1.งานวิจัยที่เกี่ยวข้องในการสร้างธุรกิจดิจิทัลผ่านสื่อสังคมออนไลน์
งานวิจัย 1 การสร้างธุรกิจบนโลกดิจิทัลของนักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบธุรกิจและกระบวนการสร้างธุรกิจบนโลกดิจิทัลของ นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การสร้างทฤษฎีฐานรากและ ใช้วิธีวิทยาการสร้างทฤษฎีฐานราก (Grounded Theory) ผู้วิจัยเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร จำนวน 55 คน ผลการศึกษา พบว่า นักศึกษาคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้อธิบายถึงรูปแบบธุรกิจและ กระบวนการสร้างธุรกิจบนโลกดิจิทัล พบว่า รูปแบบเจ้าของธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) ธุรกิจเจ้าของคน เดียว 2) ธุรกิจแบบหุ้นส่วน พร้อมทั้งมีรูปแบบการประกอบธุรกิจแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) รูปแบบธุรกิจจัด จ าหน่ายสินค้า 2) รูปแบบธุรกิจการให้บริการ ตลอดจนกระบวนการสร้างธุรกิจ ประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะเริ่มต้นธุรกิจ 2) ระยะการวางแผนสร้างธุรกิจ 3) ระยะการด าเนินธุรกิจ และ 4) การประเมินผล ปัญหาและ อุปสรรคในการประกอบธุรกิจบนโลกดิจิทัล ประกอบด้วย 5 ข้อปัญหา ได้แก่ 1) ขาดแคลนเงินทุน 2) การ ประชาสัมพันธ์ 3) ขาดทักษะความรู้ด้านดิจิทัลมาร์เกตติ้ง 4) ความล่าช้าในการจัดส่งสินค้า 5) คู่แข่งทางการค้า ข้อเสนอแนะจากการวิจัย สามารถใช้เป็นแนวทางสร้างความตระหนัก และพัฒนาศักยภาพ (Design Thinking ) ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analysis) ด้านการเงินและเทคโนโลยี (Fintech) และด้าน นวัตกรรม (Innovation) ในการพัฒนาแบบจ าลองธุรกิจบนโลกดิจิทัล ไปสู่การเป็นผู้ประกอบการระยะเริ่มต้น (Startup) ตลอดจนก้าวการเข้าสู่อุตสาหกรรมดิจิทัล และสามารถขยายธุรกิจให้สามารถเติมโตต่อไป
งานวิจัย 2 การตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์และความไว้วางใจที่มีผลต่อการตัดสินใจ ซื้อรองเท้าผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดเฟซบุ๊คไลฟ์ของผู้บริโภคใน จังหวัดเชียงใหม่
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์และความไว้วางใจ ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรองเท้าผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดเฟซบุ๊คไลฟ์ (Facebook Live) ของ ผู้บริโภคในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ลักษณะส่วนบุคคลทั่วไปของผู้บริโภค ปัจจัยด้าน การตลาดสังคมออนไลน์และปัจจัยด้านความไว้วางใจของผู้บริโภคต่อการตัดสินใจซื้อรองเท้าผ่านช่อง ทางการถ่ายทอดสดเฟซบุ๊คไลฟ์โดยการวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) เก็บข้อมูล โดยให้กลุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามที่สร้างมาจากเอกสารวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือใน การเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้ซื้อรองเท้าผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดเฟซบุ๊คไลฟ์จำนวนทั้งสิ้น 400 รายใช้ แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อย ละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่งเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน คือ การวิเคราะห์ความ ถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ช่วงอายุระหว่าง 21-30 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท ความถี่ในการใช้ช่องทางออนไลน์ใน การซื้อรองเท้าน้อยกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์และราคาเฉลี่ยของรองเท้าซื้อผ่านช่องทางออนไลน์น้อยกว่า 100 บาท การวิเคราะห์การตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์พบว่ากลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญ ด้านความ นิยมอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความบันเทิง ด้านการปฏิสัมพันธ์ด้านความเฉพาะเจาะจง และด้านการ บอกต่ออยู่ในระดับมาก การวิเคราะห์ข้อมูลความไว้วางใจพบว่ากลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญ ด้านการ สื่อสาร ด้านการให้ข้อผูกมัด ด้านการให้ความสะดวกสบาย และด้านการแก้ไขสถานการณ์ความ ขัดแย้งอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านความใส่ใจและการให้อยู่ในระดับมาก การวิเคราะห์ข้อมูลการ ตัดสินใจพบว่ากลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญ ด้านพฤติกรรมหลังการซื้ออยู่ในระดับมากที่สุด ด้านการ เสาะแสวงหาข่าวสาร ด้านการประเมินทางเลือก และด้านการตัดสินใจซื้ออยู่ในระดับมาก อีกทั้งด้าน การตระหนักถึงความต้องการอยู่ในระดับปานกลาง การทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้แก่ ด้านความ บันเทิง ด้านความนิยม ด้านความเฉพาะเจาะจง และด้านการบอกปากต่อปาก ส่งผลต่อการตัดสินใจ ซื้อรองเท้าผ่านช่องทางเฟซบุ๊กไลฟ์ของผู้บริโภคในจังหวัดเชียงใหม่ มีเพียงด้านปฏิสัมพันธ์ที่ไม่ส่งผล ต่อการตัดสินใจซื้อรองเท้าผ่านช่องทางเฟซบุ๊กไลฟ์ของผู้บริโภคในจังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของ สมมติฐานปัจจัยความไว้วางใจ ได้แก่ด้านการสื่อสาร ด้านความใส่ใจและการให้ด้านการให้ข้อผูกมัด ด้านการให้ความสะดวกสบาย และด้านการแก้ไขสถาณการณ์ความขัดแย้ง ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ รองเท้าผ่านช่องทางเฟซบุ๊กไลฟ์ของผู้บริโภคในจังหวัดเชียงใหม่
งานวิจัย 3 การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการผ่านสื่อดิจิทัล ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์นิสสันอีโค่คาร์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการผ่านสื่อดิจิทัลมีอิทธิพลต่อการ ตัดสินใจซื้อรถยนต์นิสสันอีโค่คาร์ของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริโภคที่ เคยซื้อ หรือใช้รถยนต์นิสสันอีโค่คาร์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนตัวอย่างทั้งหมด 400 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ38-47 ปีรายได้ต่อเดือน 15,001-30,000 บาท ระดับการศึกษาปริญญาตรีสถานภาพโสด อาชีพพนักงาน บริษัทเอกชน การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการผ่านสื่อดิจิทัลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์นิสสันอีโค่ คาร์มีความคิดเห็นภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมากยกเว้น ข้อ1. การโฆษณารถยนต์นิสสันผ่านอินเทอร์เนต/ โซเชียลมีเดีย (website, Facebook, Instragram, Twitter, Linkedln, และ YouTube) ท่านทราบถึงรถยนต์นิส สันรุ่นใหม่ๆมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ผู้บริโภคที่อายุรายได้ต่อเดือน และการศึกษาที่แตกต่างกัน มีการตัดสินใจซื้อรถยนต์นิสสันอีโค่คาร์ในหัวข้อหากต้องการซื้อรถประหยัดน้ำมัน ท่านจะตัดสินใจซื้อรถยนต์นิส สันอีโค่คาร์ที่แตกต่างกัน ส่วนผู้บริโภคที่สถานภาพที่แตกต่างกันมีการตัดสินใจซื้อรถยนต์นิสสันอีโค่คาร์ในหัวข้อ รถยนต์นิสสันอีโค่คาร์มีคุณภาพเหนือกว่าแบรนด์อื่น ทำให้ท่านตัดสินใจซื้อที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ 0.05 การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการผ่านสื่อดิจิทัล ด้านการโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัล และการขาย โดยพนักงานขายผ่านสื่อดิจิทัล มีอิทธิพลเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อรถยนต์นิสสันอีโค่คาร์ในหัวข้อหากต้องการ ซื้อรถประหยัดน้ำมัน และในหัวข้อรถยนต์นิสสันอีโค่คาร์มีคุณภาพเหนือกว่าแบรนด์อื่น ของผู้บริโภคในเขต กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร้อยละ 22.9 ร้อยละ 17.5 ตามลำดับ ผลการวิจัยสามารถนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด และพัฒนาเครื่องมือการสื่อสารทางการตลาดให้เหมาะกับการตลาดยุค ดิจิทัล