Origin and importance (ที่มาเเละความสำคัญ)
ที่มาและความสำคัญของการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
การทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกในหลายสังคมทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ไม่ใช่เพียงแค่การกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ยังเป็นบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ทำลายระบบธรรมาภิบาล และขัดขวางการพัฒนาในทุกมิติ การทำความเข้าใจ "ที่มา" ของปัญหานี้ และตระหนักถึง "ความสำคัญ" ของการต่อต้าน จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่ง
ที่มาของการทุจริตคอร์รัปชัน
การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมีที่มาและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและความอยู่รอดของสังคม ประเทศ และภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ดังนี้
ที่มาของการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน:
การทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกในสังคมมาตั้งแต่อดีต ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด การใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง ย่อมส่งผลกระทบต่อความยุติธรรม ความเท่าเทียม และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
ในอดีต : การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมีมาอย่างยาวนาน เช่น ในสมัยสุโขทัย มีการให้สิทธิราษฎรในการร้องเรียนหรือร้องทุกข์ต่อพ่อขุนรามคำแหง หรือในสมัยอยุธยา มีการบัญญัติ "พระไอยการอาชาหลวง" ที่ให้ราษฎรฟ้องร้องขุนนางได้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม
ในยุคปัจจุบัน : ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยอาจเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างข้าราชการ นักการเมือง และนักธุรกิจ ทำให้เกิดความเสียหายในวงกว้างและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
ระดับนานาชาติ : การทุจริตคอร์รัปชันถูกมองว่าเป็นปัญหาระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง จึงมีการจัดทำอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (United Nations Convention against Corruption: UNCAC) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและปราบปราม
ความสำคัญของการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน
การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อทุกมิติของสังคม
ด้านเศรษฐกิจ :
สูญเสียโอกาสในการพัฒนา : การทุจริตทำให้งบประมาณของประเทศรั่วไหล ไม่ถูกนำไปใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาการศึกษาและสาธารณสุข
ลดความเชื่อมั่นในการลงทุน : นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุน เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงและขาดความโปร่งใส ซึ่งส่งผลกระทบต่อการสร้างงานและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
เพิ่มต้นทุนทางธุรกิจ : ภาคเอกชนอาจต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการจ่ายสินบนหรือการดำเนินธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม ทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง
ด้านสังคม :
บ่อนทำลายความยุติธรรมและความเท่าเทียม: การทุจริตทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ผู้ที่ไม่มีเส้นสายหรือเงินทองอาจไม่ได้รับโอกาสที่ควรจะได้รับ
ลดทอนความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ: ประชาชนขาดความศรัทธาในหน่วยงานภาครัฐและผู้บริหาร เนื่องจากมองว่าไม่มีความโปร่งใสและเป็นธรรม
สร้างค่านิยมที่ไม่ดี: การทุจริตอาจทำให้สังคมมองว่าการโกงเป็นเรื่องปกติ ทำให้ค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริตลดลง
ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต: การทุจริตในโครงการต่างๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่ได้คุณภาพ อาจส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน
ด้านการเมืองและการบริหาร :
ทำลายหลักธรรมาภิบาล: การทุจริตขัดต่อหลักการบริหารจัดการที่ดี เช่น ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วม
สร้างความไร้เสถียรภาพทางการเมือง: การทุจริตอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง การประท้วง และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่พึงประสงค์
ประสิทธิภาพการทำงานลดลง: บุคลากรภาครัฐอาจทำงานโดยมุ่งหวังผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวม ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐลดลง
Why must we fight corruption? (ทำไมถึงต้องต่อต้านการทุจริต? )
การทุจริตคือมะเร็งร้ายที่กัดกินสังคมและประเทศชาติในทุกมิติ เราทุกคนจึงต้องร่วมกันต่อต้านอย่างจริงจัง เพราะการทุจริตไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กับภาครัฐหรือกลุ่มคนบางกลุ่ม แต่ยังทำลายอนาคตและคุณภาพชีวิตของคนทุกคนโดยตรง
การทุจริตเบียดบังงบประมาณและโอกาสการพัฒนาประเทศ เงินภาษีที่เราจ่ายไป แทนที่จะถูกนำไปสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล หรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กลับถูกยักยอกไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ประเทศขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็นในการเติบโต ประชาชนก็ไม่ได้รับบริการพื้นฐานที่ดีพอ
So can we help combat corruption ???
(แล้วเราจะสามารถช่วยปราบปรามการทุจริตได้หรือไม่?)
ไม่เพิกเฉย: เมื่อพบเห็นการทุจริต ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ก็ไม่ควรนิ่งเฉยหรือมองข้าม
ไม่สนับสนุน: ไม่ให้หรือรับสินบนในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการอำนวยความสะดวกเล็กน้อย หรือการได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง
สร้างค่านิยม: ปลูกฝังค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริตให้กับตัวเอง ครอบครัว และคนรอบข้าง
ศึกษาข้อมูล: ทำความเข้าใจกฎหมาย สิทธิ และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริการสาธารณะ เพื่อไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ
ใช้สิทธิ์ในการตรวจสอบ: หากพบความผิดปกติในการใช้จ่ายงบประมาณ หรือการดำเนินโครงการภาครัฐ สามารถใช้สิทธิ์ในการขอข้อมูลหรือตรวจสอบได้
แจ้งเบาะแส: หากมีข้อมูลหรือหลักฐานการทุจริต สามารถแจ้งเบาะแสไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยมีกฎหมายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส
เป็นพยาน: หากจำเป็นและอยู่ในฐานะที่ทำได้ การเป็นพยานเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงจะช่วยให้กระบวนการตรวจสอบและดำเนินคดีเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตามข่าวสาร: สนใจและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของภาครัฐ การใช้จ่ายงบประมาณ และโครงการต่างๆ
แสดงความคิดเห็น: ใช้ช่องทางสาธารณะหรือช่องทางที่หน่วยงานจัดให้ เพื่อแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือข้อท้วงติงอย่างสร้างสรรค์