วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคตเพราะเกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งวิทยาศาสตร์ทำให้คนได้พัฒนาวิธีคิดเป็นเหตุเป็นผลคิดสร้างสรรค์คิดวิเคราะห์มีทักษะ ในการค้นคว้าหาความรู้มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, น. 92)

                   การจัดการเรียนการสอนโดยใช้การทดลองเป็นฐาน ครูผู้สอนควรเริ่มต้นโดยการให้ผู้เรียนมองเห็น ภาพระดับมหภาคซึ่งเป็นวิธีสอนที่ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติหรือให้ผู้เรียนได้มีโอกาสศึกษาค้นคว้า ด้วยตนเอง โดยครูผู้สอนได้จัดกระบวนการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียนโดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการจากการจัดประสบการณ์จริงลงมือ ปฏิบัติด้วยตนเองที่ผ่านกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหาโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ได้ฝึกทักษะการคิดอย่างเป็นระบบ อีกทั้งผู้เรียนได้ทำกิจกรรมกลุ่มและอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน (น้ำฝน คูเจริญไพศาล,2560, น.62) ดังนั้นการใช้สื่อการทดลองเป็นฐานนอกจากผู้เรียนจะได้พัฒนาทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์รู้จักการใช้เหตุผลและความสามารถในการสืบค้นข้อมูลและหาคำตอบของ ปัญหาได้ด้วยตนเองแล้วผู้เรียนยังสามารถเชื่อมโยงแนวคิดทั้ง 3 ระดับจากการใช้สื่อการทดลองเป็นฐานได้ คือการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค ที่เป็นปรากฏการณ์ทางเคมีที่เกิดขึ้นจริงและสัมผัสได้จากสี อุณหภูมิ การเกิดฟองแก๊สของสารเคมีที่ได้ทำการทดลอง แล้วสามารถนำมาเขียนเชื่อมโยงในระดับสัญลักษณ์และระดับจุลภาคได้จากการใช้สื่อแบบจำลองทำให้ผู้เรียนใช้ความสามารถของตนเองเพื่อทำให้เข้าใจเนื้อหาวิชาเคมีเชื่อมโยงกับแนวคิดทั้ง 3 ระดับ

            ดังที่กล่าวมาข้างต้นผู้วิจัยจึงมีความสนใจในการส่งเสริมความเข้าใจเรื่องปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในระดับจุลภาคของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชาเคมีพื้นฐาน 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับสื่อเทคโนโลยีจำลองแอพพลิเคชัน PhETเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนจากประสบการณ์จริง เป็นผลให้ผู้เรียนส่วนใหญ่ขาดความสามารถในการแก้ปัญหา การวิเคราะห์สังเคราะห์และประเมินค่า (เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์, 2541, น.77) ทำให้ผู้เรียนส่วนใหญ่มีความเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางเคมีที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันในระดับจุลภาคน้อยหรือมีความคิดคลาดเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว

                    ด้วยเหตุผลและความสำคัญที่ต้องพัฒนาผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาผลความเข้าใจการเรียนวิชาเคมีของผู้เรียนให้สูงขึ้น ทำให้ผู้วิจัยมีความสนใจในการศึกษาผลของการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับสื่อเทคโนโลยีจำลองแอพพลิเคชัน PhET เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี และผู้วิจัยคาดหวังว่าผู้เรียนจะเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด เรื่อง ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีและมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ร่วมกับสื่อเทคโนโลยีจำลองแอพพลิเคชัน PhET โดยที่ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงสื่อเทคโนโลยีจำลองแอพพลิเคชัน PhET เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ของปัจจัยในชีวิตประจำวันด้วยการนำเสนอตัวอย่างได้อย่างถูกต้อง