ดาร์กช็อกโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) เช่น พอลิฟินอล (polyphenol) และมีน้ำตาลค่อนข้างน้อย จึงมีผลกระทบต่อสุขภาพน้อยกว่าช็อกโกแลตประเภทอื่น[2][3] และยังได้รับการกำหนดให้เป็นยอดอาหารที่ทรงศักยภาพ (potential superfood)[4] เป็นเหตุให้ทั่วโลกต้องการดาร์กช็อกโกแลตยิ่ง ๆ ขึ้น[5] (ที่มา:https://th.wikipedia.org)
ดาร์กช็อกโกแลตผลิตมาจากเมล็ดโกโก้ และเป็นประเภทของช็อกโกแลตที่มีสัดส่วนของโกโก้อยู่เยอะที่สุด ซึ่งดาร์กช็อกโกแลตที่วางขายในท้องตลาด จะมีปริมาณโกโก้ให้เลือกกินได้ตามใจชอบ คือ
ดาร์กช็อกโกแลต 50% ขึ้นไป : มีรสชาติหวาน ออกขมนิดๆ เป็นดาร์กช็อกโกแลตที่กินง่ายที่สุด
ดาร์กช็อกโกแลต 70% ขึ้นไป : รสชาติเข้มข้น ออกหวานนิดๆ และมีรสขมอมเปรี้ยวแบบเฝื่อนๆ แต่ยังคงกินง่าย
ดาร์กช็อกโกแลต 80%-99% : รสชาติขม เข้มข้น มีรสเปรี้ยวติดลิ้น นิยมนำไปทำขนมมากกว่า
อ่านเพิ่มเติม : มือใหม่หัดทำขนมต้องรู้ ความแตกต่างของ ‘ช็อกโกแลต’ แต่ละชนิด!
ในดาร์กช็อกโกแลตอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ฟลาโวนอยด์ และวิตามินอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ในดาร์กช็อกโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด การกินดาร์กช็อกโกแลตเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2-3 สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตลงได้ ทั้งยังช่วยเสริมให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัวได้อีกด้วย
นอกจากมีสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ในดาร์กช็อกโกแลตยังมีไบโอฟลาโวนอยด์ และธีโอโบรมีน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยบำรุงหัวใจ รวมไปถึงหลอดเลือด เมื่อกินดาร์กช็อกโกแลตเป็นประจำจึงช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรงขึ้นได้
ฟลาโวนอยด์ในดาร์กช็อกโกแลต ออกฤทธิ์ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว คล้ายตอนดื่มไวน์ หรือดื่มชา ทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ก่อนเริ่มงาน หรือก่อนเข้าประชุม ลองกินดาร์กช็อกโกแลตซัก 1-2 ชิ้นเล็กๆ จะช่วยให้สมองไบร์ท และความจำดีขึ้น
สารฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอลในดาร์กช็อกโกแลต มีส่วนช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ในเลือด ซึ่งเมื่อระดับไขมันดีเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลให้ระดับไขมันเลว หรือ LDL ลดลง การกินดาร์กช็อกโกแลตเป็นประจำจึงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดลงได้
อย่างที่บอกว่าดาร์กช็อกโกแลตเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกอนุมูลอิสระทำลาย บวกกับฟลาโวนอยด์ที่มีส่วนช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด ลดความหยาบกร้านของผิวได้ การกินดาร์กช็อกโกแลตเป็นประจำ จึงช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณดีขึ้น สำหรับคนที่บอกว่ากินช็อกโกแลตแล้วสิวขึ้นนั้น อาจมีสาเหตุมาจากน้ำตาล นม หรือครีมอื่นๆ ที่ผสมอยู่ในช็อกโกแลต
อยากเพิ่มพลังและความอึดก่อนไปออกกำลังกาย ลองกินดาร์กช็อกโกแลตเพียง 1-2 ชิ้น จะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น แถมยังช่วยลดการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย นอกจากนั้น ในดาร์กช็อกโกแลตยังมีโปรตีนและไฟเบอร์ ซึ่งทำให้อยู่ท้อง กลิ่นของดาร์กช็อกโกแลตยังช่วยลดระดับความหิวโหยและความอยากอาหารลงได้อีกด้วย
ดาร์กช็อกโกแลตช่วยคลายเครียดได้จริง ซึ่งไม่ใช่เพียงรสชาติที่อร่อยหอมมัน กินแล้วสดชื่นเท่านั้น แต่ในดาร์กช็อกโกแลตมีสารที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาท บรรเทาความเครียด และอาการซึมเศร้าลงได้ ทั้งยังมีงานวิจัยที่ทดลองให้กลุ่มตัวอย่างกินดาร์กช็อกโกแลต 40 กรัม ทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่า ฮอร์โมนความเครียดลดระดับลงมากจากวันแรกที่เริ่มกิน
ประโยชน์ของดาร์กช็อกโกแลตมีมากมายขนาดนี้ แต่จะกินให้ได้ประโยชน์ ไม่ใช้กินทีเดียวหมดแท่ง..
กินดาร์กช็อกโกแลตให้ได้ประโยชน์ ควรกินดาร์กช็อกโกแลตที่มีโกโก้ 70% ขึ้นไป เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลน้อย และมีสารฟลาโวนอยด์มาก โดยกินครั้งละ 50-100 กรัม (สำหรับดาร์กช็อกโกแลตแบบแท่งให้หักกินครั้งละ 1-2 ชิ้น) สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เท่านี้ก็ช่วยเติมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์ต่างๆ จากโกโก้ได้เต็มที่แล้ว
สำหรับสาวกช็อกโกแลตนมก็ไม่ต้องเสียใจไป ช็อกโกแลตนมไม่ใช่ตัวร้าย เพียงแต่มีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้น้อยกว่า สามารถกินเพื่อเพิ่มความสุขและเติมรสชาติให้ชีวิตได้ แต่ก็ต้องจำกัดปริมาณการกินให้น้อยลง เพื่อสุขภาพที่ดีของเราเอง
เห็นแบบนี้แล้ว ก็น่าจะรู้สึกผิดน้อยลงเวลาหยิบดาร์กช็อกโกแลตมากินใช่มั้ยคะ? แม้จะมีประโยชน์อยู่มาก แต่ก็ยังคงมีน้ำตาลและนมอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น แนะนำให้กินในปริมาณที่พอเหมาะอย่างที่เราบอกไป และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น หัวใจแข็งแรง ผิวพรรณเปล่งปรั่งได้มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน