คำชี้แจง : 1.ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 2.ศึกษาเนื้อหา 3. ทำใบงาน 4. ทำแบบทดสอบหลังเรียน
คำชี้แจง : 1.ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน 2.ศึกษาเนื้อหา 3. ทำใบงาน 4. ทำแบบทดสอบหลังเรียน
สาระสำคัญ
โปรแกรม SketchUp เป็นโปรแกรมออกแบบ 3 มิติ ที่มีความง่ายต่อการใช้งาน และเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ในงานออกแบบสถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายใน งานออกแบบผลิตภัณฑ์
และงานออกแบบ Display ซึ่งโปรแกรมจะมีเครื่องมือที่หลากหลาย การเรียนรู้คุณสมบัติของโปรแกรม
ขั้นตอนการใช้โปรแกรมให้สามารถสร้างโมเดลได้อย่างถูกต้องตามกระบวนการ โดยเน้นการปฏิบัติจริง
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และเกิดทักษะการใช้งาน
สาระการเรียนรู้
1. ความสามารถของโปรแกรม
2. แนวทางการใช้ SketchUp กับสายอาชีพ
3. การเปิดใช้งานโปรแกรม SketchUp
4. หน้าต่างการทำงานของ SketchUp
ผลการเรียนรู้
ข้อ 3 สามารถอธิบายคุณสมบัติของโปรแกรม SketchUp ได้
ข้อ 4 สามารถอธิบายขั้นตอนการเปิดใช้งานโปรแกรม SketchUp ได้
SketchUp คืออะไร ?
SketchUp เป็นโปรแกรมสำหรับออกแบบและสร้างโมเดล 3 มิติ โดยออกแบบมาให้ใช้งานง่าย
และเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เหมาะกับผู้ที่สนใจงานด้านการออกแบบโมเดลทั่วไป โดยที่ผู้ใช้
ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการใช้งานโปรแกรมสร้างโมเดล 3 มิติ มาก่อนก็สามารถใช้ได้
เพราะหลักการทำงานของโปรแกรมจะเป็นการร่างภาพด้วยเส้น เมื่อเส้นต่อกันจนเกิดเป็นผิว 2 มิติ และสามารถเปลี่ยนพื้นผิวให้เป็นรูปทรง 3 มิติ ได้ทันที โดยส่วนใหญ่จะนำมาใช้งานออกแบบ เชิงสถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายใน งานออกแบบผลิตภัณฑ์ และงานออกแบบ Display
ความสามารถของโปรแกรม
SketchUp เป็นโปรแกรมสร้างโมเดล 3 มิติ ซึ่งมีเครื่องมือที่ใช้งานง่าย สามารถใช้งานร่วมกับ Google Map เพื่อสร้างโมเดลอาคาร โชว์ภาพตัดขวางของโมเดล อีกทั้งยังจำลองการแสดง แสง เงา ตามวันที่
และเวลาจริงได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถโชว์มุมมองต่าง ๆ ของโมเดลเป็น แอนิเมชั่น
หรือจะแปลงเป็นไฟล์ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ร่วมกับโปรแกรมอื่นได้ เช่น Photoshop, AutoCAD หรือ 3Ds Max เป็นต้น
ความต้องการพื้นฐานของระบบ
SketchUp เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถสูง แต่กลับมีความต้องการของระบบต่ำ ซึ่งนับเป็นข้อดีของโปรแกรมอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามข้อมูลต่อไปนี้เป็นเพียงความต้องการระบบขั้นต่ำเท่านั้น
ถ้าต้องการให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และรวดเร็ว โดยเฉพาะการทำงานกับโมเดล
ที่มีความละเอียดมาก ๆ ก็ควรเลือกใช้เครื่องที่มีความสามารถสูงกว่าที่ระบุไว้
ความต้องการระบบขั้นต่ำของระบบปฏิบัติการ Windows
ความต้องการระบบขั้นต่ำของระบบปฏิบัติการ Mac OS
แนวทางการใช้ SketchUp กับสายอาชีพ
SketchUp ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้กับงานด้านการออกแบบเป็นหลัก ดังนั้นจึงเหมาะกับสายงานที่เน้น
การสร้างโมเดล ซึ่งมีอยู่หลัก ๆ 4 สายงาน โดยสายงานที่นิยมที่สุด คือ ด้านสถาปัตยกรรม
งานสถาปัตยกรรมทั่วไป
งานสถาปัตยกรรมทั่วไป เช่น การออกแบบโครงสร้างอาคาร ภูมิทัศน์ เป็นต้น เราใช้ SketchUp
ช่วยในการออกแบบ จัดวางโครงสร้าง การตรวจสอบแสงเงา การคำนวณพื้นที่ ทำให้ชิ้นงานที่ได้
เป็นไปตามแบบร่าง และโครงสร้างที่ถูกออกแบบไว้เป็นอย่างดี
ภาพที่ 1 โมเดลงานสถาปัตยกรรมทั่วไป
ที่มา https://3dwarehouse.sketchup.com
งานตกแต่งภายใน
งานตกแต่งภายใน คือการออกแบบ ตกแต่ง และจัดวางองค์ประกอบในตัวอาคาร บ้าน และสถานที่อื่น ๆ โดยโปรแกรม SketchUp มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการจัดวาง การแก้ไขโมเดลต่าง ๆ
รวมทั้งการกำหนดพื้นผิว และวัสดุได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง
ภาพที่ 2 โมเดลงานตกแต่งภายใน
ที่มา https://3dwarehouse.sketchup.com/model.html
งานออกแบบผลิตภัณฑ์
งานออกแบบผลิตภัณฑ์ในที่นี้ จะรวมถึงการออบแบบสิ่งของทั่วไป เฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งห้อง
ยานพาหนะ เครื่องจักร และโมเดลอื่น ๆ ซึ่งโปรแกรม SketchUp ก็สามารถทำงานได้ ไม่แพ้กับ
การสเก็ตซ์ภาพด้วยมือ เนื่องจากเครื่องมือและฟังก์ชันการทำงานต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย และสะดวก
ภาพที่ 3 โมเดลงานออกแบบผลิตภัณฑ์
ที่มา https://3dwarehouse.sketchup.com
งานออกแบบ Display
ออกแบบ Display เช่น เวที บูธ บริเวณแสดงสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ โดยโปรแกรมSketchUp
สามารถขึ้นโครงสร้าง และจัดวางตำแหน่งของส่วนต่าง ๆ ในชิ้นงานได้ง่าย
แม้ว่าผู้ใช้งานจะเพิ่งเริ่มใช้โปรแกรมก็ตาม
ภาพที่ 4 โมเดลงานออกแบบ Display
https://3dwarehouse.sketchup.com
การเปิดใช้งานโปรแกรม SketchUp
การเปิดใช้งานโปรแกรม SketchUp มี 2 วิธี ดังนี้
ครั้งแรกเมื่อเปิดโปรแกรม หน้าจอ Welcome To SketchUp จะมีแถบ Learn แสดงวิธีการใช้เครื่องมือต่างๆ เมื่อคลิกที่เครื่องมือจะแสดงวิธีการใช้งานแต่ละเครื่องมือในหน้าต่าง Instructor สามารถเปิดได้ที่เมนู Window > Instructor
ในหน้าต่างจะประกอบไปด้วยรายละเอียด ดังนี้
Learn เป็นส่วนที่เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ ช่วยให้ผู้เริ่มต้นใช้งานเรียนรู้วิธีการใช้งานโปรแกรม
Template เป็นการเลือกรูปแบบการทำงาน จะถูกบังคับให้เลือกเมื่อเปิดโปรแกรมครั้งแรก
เป็นส่วนสำคัญที่สุดในตอนเริ่มต้นทำงาน
ปุ่ม Start using SketchUp สำหรับเริ่มต้นใช้งานโปรแกรม
ถ้าไม่ต้องการให้หน้า Welcome to SketchUp แสดงขึ้นมาทุกครั้ง
ที่เปิดโปรแกรมให้คลิกเลือกเครื่องหมายถูก always show on startup ออกไป
ถ้าต้องการกำหนด Template ใหม่อีกครั้งจากการปิดหน้าต่าง Welcome to SketchUp
ลงไปแล้ว ทำได้โดยการ คลิกที่เมนู Help > Welcome to SketchUp
ในการเปิดโปรแกรม SketchUp ครั้งแรก (หลังจากติดตั้งโปรแกรม และเลือกแม่แบบ
ในหน้าต่าง Welcome แล้ว) จะพบกับหน้าต่างการทำงานโดยมีส่วนประกอบหลัก ดังนี้
1. แถบ Title Bar
แถบสำหรับแสดงชื่อไฟล์ที่กำลังทำงานอยู่ขณะนั้น โดยในการเปิดโปรแกรมหรือสร้างงานขึ้นมาใหม่
ชื่อไฟล์ในแถบไตเติ้ลบาร์จะแสดงเป็น Untitled จนกว่าจะมีการบันทึกและตั้งชื่อไฟล์
2. แถบ Menu Bar
แถบที่รวบรวมคำสั่งต่าง ๆ ในการทำงาน โดยจะแบ่งเป็น 8 หมวด ดังนี้
File : เป็นกลุ่มคำสั่งสำหรับจัดการกับไฟล์งาน เช่น การสร้างไฟล์งาน การบันทึก การนำเข้า/ส่งออก
การสั่งพิมพ์ เป็นต้น
Edit : เป็นกลุ่มคำสั่งสำหรับปรับแต่งแก้ไข เช่น การคัดลอก ลบ ซ่อน/แสดงโมเดล สร้าง Group/Component เป็นต้น
View : เป็นกลุ่มคำสั่งสำหรับจัดการในส่วนของพื้นที่ทำงาน เช่น ซ่อน/แสดงแถบเครื่องมือ แกนอ้างอิง
เงา หมอก การแสดงผลของเส้น การแสดงผลในส่วนของการแก้ไข Group/Component เป็นต้น
Camera : เป็นส่วนคำสั่งสำหรับจัดการในส่วนของมุมมอง ในการทำงาน เช่น การหมุน เลื่อน ย่อ/ขยาย เป็นต้น
Draw : เป็นกลุ่มคำสั่งสำหรับเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการวาดรูปทรง เช่น การวาดเส้นตรง เส้นโค้ง สี่เหลี่ยม วงกลม เป็นต้น
Tools : เป็นกลุ่มคำสั่งสำหรับเรียกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการทำงาน เช่น ดัน/ดึง การหมุน/ย้ายโมเดล
การสร้างตัวอักษรสามมิติ การวัดขนาด เป็นต้น
Window : เป็นกลุ่มคำสั่งเกี่ยวกับการเรียกแสดงหน้าต่าง หรือไดอะล็อกบอกซ์ขึ้นมา
เพื่อใช้ร่วมในการทำงาน และปรับแต่งค่าต่าง ๆ ของโปรแกรม
Help : เป็นกลุ่มคำสั่งเกี่ยวกับคู่มือการแนะนำการใช้งานโปรแกรม ไปจนถึงการลงทะเบียน
และการตรวจสอบการอัพเดต
3. แถบ Tool Bar
เป็นแถบรวบรวมเครื่องมือสำคัญมักถูกเรียกใช้งาน โดยส่วนมากจะเป็นการทำงานกับโมเดล
และส่วนประกอบย่อยของโมเดล ดังนี้
4. แถบ Drawing Area (พื้นที่ทำงาน)
เป็นพื้นที่สำหรับทำงาน ซึ่งสามารถที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองไปเป็นมุมมองต่าง ๆ ทั้งการทำงานในมุมมองแบบ 2D และ 3D โดยมุมมองแบบ 2D นั้นจะแบ่งออกเป็น ด้านบน ด้านหน้า ด้านขวา ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านล่าง และมุมมองแบบ 3D จะถูกเรียกว่า Iso (Isometric)
การทำงานในมุมมอง 2D และ 3D
เราสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองได้โดยใช้เครื่องมือ ซึ่งสามารถปรับได้ 2 แบบ คือแบบ 2D และ 3D
5. แถบ Drawing Axes (แกนอ้างอิง)
คือเส้นแกนสำหรับอ้างอิงการทำงาน เพื่อให้การวาดรูปทรง และการสร้างแบบจำลองในทิศทางต่าง ๆ
เป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยแกนอ้างอิงจะแบ่งเป็น 3 แกน ดังนี้
แทนแนวระนาบระดับจากพื้น โดยเส้นทึบ คือบริเวณที่อยู่สูงกว่าแนวระนาบ และเส้นประ
คือบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าแนวระนาบ
จุดตัดกันระหว่างเส้นแกนทั้ง 3 เส้นจะถูกเรียกว่า Original Point หรือ จะเรียกว่าจุดศูนย์กลางของพื้นที่ทำงานก็ได้เช่นกัน โดยตำแหน่งของ Original Point จะมีค่า x, y, z เท่ากับ 0 โดยถ้าค่าตัวเลขเป็นบวก
จะอยู่ในทิศทางของเส้นทึบ และถ้าค่าเป็นลบจะอยู่ในทิศทางของเส้นจุดไข่ปลา
6. Status Bar (แถบสถานะ)
คือแถบแสดงสถานะต่าง ๆ ในการทำงาน โดยจะแสดงในส่วนการแนะนำการใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ
จะอธิบายลักษณะการทำงานของเครื่องมือที่เราเลือกขณะทำงาน
เป็นตัวช่วยให้เข้าใจว่าเครื่องมือที่ใช้งานอยู่นั้นมีการใช้งานอย่างไร
7. แถบ Measurement Tool (เครื่องมือกำหนดขนาด)
Measurement มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า VCB (Value Control Box) เป็นเครื่องมือสำหรับกำหนดค่าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความยาว ขนาด องศา ระยะ ให้กับการใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้การสร้างแบบจำลองมีความแม่นยำและได้สัดส่วนที่ถูกต้อง โดยรูปแบบการกำหนดค่าด้วย Measurement
นั้นจะใช้วิธีการพิมพ์ตัวเลขลงไปในขณะที่ใช้เครื่องมือแต่ละชนิดอยู่ โดยที่ไม่ต้องเอาเมาส์ไปคลิกที่ช่องกำหนดค่า เช่น เมื่อเราต้องการวาดรูปสี่เหลี่ยมขนาด 5 x 5 เมตร เราจะใช้เครื่องมือ Rectangle
วาดรูปสี่เหลี่ยม จากนั้นพิมพ์ค่าลงไปเป็น 5m, 5m หรือ 5,5 (ในกรณีที่กำหนดหน่วยวัดเป็นเมตร
ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่หน่วยวัดต่อท้ายตัวเลข) แล้วกดปุ่ม Enter เราก็จะได้รูปสี่เหลี่ยม ขนาด 5X5 เมตร เป็นต้น