการอภัยบาปโดยพระนามของพระองค์นั้น” (กจ.10:43)

การอภัยบาปเป็นส่วนแรกของการได้รับการไถ่ของเรา และทันทีที่เราเชื่อเราก็ได้รับ ปัญหาของมนุษย์ที่มีต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า ประการแรกก็คือเพราะเหตุการกระทำบาปจึงมีข้อหาของความบาป ข้อหาที่มีอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าจำต้องมีการแก้ไข เพื่อความชอบธรรมของพระเจ้าจะได้ปลดปล่อยเราผ่านไปได้ ความประพฤติแห่งการบาปของมนุษย์จำต้องขจัดเสียต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า พระเจ้าแห่งความชอบธรรมจึงจะสามารถดำเนินการไถ่ในส่วนอื่นๆ ต่อมนุษย์ ฉะนั้นก่อนอื่นมนุษย์จำต้องได้รับการอภัยบาปจากพระเจ้า

ก. ความหมายของการอภัยบาป

(ก) พ้นจากการลงโทษแห่งความชอบธรรมของพระเจ้า “ผู้ใดได้เชื่อเข้าสู่พระองค์ก็ไม่ถูกปรับโทษ” (ยฮ.3:18)

ความหมายของการอภัยบาป ประการแรกก็คือขจัดออกซึ่งข้อหาแห่งความบาปที่มีต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า เพื่อมนุษย์จะได้หลุดพ้นจากการลงโทษแห่งความชอบธรรมของพระเจ้า มนุษย์มีข้อหาต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า ได้ถูกปรับโทษและจำต้องรับการลงโทษแห่งความชอบธรรมของพระเจ้า การที่พระเจ้าอภัยบาปแก่มนุษย์ ก็เพื่อให้มนุษย์โลกหลุดพ้นจากการลงโทษแห่งความชอบธรรมของพระเจ้าและไม่ต้องถูกปรับโทษอีก

(ข) เพื่อความบาปจะได้แยกออกจากผู้ได้รับการอภัยบาปนั้น “...ได้รับการอภัยบาป” “และพระยะโฮวาทรงให้บาปผิดทั้งหมดของพวกเราตกอยู่กับเขาผู้นั้น (พระคริสต์)” “พระองค์เอง (พระคริสต์) ได้ทรงรับแบกความบาปของเราในพระวรกายของพระองค์บนต้นไม้นั้น (ไม้กางเขน)” (กจ.5:31; ยซย.53:6; 1ปต.2:24)

ตามภาษาเดิมในพันธสัญญาใหม่ของคำว่า “อภัยบาป” มีความหมายถึง “เพื่อ (มัน) แยกออกจาก” และ “ส่งออกไป” พระเจ้าทรงอภัยบาปของเราไม่เพียงแต่ได้กำจัดออกไปซึ่งข้อหาแห่งความบาปต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ แต่ยังให้ความบาปที่เรากระทำนั้นแยกออกจากตัวเรา เพราะขณะที่พระเจ้าทรงโปรดให้พระเยซูเป็นเครื่องบูชาแห่งการไถ่บาปของเราบนกางเขน พระองค์ทรงให้บาปผิดของเราทับถมอยู่บนตัวของพระเยซู เพื่อให้พระองค์แบกบาปแทนเราและหลังจากที่พระเยซูได้ทรงแบกบาปของเราบนกางเขน ได้รับการพิพากษาและลงโทษจากพระเจ้าแทนเรา จึงนำบาปของมนุษย์คืนให้ซาตาน ให้มันรับแบกเป็นนิตย์ กรณีนี้ได้เปิดเผยในหมายสำคัญแห่งการไถ่บาปที่บันทึกในเลวีติโกบทที่ 16 เดิมทีความบาปมาจากซาตาน ต่อมาภายหลังได้ติดต่อมาสู่มนุษย์ทำให้มนุษย์มีข้อหาต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า บัดนี้พระเจ้าโปรดให้บาปผิดบนตัวมนุษย์ทับถมอยู่บนตัวของพระเยซู เพื่อให้พระองค์แบกรับและรับการพิพากษาของพระเจ้าแทนมนุษย์ ได้กำจัดออกซึ่งข้อหาของมนุษย์ที่มีอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า พระเจ้าจึงทรงโปรดให้ความบาปของมนุษย์คืนสู่ซาตาน ให้มันแบกรับ เช่นนี้พระองค์จึงสามารถอภัยบาปของผู้ที่ได้รับการอภัยนั้น เพื่อความบาปของเขาจะได้แยกออกจากเขา “ทิศตะวันออกไกลจากทิศตะวันตกมากเท่าใดพระองค์ได้ทรงถอนเอาการล่วงละเมิดของพวกข้าพเจ้าไปให้ห่างไกลมากเท่านั้น” (บพส.103:12)

(ค) ทรงลืมความบาปของผู้ได้รับการอภัยบาป “ด้วยว่าเราจะอภัยต่อการอธรรมของเขา และเราจะไม่จดจำความบาปของเขาอีกต่อไปเลย” (ฮร.8:12)

การอภัยบาปของพระเจ้าก็เป็นการลืมความบาปของผู้ที่ได้รับการอภัยบาป พระเจ้าทรงอภัยบาปของเรา ไม่เพียงแต่อภัยซึ่งข้อหาแห่งความบาปของเรา ยังกระทำให้ความบาปแยกออกจากตัวเรา และยังลืมความบาปของเราในพระองค์ ทันทีที่พระองค์ทรงอภัยบาปของเรา พระองค์ก็จะลืมความบาปของเราจากความทรงจำของพระองค์ จะไม่ทรงระลึกถึงอีกต่อไป

(2) รากฐานของการอภัยบาป

ก. “และถ้าไม่มีเลือดไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการอภัยบาป” (ฮร.9:22)

การอภัยบาปของพระเจ้าได้ขึ้นอยู่กับรากฐานแห่งการหลั่งโลหิตไถ่บาป เพราะว่าพระองค์ทรงชอบธรรมจะไม่อาจอภัยบาปของมนุษย์โดยไม่มีสาเหตุใดๆ ความชอบธรรมของพระองค์ได้กำหนดไว้ว่าคนที่ทำบาปนั้นต้องตาย (ยอค.18:4) ความชอบธรรมของพระองค์จะไม่อาจอภัยบาปของคนบาป เว้นเสียแต่ข้อเรียกร้องแห่งความชอบธรรมของพระองค์ได้รับการตอบสนอง พระเยซูได้ตรึงบนกางเขนตามความชอบธรรมของพระเจ้า ได้ทรงหลั่งพระโลหิต ตายแทนมนุษย์เพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องแห่งความชอบธรรมของพระเจ้า จึงเป็นเหตุให้พระเจ้าสามารถอภัยบาปของมนุษย์อย่างถูกต้องตามความชอบธรรมของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “เพราะนี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราซึ่งต้องเทออกเพื่อการอภัยบาปของคนเป็นอันมาก” (มธ.26:28) พระโลหิตของพระเยซูได้หลั่งไหลแทนคนทั้งหลายตามความชอบธรรมของพระเจ้า และได้ตอบสนองข้อเรียกร้องแห่งความชอบธรรมของพระเจ้า จึงกลายเป็นรากฐานทำให้บาปของเราผู้เชื่อในพระองค์ได้รับการอภัย

(3) หนทางที่จะได้รับการอภัยบาป “กลับใจเพื่อความบาปจะได้รับการอภัย” (ลก.24:47)

การกลับใจหันสู่พระเจ้าเป็นก้าวแรกแห่งหนทางที่คนบาปได้รับการอภัยบาปจากพระเจ้า

ข. รับเชื่อ “ทุกๆ คนที่เชื่อเข้าสู่พระองค์ (พระคริสต์) จะได้รับการอภัยบาป” (กจ.10:43)

การกลับใจเป็นการหลุดพ้นจากบาปในด้านลบ การรับเชื่อเป็นการเชื่อเข้าสู่พระคริสต์ในด้านบวก การเชื่อเข้าสู่พระคริสต์เป็นการคืนสู่พระองค์ เข้าสนิทกับพระองค์ กรณีนี้เป็นก้าวที่สองแห่งหนทางของการอภัยบาปที่เราได้รับจากพระเจ้า เป็นสิ่งที่ต่อเนื่องจากการกลับใจ

(4) ผลลัพธ์ของการกลับใจ

ก. ยำเกรงพระเจ้า “แต่พระองค์ทรงมีการอภัยโทษ ประสงค์จะให้เขาทั้งหลายเกรงกลัวพระองค์” (บพส.130:4)

พระคุณแห่งการอภัยบาปของพระเจ้าได้กระทำให้เราเกรงกลัวพระองค์ เมื่อเรายิ่งได้รับสุขการอภัยบาปจากพระเจ้า เราก็ยิ่งยำเกรงพระเจ้า

ข. รักพระเจ้า “ความผิดบาปของหญิงผู้นี้ซึ่งมีมากได้โปรดอภัยเสียแล้ว เพราะเธอได้รักมาก” (ลก.7:47)

ประการนี้เป็นพระคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถึงผู้หญิงที่มีบาปได้รับการอภัยจากพระองค์ “เพราะเขารักมาก” ถ้อยคำนี้มิได้เป็นสาเหตุแห่งการอภัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เป็นพยานที่เขาได้รับการอภัยจากพระองค์ การที่เขารักองค์พระผู้เป็นเจ้ามากได้เป็นพยานว่าเขาได้รับการอภัยจากพระองค์มาก เรายิ่งได้รับการอภัยจากพระองค์ เราก็ยิ่งรักพระองค์ ฉะนั้นการรักองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเป็นผลลัพธ์แห่งการอภัยบาปขององค์พระผู้เป็นเจ้าประการหนึ่ง

2. การชำระบาป

(1) “พระองค์ (พระเจ้า)…ทรงอภัยบาปของเราและจะทรงชำระเราให้ปราศจากอธรรมทั้งสิ้น” (1ยฮ.1:9)

ถ้อยคำในที่นี้ให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงชำระบาปของเราต่อเนื่องมาจากการอภัยบาปของพระองค์ พระองค์ทรงอภัยบาปของเรา ขณะเดียวกันก็ได้ชำระบาปของเรา

ก. ความหมายของการชำระบาป

(ก) “ขอทรงฟอกล้างข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะขาวกว่าหิมะ” “แม้บาปของเจ้าจะแดงเป็นเหมือนสีที่แดงก่ำ บาปนั้นก็อาจจะกลับกลายเป็นสีขาวเหมือนอย่างหิมะ แม้บาปของเจ้าจะแดงเป็นเหมือนสีแดงเข้ม บาปนั้นก็อาจขาวเหมือนอย่างขนแกะ” (บพส.51:7; ยซย.1:18)

พระเจ้าทรงอภัยบาปของเราเพื่อให้เราหลุดพ้นจากการลงโทษแห่งบาปของเรา พระเจ้าทรงชำระบาปของเราเพื่อทำลายไปซึ่งร่องรอยแห่งความบาปของเรา ถ้าหากมีแต่การอภัยบาปแต่ไม่มีการชำระบาป แม้บาปจะได้รับการอภัยแล้ว แต่ร่องรอยแห่งความบาปของเราก็ยังคงอยู่ การอภัยบาปเป็นกระบวนการทางกฎบัญญัติ การชำระบาปเป็นการสะสางแห่งความเป็นจริง ถ้าว่าตามกฎบัญญัติแห่งความชอบธรรมของพระเจ้า ความบาปของเราต้องการได้รับการอภัย ถ้าว่าตามร่องรอยแห่งความบาปของเรา ความบาปของเราจำต้องได้รับการชำระ ฉะนั้นในพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า พระองค์ไม่เพียงแต่กำจัดข้อหาแห่งความบาปต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ ตามความชอบธรรมแห่งกฎบัญญัติของพระองค์ แต่ยังทรงชำระร่องรอยแห่งความบาปบนตัวของเรา การชำระบาปของพระองค์ทำให้เราขาวดุจหิมะ และขาวดุจขนแกะ การชำระที่ขาวดุจหิมะเป็นการชำระบาปทางด้านฐานะที่มาแต่ภายนอกของเรา ส่วนการชำระบาปที่ขาวดุจขนแกะเป็นการชำระด้านนิสัยที่มาแต่ภายในของเรา

(2) สองด้านของการชำระบาป

ก. การชำระบาปโดยพระโลหิต

(ก) “พระโลหิตของพระเยซู พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น” (1ยฮ.1:7)

การชำระบาปของพระเจ้าได้แบ่งออกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นฐานะทางภายนอกของเรา อีกด้านหนึ่งเป็นนิสัยทางภายในของเรา การชำระทางด้านภายนอกของพระเจ้าที่มีต่อเราก็โดยพระโลหิตของพระเยซู พระโลหิตของพระเยซู พระเจ้า มนุษย์ ได้ทรงชำระบาปทั้งสิ้นแห่งฐานะทางภายนอกของเรา

A. อยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า

(a) “เมื่อพระองค์ได้ทรงสำเร็จการชำระบาปของเราแล้ว ก็ได้ทรงนั่งลงที่เบื้องบน ณ เบื้องขวาของผู้ทรงเดชานุภาพ” (ฮร.1:3)

ในที่นี้เล็งถึงพระเยซูได้ทรงหลั่งพระโลหิตบนไม้กางเขนได้ทรงชำระบาปของเราต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าครั้งเดียวก็สำเร็จเป็นนิตย์ เพื่อให้เรากลายเป็นผู้บริสุทธิ์ทางด้านฐานะต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าและต่อกฎบัญญัติ

B. ในมโนธรรมของวิสุทธิชน

(a) “พระโลหิตของพระคริสต์…จะชำระมโนธรรมของเราให้พ้นจากการประพฤติที่ตายแล้ว เพื่อจะปรนนิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ได้มากยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด” (ฮร.9:14)

พระโลหิตของพระองค์ที่ทรงชำระภายในเรา ไม่ใช่ชำระใจของเราแต่เป็นมโนธรรมของเรา ในเมื่อพระโลหิตของพระองค์ได้ทรงชำระบาปของเราต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า และต่อกฎบัญญัติ จึงได้อยู่ต่อหน้ามโนธรรมของเรา ชำระมโนธรรมของเรา เพื่อให้เราสามารถปรนนิบัติพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ของเราด้วยใจกล้า

ข. การชำระบาปโดยชีวิต

(ก) “การชำระแห่งการบังเกิดใหม่” ; “แต่บัดนี้ท่านได้รับการชำระ…ในพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา” (ตต.3:5; 1กธ.6:11)

ในพระคัมภีร์สองข้อนี้ได้ให้เรามองเห็นถึงชีวิตที่พระเจ้าทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่ และการชำระที่พระวิญญาณของพระองค์มีต่อเรา กรณีนี้พระเจ้าได้ใช้ชีวิตและพระวิญญาณของพระองค์ทรงชำระด้านธาตุแท้ภายในเรา ทันทีที่เราได้รับการบังเกิดใหม่ ก็ได้รับชีวิตของพระเจ้า และมีพระวิญญาณของพระเจ้าอาศัยอยู่ภายในเรา เมื่อชีวิตของพระเจ้าเติบโตในเรา พระวิญญาณของพระองค์ก็ทรงดำเนินอยู่ภายในเรา จึงเกิดปฏิกิริยาของสิ่งใหม่ทดแทนสิ่งเก่า คือได้กำจัดและชำระความมลทินในด้านนิสัยและธรรมชาติของเรา เช่นนี้ในด้านฐานะทางภายนอกของเราและธาตุแท้ด้านภายในของเราก็ได้รับสุขการชำระบาปแห่งพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า

ข้อความเนื้อหาทั้งหมดคัดลอกมาจาก หนังสือแบบเรียนชีวิต เล่ม 4 เนื้อหาทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของ ห้องสมุดกิดตติคุณแห่งประเทศไทย โทร 0 27465778-9
Email : gbr.thailand@gmail.com
FB : ThegospelbookroomThailand
Line: @gospelbookroom