"แมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน"
„ม.จุฬาฯพบแมงมุมสันโดษ พิษร้ายแรงครั้งแรกในไทย ทีมวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยการค้นพบ "แมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน" ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
ชี้จัดอยู่ในกลุ่มมีพิษร้ายแรง คาดเข้ามาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันพุธที่ 20 มกราคม 2559 เวลา 16:35 น.
ม.จุฬาฯ พบ แมงมุมสันโดษ พิษร้ายแรง ครั้งแรก ในไทย เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่อาคารเคมี 2 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อ.ดร.นพดล กิตนะ หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วย อ.ดร.ณัฐพจน์ วาฤทธิ์ อาจารย์ประจำภาคชีววิทยา นายนรินทร์ ชมพูพวง นิสิตปริญญาเอก ภาควิชาชีววิทยา และ พล.ต.ณัฏฐพัชร สกุลรังสฤษฏ์ ผอ.สทพ.นทพ. สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ร่วมแถลงข่าวการค้นพบแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน (Loxosceles rufescens) ครั้งแรกในประเทศไทย
ด้าน อ.ดร.ณัฐพจน์ กล่าวว่า ทีมผู้วิจัยจากศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกีฏวิทยา ภาคชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ค้นพบแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน ระหว่างการลงพื้นที่สำรวจในถ้ำภายในเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
โดยการค้นพบครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นรายงานการค้นพบแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียนครั้งแรกในประเทศไทย
ถิ่นกำเนิด มาจากประเทศในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ขณะนี้พบว่ามีการแพร่กระจายในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ประเทศในแถบยุโรป รัสเซีย และออสเตรเลีย
สำหรับในเอเชียมีรายงานการพบในประเทศจีน ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น
ในไทยทางทีมวิจัยสันนิษฐานว่าแมงมุมชนิดนี้อาจเข้ามาอยู่ในประเทศไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ในระหว่างที่มีการขนส่งวัสดุและยุทโธปกรณ์จากญี่ปุ่นมายังไทยเพื่อใช้ก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ
แมงมุมชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มแมงมุมที่มีพิษร้ายแรง
ที่จะส่งผลทำให้เกิดการตายเฉพาะส่วนของเนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกกัด
จากข้อมูลทางวิจัยและการเก็บสถิติกว่าสิบปี พบว่าแมงมุมสันโดษเมดิเตอร์เรเนียน
มีลักษณะเป็นสีเหลืองน้ำตาล ลำตัวจะมีสีเข้มคล้ายไวโอลีน ความยาวประมาณ 5-7 มม. มีตา 3 คู่ 6 ดวง ท้องทรงรี มีขนอยู่ทั่วท้อง แมงมุมดังกล่าวอาศัยอยู่ตามซอกมุม หากินตอนกลางคืน ไม่มีนิสัยดุร้าย
มีการกระจายไม่มากในพื้นที่ประเทศไทย แผลที่กัดเป็นเพียงตุ่มคล้ายยุงกัดและจะหายได้เอง มีประชาชนเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่จะมีอาการรุนแรง ต้องรับการรักษาด้วยแพทย์ เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือสภาพร่างกายไม่แข็งแรง ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนก
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/regional/374397