หากพูดถึงกรอบมาตรฐานวัดทักษะทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับ และใช้งานอย่างกว้างขวางสำหรับการสอนภาษาในทวีปยุโรป ชื่อของ CEFR คือชื่อที่ถูกพูดถึงมายาวนานถึงความได้มาตรฐานในแวดวงการศึกษาระดับโลก

.

กรอบอ้างอิงความสามารถทางภาษาอังกฤษที่เป็นสากล CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) นับว่าเป็นหัวข้อที่ได้รับไฟสปอตไลต์ในแวดวงการศึกษาไทย เนื่องจากนโยบายปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของกระทรวงศึกษาธิการ ที่อ้างอิงกรอบนี้เป็นความคิดหลักในการออกแบบหลักสูตร

.

โดยนโยบายภาษาอังกฤษ ได้กำหนดเกณฑ์ให้ทั้งคุณครูและนักเรียนต้องผ่านการสอบ CEFR ดังนี้

.

ครูทุกคนต้องสอบ CEFR

– หากไม่ได้สอนภาษาอังกฤษ ระดับประถมศึกษาต้องได้ A2 เป็นต้นไป / ระดับมัธยมศึกษาต้องได้ A2 เป็นต้นไป

– หากสอนภาษาอังกฤษ ระดับประถมศึกษาต้องได้ B1 เป็นต้นไป / ระดับมัธยมศึกษา ต้องได้ B2 เป็นต้นไป

.

นักเรียนห้องเรียนปกติ

– ระดับชั้น ป.4-ป.6 ต้องได้ระดับมากกว่าหรือเท่ากับ A1

– ระดับชั้น ม.1-ม.3 ต้องได้ระดับมากกว่าหรือเท่ากับ A2

– ระดับชั้น ม.4-ม.6 ต้องได้ระดับมากกว่าหรือเท่ากับ B1

.

นักเรียนห้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ

– ระดับชั้น ป.4-ป.6 ต้องได้ระดับมากกว่าหรือเท่ากับ A2

– ระดับชั้น ม.1-ม.3 ต้องได้ระดับมากกว่าหรือเท่ากับ B1

– ระดับชั้น ม.4-ม.6 ต้องได้ระดับมากกว่าหรือเท่ากับ B2

.

CEFR แบ่งความเชี่ยวชาญทางด้านภาษา ออกเป็น 6 ระดับ ตั้งแต่ A1 จนถึง C2 โดยไต่ระดับจากง่ายไปยาก วันนี้เราจึงขอสรุปข้อมูลเบื้องต้นของ CEFR 6 ระดับให้คุณครูได้เห็นครับ

.

โดยสื่อฯ ภาษาอังกฤษของอักษร ได้ถูกออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะที่ตรงตามกรอบของ CEFR เช่น สื่อฯ ภาษาอังกฤษ SPARK ชั้น ม.1-ม.3 ที่ช่วยให้คุณครูสามารถสอนให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการทางภาษาในระดับ A2 ได้

.

ขอขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก: https://youtu.be/OBQN43gy0HQ

Credit: https://www.facebook.com/AksornACT/posts/2846619968757334/