Present Simple


การใช้ Present Simple Tense

ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

หลักการใช้

A. ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นความจริง สัจธรรม หรือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น

  • The sun rises in the east and sets in the west.

  • A Cat has four legs.

B. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนเป็นนิสัยในปัจจุบันและ Adverb of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่) เช่น always, sometimes, usually, etc. อยู่ในประโยคด้วย เช่น

  • John always wakes up late.

  • They sometimes walk to school

C: ใช้กับเหตุการณ์ที่เป็นกิจวัตรประจำวัน และจะมี Adverb of time (กริยาวิเศษณ์บอกเวลา) เช่น every day, every week, every ten minutes, etc. อยู่ในประโยคด้วย เช่น

  • Grace’s father reads the newspaper every day.

  • The train leaves the terminal every fifty minutes.

โครงสร้างประโยคบอกเล่า:(Affirmative Sentence)

Structure = Subject + verb 1 (s,es) + ส่วนขยาย

Examples

  • Sarah goes to school every weekday.

  • Peter always drinks milk before going to bed.


โครงสร้างประโยคปฏิเสธ: (Negative Sentence)

Structure = Subject + does/do + not + verb1

(doesn’t/ don’t)

Examples

  • Sarah doesn’t go to school every weekday.

  • Peter doesn’t drink milk before going to bed.

แต่ถ้าประโยคไหนที่มี Verb to be ( is, am, are) มาเป็นกริยามาในประโยค นักเรียนไม่ต้องเอาเจ้า Verb to do (do, does) เข้ามาช่วยนะ เดี๋ยวมันจะผิดเอานะครับ ให้นักเรียนเพียงเติม not หลัง Verb to be (is, am, are) เท่านั้น เช่น

  • Boss is a policeman. ถ้าจะทำเป็นประโยคปฏิเสธก็เพียงแค่เติม not เข้าไปหลัง is ก็เป็น

  • Boss is not a policeman. แค่นี้ก็เป็นก็ได้แล้วครับ

โครงสร้างประโยคคำถาม: (Interrogative Sentence)

Structure = Do / Does + Subject + Verb1?

Examples

  • Does Sarah go to school every weekday?

  • Does Peter drink milk before going to bed?

การตอบคำถามใน Present Simple Tense

Examples

  • Does Sarah go to school every weekday?

Yes, she does.

No, she doesn’t.

ข้อควรจำ

มีข้อสำคัญอีกประการหนึ่งที่นักเรียนควรใส่ใจในการเรียนรู้เรื่อง Present Simple Tense คือ การใช้กริยาให้สอดคล้องกับประธาน เพราะใน Present Simple Tense นั้นจะมีการเติม s, es ที่กริยาของประโยคนั้น ๆ ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับประธานของประโยคด้วย

เขามีหลักการอยู่ว่า “ใน Present Simple Tense ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (Singular) บุรุษที่ 3

(Third Person) กริยาต้องเติม s หรือ es เอาล่ะ..มาลองอ่านคำอธิบายกันต่อสักนิด เดี๋ยวจะเข้าใจ

นักเรียนจะเห็นว่าเจ้าบุรุษที่ 3 ที่ครูกล่าวถึงนั้นมีอยู่ 4 ตัวด้วยกัน คือ He, She, It และ They แต่ตามหลักของการเติม s, es ที่กริยามีอยู่ว่า “ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ บุรุษที่ 3 กริยาต้องเติม s, หรือ es” ดังนั้นเราจะเห็นว่า กฎเน้นที่ ประธานเอกพจน์ บุรุษที่ 3 เท่านั้น เราจึงเหลือตัวเลือกเพียง He, She, It เท่านั้น คงจะเข้าใจบ้างแล้วนะครับ

หลักในการเติม s และ es ที่กริยา

A. กริยาธรรมดา ให้เติม s ที่กริยาได้เลย เช่น

walk walks

ring rings

B: กริยาที่ลงท้ายด้วย ss, sh, ch, x, o ให้เติม es ที่กริยา เช่น

pass passes

wash washes

watch watches

box boxes

go goes

C: กริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น

cry cries

try tries

fly flies

D: คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็น สระ (a, e, i, o, u) ให้เติม s ที่ท้ายกริยาตัวนั้นได้เลย เช่น

stay stays

play plays

lay lays

Adverb of Frequency (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่)

always เสมอ ๆ

usually ตามปกติ

sometimes บางครั้ง. บางเวลา

often บ่อย ๆ

generally โดยทั่วไป

seldom นาน ๆ ครั้ง, ไม่ค่อยจะ

never ไม่เคย

Adverb of Time กริยาวิเศษณ์บอกเวลา every day (week, month, year) ทุก ๆ วัน (สัปดาห์, เดือน, ปี) every hour ทุกชั่วโมง once a day (week, month, year) หนึ่งครั้งต่อวัน (สัปดาห์, เดือน, ปี) now and again ซ้ำแล้วซ้ำเล่า