การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันไม่ได้อาศัยเพียงแค่กฎหมายที่เข้มแข็ง หน่วยงานที่ปราบปราม หรือมาตรการควบคุมที่รัดกุมเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นรากฐานและหัวใจสำคัญที่สุดคือ คุณธรรมและจริยธรรม ที่หยั่งรากลึกในจิตใจของทุกคนในสังคม เมื่อบุคคลมีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ย่อมไม่กระทำการทุจริต และยังเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดการต่อต้านการทุจริตในทุกระดับ
( คุณธรรมหลักที่จำเป็นในการต่อต้านการทุจริต )
การประพฤติตรงไปตรงมา ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง
การมีความรู้สึกละอายใจเมื่อกระทำผิด หรือเมื่อคิดจะกระทำผิด
การมีความรู้สึกละอายใจเมื่อกระทำผิด หรือเมื่อคิดจะกระทำผิด
การยอมรับในผลของการกระทำของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลเสีย
การให้ความสำคัญกับประโยชน์ของส่วนรวม ประชาชนส่วนใหญ่
[ การปลูกฝังจิตสำนึกพลเมืองดี ]
เป็นแบบอย่างที่ดี: ผู้ปกครองควรแสดงออกถึงความซื่อสัตย์สุจริตในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การไม่โกง ไม่เอาเปรียบผู้อื่น การรักษากฎกติกา และการรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตนเอง
สอนคุณค่าของความซื่อสัตย์: พูดคุยกับลูกหลานเกี่ยวกับความสำคัญของความซื่อสัตย์ ผลดีของการทำความดี และผลเสียของการทุจริต โดยอาจยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายจากชีวิตประจำวันหรือนิทาน
สร้างวินัยและความรับผิดชอบ: สอนให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การช่วยเหลือครอบครัว หรือการรักษาสิ่งของ เพื่อสร้างพื้นฐานของการเป็นพลเมืองที่ดี
ให้โอกาสเด็กได้ตัดสินใจ: สอนให้เด็กคิดวิเคราะห์และตัดสินใจบนพื้นฐานของความถูกต้อง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
สอดแทรกเนื้อหาในหลักสูตร: บรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล และพิษภัยของการทุจริตในวิชาต่างๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่แค่การท่องจำ แต่เป็นการวิเคราะห์และคิดตาม
จัดกิจกรรมนอกหลักสูตร: จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส และการทำงานเป็นทีม เช่น โครงงานคุณธรรม กิจกรรมค่ายอาสา การประกวดเรียงความหรือวาดภาพเกี่ยวกับการต่อต้านทุจริต
สร้างวัฒนธรรมองค์กรในโรงเรียน: ครูอาจารย์และบุคลากรในโรงเรียนต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการประพฤติปฏิบัติ มีความโปร่งใสในการบริหารจัดการ และสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมให้นักเรียนกล้าพูด กล้าซักถามเมื่อพบความไม่ถูกต้อง
ใช้กรณีศึกษาและบทบาทสมมติ: ให้นักเรียนได้ลองวิเคราะห์กรณีศึกษาเกี่ยวกับการทุจริต และให้ลองแสดงบทบาทสมมติเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบและทางเลือกในการตัดสินใจ
ส่งเสริมการมีส่วนร่วม: กระตุ้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบโครงการพัฒนาในชุมชนท้องถิ่น เช่น การเข้าร่วมประชาคม การแสดงความคิดเห็นต่อแผนงานต่างๆ การตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ
สร้างกลไกการเฝ้าระวัง: สนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มหรือเครือข่ายภาคประชาชนในชุมชนเพื่อทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา เฝ้าระวังพฤติกรรมการทุจริต และเป็นช่องทางในการแจ้งเบาะแส
จัดกิจกรรมรณรงค์: หน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคมควรร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาการทุจริตและช่องทางการแจ้งเบาะแสอย่างต่อเนื่องในชุมชน
ยกย่องเชิดชูคนดี: สร้างวัฒนธรรมการยกย่องเชิดชูบุคคลที่ประพฤติตนซื่อสัตย์สุจริต และกล้าหาญในการต่อต้านการทุจริต เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม
สร้างบรรยากาศที่ไม่ทนต่อการทุจริต: เมื่อเกิดการทุจริตขึ้นในชุมชน สังคมควรร่วมกันแสดงออกถึงการไม่ยอมรับ ไม่ใช่แค่การตำหนิ แต่ต้องมีแนวร่วมในการผลักดันให้เกิดการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำผิด
ภาครัฐ: ต้องแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการต่อต้านการทุจริต โดยเริ่มจากผู้บริหารระดับสูง ดำเนินการอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และลงโทษผู้ทุจริตอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
ภาคเอกชน: สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ยอมรับการทุจริต มีนโยบาย "ไม่ให้ ไม่รับ ไม่ทน" ต่อการติดสินบน และส่งเสริมพนักงานให้ยึดมั่นในจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ