Post date: Apr 3, 2012 11:23:00 AM
อารมณ์ของคนเรานั้น มีตอบสนองต่อสถานการณ์รอบตัวแบบต่างๆ หากพอใจ เช่น ถูกหวย เราก็รู้สึกดีใจ คึกคัก หากถูกเพื่อนเชิดเงิน ไม่ใช้คืน เราก็เสียใจ โกรธ หรืออาจเศร้าได้บ้าง เป็นธรรมดาของมนุษย์
แต่หากการแกว่งตัวของอารมณ์นั้น มากเกินไป เช่น
ขั้วที่1เศร้า ท้อ มองตนเอง โลกรอบตัว และอนาคตในแง่ร้าย ไม่พอใจ อาจมีอาการร่วมไม่อยากกิน ไม่อยากนอนหรือนอนตื่นแล้วไม่สามารถหลับต่อได้ น้ำหนักลด หากรุนแรงถึงขั้นคิดอยากตาย หรือมีหูแว่วมาตำหนิว่ากล่าววิจารณ์
ขั้วที่2คึกคัก ร่าเริง มองตนเองมีความสามารถมาก ไม่อยากนอนเพราะเสียดาย อยากทำสิ่งต่างๆมากมาย ความคิดแล่นเร็วแข่งกันไม่จบเป็นเรื่องๆ ใช้เงินเยอะ ความต้องการทางเพศมาก หากรุนแรงอาจคิดว่ามีอำนาจวิเศษ รู้ใจคน รู้อนาคตต่างๆ อาจมีเสียงแว่วเทพมาบอกกล่าวให้อำนาจต่างๆ
อาการขั้วที่ 1 เป็นต่อเนื่องอย่างน้อยถึง 2 สัปดาห์ทุกๆวัน สลับกับอาการขั้วที่2 อย่างน้อย 1สัปดาห์ทุกๆวัน การสลับเร็วช้าต่างๆกันไป บางคนอาจเป็นปี หลายเดือน หลายสัปดาห์ หรือเป็นวันๆ ก็เป็นได้
เรียกอาการสุดขั้วของอารมณ์ทั้งสองว่า โรคไบโพลาร์
เกิดกับใครได้้บ้าง?
โรคนี้สามารถเกิดได้กับทุกคน โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติป่วยทางจิตเวชในครอบครัว เช่น โรคซึมเศร้า จิตเภท ไบโพลาร์ ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยทำงาน โดยอายุที่พบบ่อยคือช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หญิงมากกว่าชาย
เกิดได้อย่างไร?
ปัจจุบันพบว่าเป็นการเสียสมดุลการควบคุมอารมณ์ของสารในสมอง เกี่ยวกับ serotonin dopamine GABA receptor สาเหตุการเสียสมดุลนอกจากปัจจัยทางชีวภาพกรรมพันธุ์แล้ว การใช้สารเสพติด อุบัติเหตุทางสมอง
จะเป็นอย่างไรหากไม่รักษา?
อาจมีภาวะเสียงอันตรายตามขั้วอาการ เช่น อาจท้อ เสียโอกาสในการพัฒนาตนเอง ฆ่าตัวตาย เสียความสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือ อาจก่อหนี้สินผูกพันมากมาย ตัดสินใจที่มีผลเสียต่อทางธุรกิจ ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ และหากปล่อยให้เป็นบ่อยๆ อาการสลับขั้วจะมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ สมองส่วนความจำจะได้รับความเสียหาย ขนาดลดลง เกิดความสามารถด้านพุทธิปัญญา การคิด ประมวลผล ตัดสินใจไม่ดี และ ภาพพจน์ต่อตนเองแย่ลง อาจมีอาการซึมเศร้าทับซ้อนเนื่องจากเห็นว่าตอนอาการกำเริบได้กระทำการต่างๆไม่ดีเอาไว้มากมายได้ ผู้คนจดจำภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะนั้นไว้ทำให้การเข้าสังคมลำบากขึ้น
รักษาอย่างไร?
ปัจจุบันมียาที่ใช้รักษาเพื่อปรับระดับอารมณ์ไม่ให้มีอาการเหวี่ยงตัวสุดขั้วเกินไป ซึ่งต้องได้รับการเลือก ปรับยา ติดตามระดับยา ตามอาการผู้ป่วยโดยจิตแพทย์ ซึ่งการรักษานี้หากมีภาวะที่มีอาการรุนแรงมากอาจมีการรักษาด้วยไฟฟ้า(Electro Convulsive Therapy -ECT)ร่วมด้วย หากรักษาจนมีอาการคงที่แล้ว ต้องประคับประคองด้วยยาที่เหมาะสมต่อจนถึงเวลาประมาณ 2 ปี แพทย์จึงพิจารณาค่อยๆลดยาได้
ต้องระวังอะไรบ้าง?
สิ่งที่ควรเลี่ยง ระหว่างการรักษา คือ การอดนอน การเปลี่ยนรอบเวลานอนบ่อยๆ (งานแบบกะบางประเภท) การใช้สารที่มีฤทธิ์กระตุ้นร่างกายเช่น กาแฟ ชา บุหรี่ เครื่องดื่มชูกำลัง สุรา การพยามลดยาหรือเลิกรับประทานยาด้วยตนเองทำให้สมรรถนะของยาในการควบคุมอาการแย่ลง แพทย์ปรับการรักษาที่เหมาะสมได้ยากขึ้น ทำให้อาการกำเริบ
การตัดสินใจที่มีผลต่อการเงิน ธุรกิจต่างๆ ควรมีผู้ช่วยให้คำแนะนำที่ปรารถนาดีอย่างใกล้ชิด และมีความรู้เกี่ยวกับโรคของผู้ป่วยเพื่อช่วยประเมินสภาวะอารมณ์
อาการเตือน : เริ่มนอนไม่หลับ อารมณ์หงุดหงิด ท้อแท้ง่าย หมดเรี่ยวแรงทำสิ่งต่างๆที่เคยชื่นชอบทำได้มาก่อน แต่งตัวจัด ใช้เงินมากขึ้นโดยไม่สมเหตุผล
** โรคนี้ ไม่ใช่โรคจิต เป็นกลุ่มอาการทางอารมณ์ที่รักษาได้ ผู้ป่วยที่รับการรักษาติดตามอย่างเหมาะสมสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องรู้เท่าทัน **