เนื้อหาข่าวสารออนไลน์
(เฉพาะตอน)
หนังสือแบบเรียนชีวิต เล่ม 4
(เฉพาะตอน)
หนังสือแบบเรียนชีวิต เล่ม 4
ในแบบเรียน 3 เล่มแรก เราได้พิจารณาดูถึง 30 หัวข้อเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างพระเจ้ากับเรา และเรากับพระเจ้า ในเล่มที่ 4 นี้เรายังจะต้องมาพิจารณาดูถึงพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้าโดยตลอดถี่ถ้วนอีกครั้งหนึ่ง ก่อนอื่นเรามาดูหนทางที่จะรับสุข พระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า จากนั้นจึงค่อยพิจารณาดูด้านต่างๆ แห่งพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า หนทางแห่งการรับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า ตามการเปิดเผยอันศักดิ์สิทธิ์ในพระคัมภีร์มี 3 ขั้นตอนด้วยกัน
1. การแบ่งแยกบริสุทธิ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์
(1) “คือผู้ที่ถูกเลือกไว้แล้ว ตามที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงล่วงรู้ไว้ก่อนโดยการแบ่งแยกบริสุทธิ์ของพระวิญญาณนั้นจนเป็นผู้ที่น้อมฟังพระเยซูคริสต์และได้รับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์” (1ปต.1:2)
พระคำในที่นี้ให้เราเห็นว่าพระเจ้าตรีเอกภาพได้กระทำให้พระคุณความรอดของพระองค์มาถึงเราได้อย่างไร? นั่นก็คือพระเจ้าพระบิดาได้ทรงเลือกสรรเราตามการล่วงรู้ของพระองค์ พระเจ้าพระวิญญาณมาแบ่งแยกเราให้บริสุทธิ์ เพื่อให้เราได้รับการไถ่ของพระเจ้าพระบุตร ซึ่งเล็งถึงโดยพระโลหิตของพระคริสต์ที่กล่าวในที่นี้ สำหรับการแบ่งแยกบริสุทธิ์ของพระเจ้าพระวิญญาณในที่นี้ ถ้าว่าตามประสบการณ์แห่งพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้าถือได้ว่าเป็นก้าวแรกแห่งการรับสุขพระคุณความรอดของพระเจ้า พระเจ้าพระบิดาได้ทรงเลือกสรรเราในนิรันดร์กาลก่อนตามการล่วงรู้ของพระองค์ จนกระทั่งหลังจากที่เราได้กำเนิดออกมาแล้ว พระเจ้าพระวิญญาณจึงทรงแบ่งแยกเราให้บริสุทธิ์ออกจากมนุษย์โลก ตามการเลือกสรรของพระเจ้าพระบิดาเพื่อให้เราได้รับสุขการไถ่ของพระเจ้าพระบุตร ฉะนั้นการแบ่งแยกบริสุทธิ์ของพระเจ้าพระวิญญาณ จึงกลายเป็นก้าวแรกแห่งการรับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า แต่อย่างไรก็ตามก้าวแรกนี้ไม่ใช่การเดินของเรา แต่เป็นการกระทำของพระเจ้าพระวิญญาณ
การแบ่งแยกบริสุทธิ์ของพระเจ้าพระวิญญาณ ได้ทรงแยกเราออกจากท่ามกลางมนุษย์โลก เพื่อให้เราได้กลับคืนสู่พระเจ้า และได้รับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า การแบ่งแยกบริสุทธิ์ของพระองค์นี้ได้แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนบนตัวเรา ขั้นตอนแรกให้เราสามารถกลับใจ ขั้นตอนที่ 2 ให้เราได้รับการโปรดให้ชอบธรรม ขั้นตอนที่ 3 ให้เราสามารถเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นพระเจ้าพระวิญญาณได้ทรงแบ่งแยกเราออกมาตามการเลือกสรรในนิรันดร์กาลของพระเจ้าพระบิดา และให้เรากลับใจ นี่เป็นขั้นตอนแรกแห่งการแบ่งแยกบริสุทธิ์ทั้งหมดบนตัวเรา การแบ่งแยกบริสุทธิ์ในขั้นตอนแรกนี้ พระองค์ทรงส่องสว่างพวกเรา ทำให้เราได้รู้ถึงความบาปและติเตียนตัวเอง (ยฮ.16:8) รู้สึกตัว (ลก.15:17) และกลับใจหันสู่พระเจ้า (กจ.26:20)
2. การกลับใจของเรา
(1) “จงกลับใจเสียใหม่ และเชื่อในกิตติคุณเถิด” (มก.1:15)
ถ้อยคำนี้ได้กล่าวแก่เราว่าหากประสงค์จะได้รับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า ก็ต้องกลับใจและเชื่อในกิตติคุณ นั่นก็คือต้อนรับพระคุณความรอดของพระเจ้า ฉะนั้นการกลับใจของเราจึงเป็นก้าวที่สองแห่งการรับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า
(2) “จุดตะเกียงกวาดเรือนค้นหาให้ละเอียด…คนบาปคนเดียวที่กลับใจเสียใหม่…รู้สึกตัว...” (ลก.15:8, 10, 17)
ในที่นี้ได้กล่าวถึงจุดตะเกียงกวาดเรือนค้นหาอย่างละเอียด นั่นก็คือในขณะที่เราได้ยินกิตติคุณ พระเจ้าพระวิญญาณที่แบ่งแยกเราให้บริสุทธิ์ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงส่องสว่างภายในเรา และได้เสาะหาบาปแต่ละอย่างของเราออกมา เพื่อให้เรารู้ถึงความบาปและกลับใจ ฉะนั้นพระคัมภีร์ในที่นี้ได้ให้เราเห็นว่า เพราะเหตุพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงส่องสว่างภายในเสาะหาเราเช่นนี้ คนบาปจึงได้สำนึกตัวและกลับใจ การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ส่องสว่างและเสาะหาอยู่ภายในเรา จึงได้แบ่งแยกเราออกจากมนุษย์โลก ให้เราหันสู่พระเจ้า ต้อนรับพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า ฉะนั้นการแบ่งแยกบริสุทธิ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงเป็นก้าวแรกแห่งการต้อนรับพระคุณความรอดของพระเจ้า และการกลับใจของเราจึงเป็นก้าวที่สอง
(3) “กลับใจหันสู่พระเจ้า” (กจ.26:20)
การกลับใจในภาษาเดิมหมายถึงการหันเปลี่ยนของความคิด ได้ก่อให้เกิดการเสียใจและได้หันเปลี่ยนเป้าหมาย การที่เรากลับใจเชื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เพราะเหตุความคิดของเราได้ยินถึงกิตติคุณ ได้รับการแบ่งแยกบริสุทธิ์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์จึงเกิดความเสียใจ และได้หันเปลี่ยน นั่นก็คือหันสู่พระเจ้าโดยยึดเอาพระเจ้าเป็นเป้าหมายในทุกสิ่งของเราต่อไป
(4) “ประกาศเรื่อง…การกลับใจ…จัดแจงทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงกระทำมรคาของพระองค์ให้ตรงไป หุบเขาทั้งปวงจงถมให้เต็ม ภูเขาและเนินเขาทั้งสิ้นต้องปราบให้ราบลง ทางคดต้องตัดให้ตรง และทางที่ขรุขระต้องปรับให้ราบเรียบ…จะได้เห็นความรอดของพระเจ้า” (ลก.3:3–6)
เราอาศัยสิ่งนี้เพื่อมองเห็น (ก็คือได้รับการกลับใจแห่งพระคุณความรอดของพระเจ้า นั่นก็คือหลายสิ่งหลายอย่างในใจของเราได้ถูกกระทำให้ตรงไปและถูกถมให้เต็ม หุบเขา ภูเขา สถานที่คดงอและขรุขระ ต้องปรับให้ราบเรียบ ประการเหล่านี้ล้วนเป็นวิธีการกล่าวเปรียบเทียบถึงสภาพการณ์แห่งจิตใจของมนุษย์ที่มีต่อพระเจ้า และมีต่อมนุษย์ด้วยกัน รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ขณะที่เรากลับใจเชื่อพระเยซู เพราะการกลับใจนี้ได้กระทำให้บรรดาสิ่งคดงอและขรุขระในจิตใจของเราได้ถูกจัดแจงให้ตรงและถมให้เต็มปรับให้ราบเรียบ เพื่อให้ทุกส่วนในเราได้กลายเป็นทางตรง และราบเรียบ พระเจ้าจึงสามารถเข้ามาปฏิบัติการพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระองค์
3. การเชื่อและรับบัพติศมาของเรา
(1) เชื่อ
ก. “จงกลับใจเสียใหม่ และเชื่อในกิตติคุณเถิด” (มก.1:15)
พระคำนี้ให้เราเห็นว่าการที่เราต้องการรับสุขพระคุณความรอดของพระเจ้า เราต้องกลับใจ และต้องเชื่อ การกลับใจเป็นเรื่องราวด้านลบคือมีการเสียใจ สารภาพบาป จัดแจงและปรับแต่งให้ตรงซึ่งสภาพการณ์ภายในของเราที่ตกต่ำ และห่างเหินจากพระเจ้า การเชื่อเป็นเรื่องราวด้านบวก คือเชื่อเข้าสู่พระคริสต์ ต้อนรับพระเจ้าเข้าสู่ในเราเพื่อให้เราได้รับพระองค์และชีวิตนิรันดร์ของพระองค์
ข. “เพื่อทุกคนที่เชื่อเข้าสู่พระบุตร…มีชีวิตนิรันดร์” (ยฮ.3:16)
เราเชื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าคือเชื่อกลับคืนสู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งก็คือเชื่อเข้าสู่พระองค์ เพื่อให้เรากับพระองค์มีการเข้าสนิทในชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้า และจะได้รับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ซึ่งพระเจ้าทรงจัดเตรียมในพระองค์ ฉะนั้นการรับเชื่อจึงเป็นการเชื่อเข้าสู่ ซึ่งได้เน้นหนักเป็นนัยถึงความหมายของการประสานเข้าสนิทกัน
ค. “แต่ว่าคนทั้งหลายที่ได้ต้อนรับพระองค์ พระองค์ทรงโปรดประทานอำนาจให้เป็นบุตรของพระเจ้าได้ คือคนทั้งหลายที่ได้เชื่อเข้าสู่พระนามของพระองค์” (ยฮ 1:12)
การเชื่อไม่เพียงแต่เป็นการเชื่อเข้าสู่ แต่ยังเป็นการต้อนรับ การเชื่อเข้าสู่เป็นการเข้าสนิท คือเราได้เข้าสนิทกับพระคริสต์ที่เราเชื่อเข้าสู่นั้น การต้อนรับก็คือ ต้อนรับเอาพระคริสต์ที่เราเชื่อเข้าสู่นั้นเข้ามาในเรา ร่วมเข้าสนิทกับเรา การเชื่อเข้าสู่นั้นได้กระทำให้เรากลายเป็นผู้ที่อยู่ในพระคริสต์ การต้อนรับกระทำให้พระคริสต์อยู่ในเรา การอยู่ในพระคริสต์เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการเข้าสนิทกับพระคริสต์ของเรา เพื่อให้เรามีฐานะและขอบเขตที่จะได้รับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า ส่วนการที่พระคริสต์อยู่ในเราเป็นการก้าวหน้าของการเข้าสนิทนี้ เพื่อให้เรามีประสบการณ์และมีปัจจัยในการรับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้าก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ถ้าหากเราได้กระทำต่อเนื่องตลอดเวลา ทั้งสองด้านคือเราอยู่ในพระคริสต์และพระคริสต์อยู่ในเราโดยไม่มีสิ่งขวางกั้นและไม่มีสิ่งรบกวนใดๆ เราก็จะได้รับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้าในพระคริสต์อย่างอุดมสมบูรณ์และอย่างไม่หยุดยั้ง
ง. “คนเหล่านั้นที่ได้รับส่วนแบ่งในความเชื่อที่ล้ำค่าซึ่งเหมือนกันกับเราทั้งหลายในความชอบธรรมของพระเจ้าและของพระผู้ช่วยให้รอดของเราทั้งหลายคือพระเยซูคริสต์” (2ปต.1:1)
ความเชื่อที่เราอาศัยมาเชื่อเข้าสู่และต้อนรับพระคริสต์ จนให้เราได้รับความรอด (อฟ.2:8) ซึ่งเป็นความเชื่อที่ประเสริฐอย่างเดียวกันที่เราร่วมได้รับนั้น คำว่า “รับส่วนแบ่ง” แสดงว่าไม่ใช่เราเองที่มีสิ่งนี้ แต่เราได้รับมาคือได้รับมาจากพระเจ้า และเป็นความเชื่ออย่างเดียวกัน ก็คือเหมือนกันในอันเดียวกันทั้งหมด คำว่า “ความเชื่ออย่างเดียวกัน” เล็งถึงบรรดาคนที่เชื่อเข้าสู่พระคริสต์และต้อนรับพระคริสต์ต่างร่วมรับส่วนแบ่งในความเชื่อที่ล้ำค่าซึ่งเหมือนกันกับเราทั้งหลาย ซึ่งเราทุกคนร่วมรับด้วยกันเช่นดังชาวอิสราเอลในพันธสัญญาเดิมร่วมมีส่วนในแผ่นดินคะนาอันอย่างดียวกันทั้งหมด (ยฮซ.14:1–5) แผ่นดินคะนาอันในพันธสัญญาเดิมเป็นแบบเล็งถึงพระคริสต์ผู้ครอบคลุมสรรพสิ่งในพันธสัญญาใหม่ ในพันธสัญญาใหม่พระเจ้าได้ทรงประทานพระคริสต์ที่อุดมสมบูรณ์แก่ทุกคนที่พระองค์ทรงเลือกสรร เพื่อเป็นมรดกที่ร่วมได้รับอย่างเดียวกันแก่เขาทั้งหลาย มรดกนี้ครอบคลุมอยู่ในความเชื่อที่เราร่วมได้รับและต้อนรับมรดกนี้ ฉะนั้นความเชื่อของเรานี้จึงเป็นมรดกที่เราได้รับจากพระเจ้า และก็เป็นความเชื่อที่เราร่วมได้รับมาต้อนรับพระเจ้าเป็นมรดกนี้ มรดกที่พระเจ้าประทานแก่เรากับความเชื่อที่เราร่วมได้รับมาต้อนรับมรดกของพระเจ้านี้ ทั้งสองเป็นอันเดียวกัน ซึ่งก็คือตัวพระคริสต์ที่พระเจ้าประทานแก่เรา พระคริสต์ที่พระเจ้าประทานแก่เรา ด้านหนึ่งทรงเป็นมรดกที่พระเจ้าประทานแก่เรา อีกด้านหนึ่งเป็นความเชื่อที่เราร่วมได้รับมาต้อนรับมรดกของพระเจ้า ทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นพระคริสต์ ขณะที่เราได้ยินและเชื่อกิตติคุณ พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่แบ่งแยกเราให้บริสุทธิ์ และกระทำให้เรากลับใจ ได้นำพระคริสต์เข้าสู่ในเรา ในด้านหนึ่งเป็นมรดกที่พระเจ้าประทานแก่เรา อีกด้านหนึ่งเป็นความเชื่อที่เราร่วมได้รับ ต้อนรับมรดกของพระเจ้า ทั้งสองนี้ล้วนเป็นส่วนที่พระเจ้าประทานแก่เราซึ่งก็คือส่วนที่วิสุทธิชนทั้งหลายได้รับจากพระเจ้า (กซ.1:12) และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ได้นำพระคริสต์เข้าสู่ในเรา ยังเป็นการปรากฏขั้นสุดท้ายของพระเจ้าตรีเอกภาพที่ได้มาถึงตัวเราและเข้าสู่ในเรา ทั้งยังนำพระคริสต์เข้าสู่ในเรา เป็นส่วนที่นิรันดร์ซึ่งพระเจ้าประทานแก่เรา เช่นนี้ก็กระทำให้พระเจ้าตรีเอกภาพเข้าสู่ภายในของผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร เป็นความเชื่อของเขา เพื่อเขาจะได้เข้าสู่ในพระองค์และร่วมเข้าสนิทเป็นหนึ่งในชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ นี่แหละก็คือความหมายสุดท้ายของความเชื่อที่เราอาศัยมาเข้าสู่พระคริสต์
(2) รับบัพติศมา
ก. “ผู้ใดได้เชื่อและรับบัพติศมาแล้ว ผู้นั้นก็รอด” (มก.16:16)
พระคำที่กะทัดรัดและแน่นอนทั้งยังก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งให้เราได้มองเห็นถึงการที่เราจะรับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า เราไม่เพียงแต่ต้องเชื่อ แต่ยังต้องรับบัพติศมา การเชื่อและรับบัพติศมาไม่ใช่สองก้าว แต่เป็นสองย่างเท้าของก้าวเดียว สองย่างเท้านี้เมื่อรวมกันแล้วจึงนับเป็นหนึ่งก้าว การรับเชื่อเป็นความเที่ยงแท้ด้านภายในแห่งการเข้าสู่พระคริสต์ แต่การรับบัพติศมาเป็นการยอมรับ เป็นพยาน ชี้แจงและป่าวประกาศ ทางด้านภายนอกของการเข้าสู่พระคริสต์
ข. “เหตุว่าทุกคนที่รับบัพติศมาเข้าสู่พระคริสต์ ก็ได้สวมใส่พระคริสต์” (ฆต.3:27)
ความเชื่อด้านภายในของเราเป็นการเข้าสู่พระคริสต์อย่างไร บัพติศมาด้านภายนอกก็เป็นการเข้าสู่พระคริสต์อย่างนั้น ทั้งสองด้านนี้เมื่อรวมกันแล้วจึงเป็นการเข้าสู่ที่สมบูรณ์และเป็นรูปธรรม เมื่อเราได้ผ่านการเชื่อและรับบัพติศมา เราก็ได้เข้าสู่พระคริสต์อย่างสมบูรณ์และอย่างเป็นรูปธรรม เช่นนี้เราก็ได้สวมใส่พระคริสต์และทำให้เราได้รับความชอบธรรม เพราะการเชื่อเข้าสู่พระองค์ ทั้งกลายเป็นทายาทของพระเจ้า (ลก.15:21–23) และได้รับพระคริสต์ของพระองค์เป็นมรดกของเรา (ฆต.3:29)
ค. “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าสู่ในพระคริสต์เยซู ก็ได้รับบัพติศมาเข้าสู่ในความตายของพระองค์แล้ว”, “และได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ (พระคริสต์) ในการรับบัพติศมาแล้ว และ...ได้ร่วมเป็นขึ้นมากับพระองค์” (รม.6:3; กซ.2:12)
เรารับบัพติศมาเข้าสู่พระคริสต์ เราก็ได้รับบัพติศมาเข้าสู่ในความตายของพระองค์ เรารับบัพติศมาเข้าสู่พระองค์ก็ได้เข้าสนิทกับพระองค์ สิ่งที่พระองค์ทรงประสบการณ์ก็ได้กลายเป็นประสบการณ์ของเรา พระองค์ได้ประสบการณ์การตายและเป็นขึ้น เราได้เข้าสนิทกับพระองค์ เพราะบัพติศมาเข้าสู่พระองค์ เราก็จะมีส่วนในประสบการณ์แห่งการตายและเป็นขึ้นของพระองค์ เราได้ร่วมตายในความตายของพระองค์ จึงได้หลุดพ้นจากบรรดาสิ่งทรงสร้างเก่าและในการเป็นขึ้นของพระองค์ เราก็ร่วมเป็นขึ้นเข้าสู่บรรดาสิ่งทรงสร้างใหม่
ง. “บัดนี้บัพติศมาที่มีน้ำนี้เป็นแบบเล็งก็ได้ช่วยท่านให้รอดโดยการเป็นขึ้นของพระเยซูคริสต์ โดยบัพติศมานี้มิได้เป็นการชำระมลทินแห่งเนื้อหนังแต่เป็นการร้องทูลต่อพระเจ้าให้มีมโนธรรมที่ปราศจากบกพร่อง” (1ปต.3:21)
บัพติศมาได้ช่วยเราพ้นจากโลกแห่งความเสื่อมโทรม ดุจดังน้ำท่วมได้ช่วยครอบครัวของโนฮา หลุดพ้นจากยุคสมัยที่เสื่อมโทรมในสมัยนั้น (ยนซ.6:11–17) บัพติศมานี้มิได้เป็นการชำระมลทินแห่งเนื้อหนัง แต่เป็นการร้องทูลต่อพระเจ้าให้มีมโนธรรมที่ปราศจากบกพร่อง นั่นก็คือวิงวอนต่อพระเจ้าให้คนที่รับบัพติศมานั้น มีมโนธรรมที่ปราศจากบกพร่องต่อพระเจ้า เพื่อเขาสามารถเป็นพยานต่อหน้ามนุษย์โลกว่าปัญหาระหว่างเขากับพระเจ้าได้ขจัดสิ้นแล้ว มโนธรรมที่อยู่ภายในเขาจะไม่ฟ้องร้องเขาอีกต่อไป แต่กลับเต็มด้วยความสุขและความเชื่อ เพราะเขาได้รับบัพติศมาเข้าสู่พระเจ้าตรีเอกภาพแล้ว (มธ.28:19) และโดยการเป็นขึ้นของพระคริสต์ก็คือโดยการที่พระคริสต์กลายเป็นพระวิญญาณแห่งชีวิตในการเป็นขึ้นของพระคริสต์ ซึ่งได้เข้าสนิทกับพระองค์ทางอินทรียภาพแล้ว
เกี่ยวกับการแบ่งแยกของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การกลับใจของเรา การเชื่อและการรับบัพติศมา ที่เราได้เห็นมาในข้างต้น อันเป็น 3 ขั้นตอน ในการที่จะได้รับสุขพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้าในพระคริสต์ และความเที่ยงแท้ของทั้ง 3 ขั้นตอนนี้ ควรหมุนเวียนบนตัวของเราในการประสบการณ์และพระคุณความรอดที่ครบสมบูรณ์ของพระเจ้า
ข้อความเนื้อหาทั้งหมดคัดลอกมาจาก หนังสือแบบเรียนชีวิต เล่ม 4 เป็นลิขสิทธิ์ของ ห้องสมุดกิดตติคุณแห่งประเทศไทย โทร 0 27465778-9
Email : gbr.thailand@gmail.com
FB : ThegospelbookroomThailand
Line: @gospelbookroom