แมงมุมแม่ม่ายดำ (black widow spider) : Latrodectus mactans
เป็นแมงมุมขนาดเล็ก
ถิ่นที่อยู่
พบได้ในหลายประเทศ แต่มีชุกชุมมากในทวีปอเมริกาใต้และทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปออสเตรเลีย
ชื่อของแมงมุมชนิดนี้สื่อถึงพฤติกรรมที่แมงมุมตัวเมียมักจะกินแมงมุมตัวผู้หลังจากผสมพันธุ์
คนมักถูกกัดได้จากการไปสัมผัสโดยบังเอิญ ส่วนใหญ่พบใยแมงมุมชนิดนี้อยู่ตามมุมประตูหรือหน้าต่าง โรงรถ หรือแม้แต่ในห้องน้ำ จึงอาจทำให้คนถูกแมงมุมกัดบริเวณอวัยวะเพศได้ด้วย
ลักษณะ
แมงมุมแม่ม่ายดำตัวเมียจะมีความยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร มีสีดำ ตัวกลม ที่ท้องจะมีลายเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแดง
ส่วนแมงมุมแม่ม่ายดำตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าตัวเมียประมาณ 20 เท่า และมีสีน้ำตาล (ดังรูปที่ 3) ไม่พบลักษณะนาฬิกาทรายที่ท้องของตัวผู้
แมงมุมแม่ม่ายดำชอบอยู่ในที่อับแสง แห้ง ไม่มีลม เช่น ตามรั้ว หรือในกองใบไม้ชอบออกหากินกลางคืน
เฉพาะแมงมุมแม่ม่ายดำตัวเมียเท่านั้นที่สามารถกัดมนุษย์ได้ เนื่องจากตัวผู้ตัวมีขนาดเล็กและกรามไม่แข็งแรงพอ
สารพิษ
ของแมงมุมแม่ม่ายดำมีชื่อเรียกว่า latrotoxin
เป็นพิษที่มีผลหลักต่อระบบประสาท (neurotoxin) โดยพิษจะทำให้เกิดช่องว่างบริเวณปลายเซลล์ประสาท ส่งผลให้แคลเซียมไอออน (Ca2+) ไหลเข้าสู่ปลายเซลล์ประสาทซึ่งเป็นกลไกให้เกิดการปล่อยสารสื่อประสาท (neurotransmitter) ตลอดเวลา ทำให้เกิดการส่งกระแสประสาทอย่างต่อเนื่องและมากกว่าปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกร็งจนเป็นอัมพาต
ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตจะเกิดจากกล้ามเนื้อกระบังลมและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงาน ความรุนแรงขึ้นกับปริมาณสารพิษที่ได้รับ พิษมีความรุนแรงกว่าพิษงูส่วนใหญ่ มักเริ่มแสดงอาการหลังถูกกัดประมาณ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
อาการและอาการแสดง
ระยะแรกจะมีแค่อาการผื่นแดง ๆ และปวดบริเวณที่ถูกกัด พบรอยโรคผิวหนังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อมาภายใน 30 นาที จึงจะเห็นผิวหนังบริเวณรอบ ๆ แดงขึ้น (ดังรูปที่ 4) ร่วมกับมีอาการขนลุก และเหงื่อออก อาจมีอาการชาหรือปวดร้าวบริเวณที่ถูกกัดได้ด้วย อาจมีอาการเป็นตะคริว และมีผื่นลมพิษร่วมด้วย ที่สำคัญ คือ บริเวณที่ถูกกัด จะไม่มีเนื้อตายเกิดขึ้น
อาการรุนแรงมักพบในเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ
เนื่องจากพิษของแมงมุมชนิดนี้มีสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้สามารถพบอาการอื่น ๆ เช่น ปวดท้องรุนแรงจนบางครั้งสับสนกับอาการปวดท้องจากไส้ติ่งอักเสบ, หรือการปวดจากนิ่วในถุงน้ำดีไปอุดตันทางเดินน้ำดี หรือมีอาการปวดหน้าอกจนอาจคล้ายคลึงกับอาการหัวใจขาดเลือดได้
นอกจากนี้ยังมีอาการปวดศีรษะ, คลื่นไส้อาเจียน, ปวดกล้ามเนื้อ, ความดันโลหิตสูง, น้ำตาและน้ำลายไหล, เหงื่อออกทั่วตัว, มือสั่น และชัก ในผู้ป่วยบางราย อาจพบความดันโลหิดสูงขึ้น ไตวายเฉียบพลัน จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรักษา
ควรรีบมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากควรได้รับการประเมินอาการทางระบบประสาทโดยแพทย์
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านพิษแมงมุมแม่ม่ายดำในประเทศไทย (ในต่างประเทศจะมียาต้านฤทธิ์ของพิษแมงมุม (anti-venin)
ซึ่งใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง แต่อาจทำให้เกิดการแพ้น้ำเหลืองม้าอย่างรุนแรงได้ จึงต้องทำการทดสอบผิวหนังก่อนฉีดยาต้านดังกล่าว)
การรักษาในปัจจุบัน คือ หากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย อาจใช้การประคบน้ำอุ่นร่วมกับรับประทานยาแก้ปวด การให้ยา calcium gluconate ทางหลอดเลือด, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยาแก้ปวด และยากล่อมประสาทกลุ่ม benzodiazepine ให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ รอให้พิษหมดไปเอง และอาจต้องได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักร่วมด้วย
ที่มา http://www.dst.or.th/html/index.php?op=article-detail&id=1207#.VqCi5ZqLQ_4