หน่วยที่ 5
แนวโน้มและการขยายธุรกิจ

การขายสินค้าออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยสิ่งต่างๆ ดังนี้

1. แผนการตลาด

เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยกำหนดแนวทางและเป้าหมายของธุรกิจ โดยแผนการตลาดที่ดีควรมีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน อาจเริ่มจากการเปิดเว็บไซต์ หรือการหางบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการลงทุน

2. งบลงทุน

เป็นปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจขาดไม่ได้ เจ้าของธุรกิจต้องมีเงินในการเปิดธุรกิจ โดยธุรกิจอาจซื้อสินค้าเพื่อนำมาขาย จึงเกิดค่าบรรจุภัณฑ์สำหรับส่งสินค้า ค่าส่งสินค้า การมีงบลงทุนที่เพียงพอจะช่วยให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่่อง

3. ผลิตภัณฑ์

เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงคามความต้องการของตลาด และเจ้าของธุรกิจควรมีความสนใจในผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังควรศึกษาว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์มาจากแหล่งใด จะนำมาขายในราคาเท่าใด จึงจะช่วยให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น

4. เว็บไซต์

เป็นสื่อหลักของธุรกิจโดยเจ้าของธุรกิจอาจมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง หรือไม่มีก็ได้ เพราะในปัจจุบันมีสื่อสังคมออนไลน์ที่ลงข้อมูลเพื่อขายสินค้าได้ เช่น เฟชบุ๊ค อินสตาแกรม เป็นต้น และยังมีเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ช่วยในการเปิดร้านค้าออนไลน์

5. การชำระเงิน

เป็นปัจจัยสำคัญเนื่องจากในแต่ละช่องทางจะมีเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ดังนั้น เจ้าของธุรกิจจึงควรทราบเงื่อนไขและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ลูกค้า เพื่อเลือกช่องทางการชำระเงินที่สะดวกที่สุด โดยลูกค้าอาจนิยมใช้การโอนเงินผ่านธนาคารออนไลน์ ผ่านบัตรเอทีเอ็ม หรือผ่าน Paypal

6. การจัดส่งสินค้า

เป็นการส่งสินค้าไปยังลูกค้า โดยการจัดส่งทางไปรษณีย์เป็ฯการขนส่งสินค้าที่ได้รับความนิยืมมากที่สุด เนื่องจากสะดวก รวดเร็ว และส่งได้ทั่วประเทศ โดยไปรษณีย์บางบริษัทสามสามารถส่งไปต่างประเทศได้ และหากต้องการส่งสินค้าไปจังหวัดที่อยู่ติดกันสามารถส่งทางรถประจำทางหรือรถตู้ได้ ซึ่งทำให้สามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีราคาจัดส่งไม่สูงมาก

7. การบริการหลังการขาย

เป็นบริการที่ควรทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในสินค้ามากขึ้น และทำให้ธุรกิจสามารถรักษาลูกค้ารายเก่าไว้ได้ โดยปัจจุบันลูกค้านิยมการวิจารณ์สินค้า และแสดงความคิดเห็นทางเว็บไซต์ หรือสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้นด้วย

2) สินค้าประเภทเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ

3) สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์

4) สินค้าประเภทอุปกรณ์ทันสมัย หรือ Gadget

5) สินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ

การรักษาสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร การดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและการรับประทานอาหารเสริม ล้วนเป็นการสร้างความงามจากภายใน ส่วนความงามจากภายนอก คือ การใช้บริการธุรกิจเสริมความงาม ส่งผลทำให้ธุรกิจสุขภาพและความงาม ทั้งรูปแบบสินค้าและบริการเปิดให้บริการตามแหล่งชุมชน สำนักงาน ศูนย์การค้าต่างๆ รวมไปถึงรูปแบบของธุรกิจออนไลน์อีกด้วย

แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.1 ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทเวชภัณฑ์ความงาม

1.2 อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม

1.3 อาหารเสริมและวิตามินเพื่อสุขภาพและความงาม

2.1 ศูนย์ออกกำลังกาย ฟิตเนส โยคะ

2.2 บริการด้านการแพทย์ทางเลือก เช่น การนวดสปา แพทย์แผนโบราณ

2.3 บริการด้านการแพทย์ เช่น การตรวจรักษาโรคเฉพาะทาง สถาบันลดน้ำหนัก เป็นต้น

ในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าผู้สนใจใช้สินค้าและบริการสุจภาพและความงามมีหลากหลายกลุ่ม ซึ่งแนวโน้มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวจะมีอายุลดน้อยลง ด้วยสภาวะของสิ่งแวดล้อม ปัจจัยทางเศรษฐกิจทำให้ลูกค้าของธุรกิจนี้มีอายุเริ่มตั้งแต่สิบกว่าปีเท่านั้น ผู้ชายจะกลายเป็นกลุ่มตลาดใหม่ที่สำคัญของธุรกิจสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะด้านความงาม กลุ่มลูกค้าผู้ชายจะมีความต้องการในการบริการเพื่อพัฒนารูปลักษณ์ เช่น การเติมฟิลเลอร์ (สารเติมเต็มใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มในส่วนผิวหนัง หรือใต้ผิวหนังที่มีความพกพร่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้แก้ปัญหาริ้วรอยและร่องลึกต่างๆ บนใบหน้า) เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่น่าพอใจ

การแต่งกายและแฟชั่นที่ทำให้เห็นสัดส่วนและกล้ามเนื้อที่แข็งแรง รวมถึงดารานักแสดงที่หันมาใส่ใจการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ ทำให้กลุ่มลูกค้าผู้ที่ให้ความสำคัญกับความงามหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพความแข็งแรงจองร่างกายเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ มีความคิดว่าการลงทุนด้านรูปร่าง หน้าตา และผิวพรรณ แสดงถึงคุณค่าและคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจากช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายในปัจจุบัน ทั้งนิตยสารแฟชั่น รายการโทรทัศน์ เว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์ ทัศนคติเหล่านี้ทำให้แนวคิดและรูแปบบความต้องการสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงามเปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันธุรกิจสุขภาพและความงามนอกจากจะเน้นสุขภาพและความงามที่ภายนอกแล้วยังหันมาดูแลเอาใจใส่สุขภาพและความงามจากภายในอีกด้วย

ผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม มีความคิดเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันในเรื่องการประกอบธุรกิจสุขภาพและความงาม โดยการแสดงจุดขายที่เป็นความเก่าแก่ที่นิยมตั้งแต่โบราณ เช่น ประเทศญี่ปุ่น นิยมดื่มชาเขียวเพื่อให้ร่างการยอบอุ่น แช่น้ำแร่ธรรมชาติเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง รับประทานอาหารที่ผ่านขั้นตอนการปรุงแต่งน้อยเพื่อสุขภาพที่ดี เป็นต้น

แม้การศัลยกรรมจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศเกาหลี แต่คนส่วนใหญ่ยังเน้นความสวยงามแบบธรรมชาติ จะเห็นได้จากเครื่องสำอางชนิดต่างๆ ของประเทศเกาหลี ที่มีส่วนผสม่จากธรรมชาติเป็นหลัก ปัจจุบันประเทศไทยให้ความสำคุญกับสมุนไพรพื้นบ้าน และการรักษาโรคด้วยการแพทย์ทางเลือก เช่น การแพทย์แผนไทย การนวดแผนโบราณ การฝังเข็ม การใช้สมุนไพรบำบัด เป็นต้น

สมาคมสปาระดับโลกได้เปิดเผยแนวโน้มของการทำสปาในทวีปยุโรปว่า การทำสปาสูตรโบราณกำลังได้รับความนิยม เช่น การหมักโคลนเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดี การหายใจในอากาศที่มีเกลือผสมเพื่อลดอาการอ่อนเพลียของร่างกาย การบำบัดโยใช้น้ำทะเลและน้ำสะอาด เพื่อให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส เป็นตน ซึ่งการบำบัดดังกล่าวได้รับความนิยมเป็นเวลานานมาแล้วตั้งแต่สมัยโรมัน

คนในยุคปัจจุบันยังให้ความสำคัญกับสุขภาพไม่น้อยไปกว่าความสวยงาม โดยสามารถสังเกตได้จากธุรกิจประเภทศูนย์ออกกำลังกาย ฟิตเนส เฮลตี้คลับ สถาบันโยคะ ที่มีการเปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้นและธุรกิจดังกล่าวมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นด้วย

แนวโน้มประชากรในยุคศตวรรษที่ 21

สังคมผู้สูงอายุเป็นแนวโน้มประชาการที่สำคัญในยุคศตวรรษที่ 21 โดยองค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดไว้ 3 ระดับ ดังนี้

1) ระดับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุ เกิน 10%

การมีจำนวนผู้สูงอายุเกินกว่า 10 % ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ส่วนใหญ่จะปรากฏอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา

2) ระดับสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ เพิ่มขึ้นเกิน 14 %

การมีจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเกิน 14 % ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศจีน เป็นต้น

3) ระดับสังคมผู้สูงอายุ อย่างเต็มรูปแบบ มากว่า 20 %

การมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่า 20 % ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกของโลกที่ก้าวสู่ระดับนี้ มีจำนวนผู้สูงอายุ 30 % และคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 40 % ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ในประเทศญี่ปุ่นยอดจำหน่ายผ้าอ้อมผู้ใหญ่สูงกว่าผ้าอ้อมเด็ก และมีปริมาณการบริโภคอาหารบำรุงสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับปริมาณความต้องการอาหารของเด็กอ่อน แนวโน้มการตลาดสินค้าสำหรับทารกคาดว่าจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจสื่อหันมาเน้นทำระบบสื่อสารข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อคอมพวิเตอร์ หรือมัลติมีเดีย เพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น นอกจากนี้อัตรการชมโทรทัศน์ของผู้สูงอายุยังสูงกว่ากลุ่มคนอายุ 18-34 ปีอีกด้วย

ช่วงแรก 60 ปี - 69 ปี

เป็นช่วงวัยที่ยังมีพลัง อาจเรียกว่าเป็น Active Aging ผู้สูงอายุในวัยนี้มีประสบการณ์ มีความรู้มีความสามารถ และมีภูมิปัญญาที่ยังพร้อมใช้งานได้ ประกอบกับสภาพร่างกายที่มีความแข็งแรงกระฉับกระเฉง สามารถทำงานเพื่อสร้างประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน และสังคมได้เป็นอย่างดี

ช่วงที่สอง 70 ปี -79 ปี

เป็นช่วงการพักผ่อน ผู้สูงอายุในวัยนี้อาจมีสภาพร่างกายโดยรวมดี แต่เริ่มอ่อนแอลง บางคนสูญแสียความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหวร่างกาย ความสามารถในการมองเห็นการได้ยิน การบดเคี้ยวอาหาร และปัญหาในการทรงตัว ผู้สูงอายุในช่วงอายุนี้ จึงต้องการพักผ่อนมากกว่าการทำงาน

ช่วงที่สาม 80 ปีขึ้นไป

เป็นช่วงวัยพึ่งพิง เนื่องจากผู้สูงอายุในวัยนี้จะเกิดความเจ็บป่วยทางด้านร่างกายและเกิดความเสื่อมถอยของอวัยวะต่างๆ จึงทำให้ต้องพึ่งพาผู้อื่นมากขึ้น

1)สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ

อาหารที่ช่วยบำรุงและชะลอความเสื่อมของร่างกาย อาหารควรมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม ย่อยง่าย สามารถดูดซึมได้ดี สินค้าและรายการอาหารมีความหลากหลาย เป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ ไม่มีคอเลสเตอรอล น้ำตาลน้อย หรือไม่ใส่น้ำตาล ใส่ส่วนผสมที่ช่วยป้องกัน หรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรค

2) สินค้าและริการด้านสุขภาพ

เช่น ยารักษาโรค เครื่องมือทางการแพทย์ เป็นต้น รวมไปถึงบริการด้านพยาบาล เช่น โรงพยาบาล คลินิก เป็นต้น จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ แสดงให้เห็นว่าผู้สูงอายุมีแนวโน้มต้องพึ่งพาตนเองสูงขึ้น ทำให้สินค้าเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง เป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น รถเข็น เครื่องวัดความดันโลหิต ชุดตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น การบริการในศูนย์สุขภาพต่างๆ และศูนย์การแพทย์แผนไทย เช่น ศูนย์ธรรมชาติบำบัด สปา ฟิตเนส นวดแผนโบราณ นวดคลายเครียด เป็นต้น

3) ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ

ปัจจุบันมีธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุในรูปแบบใหม่ ซึ่งต่างจากการดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวที่ปฏิบัติต่อกันมา โดยการจัดให้มีผู้ช่วยในการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ สำหรับผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือครอบครัวไม่สามารถให้ความดูแลได้ นิยมจ้างผู้ช่วยจากธุรกิจดูแลผู้สูงอายุให้เข้ามาดูแลที่บ้าน

4) ธุรกิจด้านสันทนาการและการท่องเที่ยว

ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีฐานะทางเศรษฐกิจดี และมีศักยภาพในการใช้จ่าย นิยมการท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยสินค้าของท้องถิ่น ปัจจุบันมีบริษัททัวร์ที่ผู้สูงอายุนิยมเดินทางกันมาก เช่น การเดินทางเพื่อสุขภาพ ทำบุญไหว้พระ ชวนชิมอาหาร การเดินทางท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งการท่องเที่ยวดังกล่าวจะทำให้ผู้สูงอายุได้ผ่อนคลายความเครียด ได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ ได้รับรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากการท่องเที่ยว

5) ธุรกิจที่ตอบสนองรูปแบบการดำเนินชีวิต

เป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับกระแสตอบรับจากตลาดผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้สูงอายุเริ่มมีข้อจำกัดในการดำเนินชีวิต อีกทั้งยังเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและเต็มใจที่จะจ่ายเงิน เพื่อให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด สินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวติให้แก่ผู้สูงอายุมีหลายประเภท โดยสินค้าที่คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตสูง คือ สินค้ากลุ่มเครื่องเรือน หรือ เฟอร์นิเจอร์ การเปลี่ยนแปลง่ของธุรกิจเครื่องเรือนสำหรับผู้สูงอายุ จะต้องคำนึงถึงการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ เช่น เตียงนอนที่สามารถปรับระดับได้และไม่สูงจนเกินไป ที่นอนยางพาราที่มีความแข็งเหมาะสม เก้าอี้ไม้ที่มีพนักพิง หมอนหนุนสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น รวมถึงของตกแต่งบ้าน และสินค้ากลุ่มของขวัญและของชำรวย รวมไปถึง สินค้าที่มีลักษณะใช้งานได้ง่าย เช่น เปิดง่ายไม่ต้องใช้แรงมาก ตัวอักษรและตัวเลจสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีน้ำหนักเบา เป็นต้น

1. ธุรกิจต้องศึกษาและใช้ศิลปะในการโฆษณะสินค้าหรือบริการ เพื่อให้ผู้สูงอายุสนใจ เกิดความต้องการและยอมรับสินค้าหรือบริการดังกล่าว

2. ธุรกิจต้องปรับตัวและศิกษาการดำเนินชีวติของผู้สูงอายุให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เพื่อให้ธุรกิจสามารถขายสินค้าและบริการได้ ตลอดจนสามารถรองรับโครงสร้างประชากรที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีกไม่ช้า

1. การบริโภคอาหารรักษ์โลก

อาหารที่ผลิตโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นทางเลือกของคนยุคใหม่ อาหารบางชนิด อาจมีสรรพคุณทางยา หรือบำรุงสุขภาพไปด้วย นอกจากนี้ ต้องมีความสะดวกในการเตรียม ส่งผลให้เกิดการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังมีระบบการตรวจสอบข้อมูลสินค้าอีกด้วย

2. การทำงานแบบรักษ์โลก

การทำงานร่วมกันโดยอยู่ต่างสถานที่กัน เป็นการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้การทำงานเปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ยังมีการคิดค้นที่ช่วยพัฒนาธรรมชาติเช่น การเพาะเนื้อเยื่อพันธุ์ไม้ ทำให้ขยายพันธ์ุพืชได้เร็วขึ้นกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ประหยัดต้นทุนในการทำงาน ทั้งนี้ ยังสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

3. การเรียนรู้แบบรักษ์โลก

ในอนาคตนักเรียนอาจไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่ต้องเข้าห้องเรียน โยใช้เทคโนโลยีสร้างแบบจำลอง เพื่อเจ้าถึงความรู้จากทั่วโลกด้วยระบบดิจิทัล เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต โยไม่จำกัดช่วงวัยและไม่จำกัดวิชาที่สนใจ

4. การท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก

การเดินทางสมัยใหม่มีให้เลือกหลายหลายรูปแบบ การพัฒารถไฟความเร็วสูง ทำให้เดินทางได้อย่างรวดเร็ว มีต้นทุนการเดินทางต่ำลง และยังพัฒนาพาหนะให้สามารถใช้พลังงานทางเลือกได้อีกด้วย เช่น พลังงานจากถ่านหิน พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น

5. การพักผ่อนแบบรักษ์โลก

มนุษย์ส่วนใหญ่ชอบท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สื่อดิจิทัลในอนาคต อาจทำให้เกิดโลกเสมือนจริงมากขึ้น โดยสามารถเลือกพักผ่อนตามสถานที่ต่างๆ ได้ เทคโนโลยีช่วยให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง การทำงาน การซื้อผลิตภัณฑ์ และยังทำให้มีเวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัวเพิ่มมากขึ้น

6. การดำเนินธุรกิจแบบรักษ์โลก

กระแสสิ่งแวดล้อมในธุรกิจส่วนใหญ่ จัดกิจกรรมเพื่อสังคมมากกว่าการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง การพัฒนาวิธีดำเนินงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะสามารถสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในระยะยาว รวมถึงการสร้างจิตสำนึกให้กับพนังงานที่จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ผลิตภัณฑ์สีเขียว ควรใช้หลักการ 4 R

1. Reduce การลดของเสีย

2. Reuse การใช้ซ้ำ

3. Recycle การนำกลับมาใช้ใหม่

4. Repair การซ่อมบำรุง

2) การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตที่ยั่งยืน

การออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ มีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ โดยการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มตั้งแต่กระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นการใช้แนวคิดเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้น รวมไปถึงการวิเคราะห์สมรรถนะทางด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ เช่น การจัดการซากที่หมดอายุ การจัดการของเสียระหว่างการผลิต เป็นต้น

การกำหนดระเบียบทางการค้าสำหรับการค้าระหว่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ระเบียบว่าด้วยการจัดการเศษเหลือทิ้งจากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ระเบียบว่าด้วยการจำกัดการใช้สารอันตรายบางชนิดในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ระเบียบเกี่ยวกับการจัดการซากของยานยนต์ เป็นต้น ระเบียบที่กำหนดขึ้นส่งผลให้เจ้าของธุรกิจผู้รับผิดชอบโดยตรงต่อเศษวัสดุของธุรกิจ ต้องให้ความสำคัญและำัฒนาผลิตภัณฑ์ตามระเบียบของประเทศนั้น เพื่อให้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ได้

3) การตลาดสีเขียว

องค์ประกอบของการตลาดสีเขียว

1. นำเสนอให้ผู้บริโภคได้เห็นและเข้าใจว่า ธุรกิจกำลังทำสิ่งใด จะช่วยเหลือธรรมชาติได้อย่างไร

2. นำเสนอสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

3. ใช้วิธีการที่เป็นสีเขียวในการนำเสนอข้อ 1. และข้อ 2. ที่ได้กล่าวมา เช่น การใช้กระดาษในการพิมพ์เอกสารการตลาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เลือกใช้หมึกพอมพ์ที่ไม่สร้างมลภาวะ เป็นต้น เมื่อวัสดุเหล่านั้นทำหน้าที่ทางการตลาดไปยังผู้บริโภคแล้ว ผู้บริโภคจะกำจัดทิ้งอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อธรรมชาติ หรือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หรือไม่