เรื่องของภาวะผู้นำ

Post date: Jul 20, 2011 3:43:44 AM

การดำเนินงานในทุกๆสาขาอาชีพ มักเจออุปสรรคในการทำงานกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว แต่โดยมากแล้ว ถ้าพูดถึงการทำงานโดยเฉพาะกับคนหมู่มากแล้ว ย่อมเกิดปัญหากันแทบทั้งนั้น เพราะต่างจิตต่างใจ และต้องรับบทบาทที่แตกต่างกัน ในวงการสาธารณสุขก็เหมือนกัน การทำงานกับคน ย่อมมีปัญหาเกิดขึ้น เหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกันเป็นเรื่องธรรมดา บางที่ทำงานดีทำงานเด่น แต่ดูกันจริงๆแล้วกลับเป็นว่าทำงานเหมือนถูกบังคับให้ทำ เต็มใจบ้างไม่เต็มใจบ้าง หมดสิทธิในการนำเสนอข้อมูล เหมือนถูกบงการ หรือบีบให้ทำตามแผน บางที่ทำงานแย่ ผลงานไม่ค่อยเกิด แต่บุคลากรกลับรักใคร่กลมเกลียวกันดี เข้าใจกันเปิดใจกันในทุกๆเรื่อง แต่ที่แย่ อาจเกิดจาก อุปสรรคในพื้นที่ หรือขาดแคนเจ้าหน้าที่ อันนี้ก็อีกส่วนนึง บางที่งานก็ไม่เกิด ผลงานไม่มีรับผิดชอบน้อย แถมยังมีปัญหาระหว่างคนทำงานด้วยกัน ก็ยิ่งทำให้ระบบงานแย่ลงไปใหญ่ หรือบางที่มีคนพร้อมพื้นที่พร้อมแต่ดันมีปัญหากันภายใน งานก็ล่ม หลายที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขถึงงานหนักพื้นที่ไม่อำนวย ก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้อย่างไม่มีปัญหา ประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมดเกิดจากอะไร มันก็คงไม่พ้นเรื่องของ ผู้นำที่ไม่เข้าใจบทบาทของการเป็นหัวหน้าคนหรือไม่ก็เกิดจากลูกน้องที่อยู่ภายใต้การดูแล เนื่องจาก ความคิดเห็นไม่ตรงกันหรืออาจกำลังงง กับบทบาทที่ตัวเองกำลังทำอยู่ แล้วเราในฐานะที่กำลังทำบทบาทกับการเป็นผู้นำ หรือรับบทบาทเป็นผู้ปฏิบัติจะมีแนวทางปรับตัวกันอย่างไร เพื่อให้การทำงานมีความสุขด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย วันนี้มีบทความดีๆมาให้อ่านกันหลายเรื่อง ไปดูกันเลย

"หัวหน้าเก่งและดี....เรียนรู้ได้ไม่ยาก"

เกิดเป็นคนก็ยากอยู่แล้วเกิดเป็นนายคนยิ่งยากกว่าหลายร้อยเท่า"คำกล่าวของเปาบุ้นจิ้น ที่กล่าวถึงคนที่ต้องเป็นหัวหน้าคนอื่นการเป็นหัวหน้าไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจะเป็นหัวหน้าที่เก่งและดีนี่ซิ..ยากมากฉะนั้น จำทำอย่างไร เพื่อจะเป็นหัวหน้าที่เก่งและดีให้ได้ในทางปฏิบัติแล้วการจะเป็นหัวหน้าที่เก่งและดีสามารถสร้างได้ ฝึกได้โดยการพยายามสร้างภาวะผู้นำ (Leadership) ให้เกิดขึ้น การเป็นหัวหน้าที่ดีเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ดังนั้นเป็นความจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องฝึกหัดและฝึกฝน เราไม่สามารถระบุได้ว่าหัวหน้าแบบใดเป็นแบบที่ดีที่สุด แต่เราก็สามารถสร้างและสรรหาหัวหน้าที่เหมาะสมที่สุดได้ ในแต่ละสถานการณ์

จากการศึกษาของ Blake และ Mouton ในเรื่องของภาวะผู้นำโดยจัดผู้นำออกเป็น 81 แบบตามกรอบของ Managerial Grid

ตามกรอบของ Managerial Grid ของ Blake กับ Mouton สามารถอธิบายผู้นำแบบหลักๆ ได้ 5 แบบดังนี้

1) 1,1 เป็นผู้นำแบบปล่อยตามสบาย ไม่มุ่งทั้งคนและงานงานไม่ประสบความสำเร็จ ผู้ใต้บังคับบัญชาขาดขวัญและกำลังใจ

2) 5,5 เป็นผู้นำแบบประชาธิปไตยอยู่ในระดับกลาง

3) 1,9 เป็นผู้นำแบบมุ่งคนเน้นการสร้างขวัญและกำลังใจเพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับความสุขแต่ขาดประสิทธิภาพของงาน งานไม่บรรลุเป้าหมาย

4) 9,1 เป็นผู้นำแบบมุ่งงานเน้นผลสำเร็จของงานเป็นหลักขาดการบำรุงขวัญและกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา

5) 9,9 เป็นผู้นำแบบที่มุ่งงานและมุ่งคนเน้นผลสำเร็จของงานและยังสามารถสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถทำงานให้สำเร็จได้อย่างมีความสุข

หากพิจารณาตามหลักพื้นฐานอย่างง่ายเราก็จะมองการเป็นผู้นำที่เก่งและดีจากความรู้ความสามารถในเรื่องของคนและงาน นั้นหมายความว่าผู้นำต้องสามารถนำทีมงานให้สามารถทำงานได้สำเร็จบรรลุตามเป้าหมายขององค์การและสามารถสร้างสายสัมพันธ์อันดีให้เกิดขึ้นได้ระหว่างสมาชิกในทีมงานทำความเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ทุกคนในทีมงานทั้งตัวผู้นำและผู้ตามสามารถทำงานร่วมกันให้ประสบความสำเร็จได้อย่างเป็นสุขนั่นเอง

ประเด็นต่อไป คือ ข้อคำถามว่าเราต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อจะเป็นผู้นำที่เก่งและดีทั้งเรื่องของงานและเรื่องของคนเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามตัวเองว่า เราชอบงานที่เราทำอยู่หรือไม่ มากน้อยเพียงใดเพราะการที่เราได้ทำงานที่เราชอบจะทำให้เรามีความตั้งใจต่อการทำงานนั้นๆ และแน่นอนผลงานก็จะออกมาดี ทักษะทางด้านเก่งงานของเราก็จะพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆจากนั้นก็ฝึกทักษะทางด้านคนด้ายการตั้งคำถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะทำให้ทีมงานมีความสุขกับการทำงานได้อย่างไรสิ่งหนึ่งที่เราควรทำ คือ การสร้างบรรยากาศที่ดีให้เกิดขึ้นให้ได้โดยการปฏิบัติตัวเป็นพี้เลี้ยงที่ดีต่อทีมงาน ให้ความเป็นกันเองให้ความสนใจและใส่ใจต่อทีมงาน พูดคุยกับทีมงานอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญเราต้องปกป้องทีมงานและคอยช่วยเหลือ แก้ปัญหาให้ทีมงานเราได้วิธีเหล่านี้เป็นเพียงพื้นฐานที่จะเป็นตัวช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานได้ดีทีเดียวเมื่อเราทำเช่นนี้ก็จะทำให้ทีมงานเกิดความไว้วางใจต่อตัวผู้นำได้และเมื่อนั้นทักษะทางด้านเก่งคนของเราก็จะพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆท้ายที่สุด เมื่อเราสามารถพัฒนาทักษะทางด้านงาน และทักษะทางด้านคนให้เก่งและดีได้แล้วเมื่อนั้น ความสุขที่จะได้จากการทำงานก็จะบังเกิดขึ้นกับผู้นำและทีมงาน

หัวหน้าหรือผู้นำไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเป็นหัวหน้าที่เก่งและดีได้มากน้อยเพียงใดคนที่จะบอกได้ดีที่สุด คือทีมงานเขาเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงความเก่งและดีของหัวหน้าพวกเขาได้ดังนั้น การสะท้อนในเชิงบวกของทีมงานย่อมนำมาสู่ความภาคภูมิใจของหัวหน้าหรือผู้นำคนนั้นไปตลอดชีวิต

"หัวหน้าที่เก่งและดีเรียนรู้ได้ไม่ยาก"เพียงแค่เริ่มต้นด้วยการให้..แล้วเราก็จะได้ในสิ่งที่เราอยากรับ

ที่มา:สิริลักษณ์สุวรรณบดี

มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

...................................................................................

เคยคิดกันบ้างไหมว่าวันๆหนึ่งที่เราทำงานเราต้องการเพื่อนร่วมงานแบบไหนลูกน้องแบบไหน ท้ายที่สุดหัวหน้าแบบไหนที่เราต้องการเพราะว่าในที่ทำงานย่อมมีทั้งเจ้านายและ ลูกน้อง ที่ต้องทำงานร่วมกัน เจ้านาย ส่วนใหญ่ ก็จะมีลูกน้องในฝันที่ อยากจะให้เป็น เช่น ขยันขันแข็ง ทำงานเต็มที่ จงรักภักดี ไม่มีป่วยไข้ส่วนลูกน้องเอง ก็อยากมีเจ้านายในฝัน ที่พวกเขาต้องการด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันในองค์กรข้ามชาติมีการประเมินผลเจ้านายแล้วปิดผนึกส่งกลับไปที่สำนักงานใหญ่อีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าทำได้ตรงตามมาตรฐานที่บริษัทแม่ต้องการหรือเปล่า ลองสำรวจดูว่าเจ้านายแบบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายแบบที่ลูกน้องต้องการ

ตัดสินใจเด็ดขาด

เจ้านายที่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและมักจะตัดสินใจได้ถูกต้องเสมอมีเหตุมีผล พูดจาคำไหนคำนั้นถือได้ว่าเป็นผู้นำที่ดีที่สุดของลูกน้องบางครั้งการตัดสินใจดูเหมือนจะใช้ความคิดของตนเป็นใหญ่ไปบ้างแต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ เพราะเขากำลังอยู่ในบทบาทซึ่งเป็นผู้นำถ้าผู้นำมีความมุ่งมั่น ตัดสินใจเร็ว ไม่โลเล ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยๆลูกน้องก็จะเกิดความมั่นใจเชื่อถือ และสามารถทำงานได้โดยไม่สะดุดบ่อยๆ

มีเป้าหมายชัดเจน

นอกจากจะเฉียบขาดแล้ว นายที่มีจุดยืน มีอุดมการณ์ หรือมี จุดหมายที่ชัดเจนก็เป็นที่ต้องการเป็นอย่างยิ่ง จุดหมายที่องค์กรมีร่วมกันโดยมีนายเป็นผู้นำนั้นก็เหมือนกับเส้นหลักชัยที่ต้องเดินไปให้ถึงถ้ามีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจนแล้วเราก็สามารถมุ่งหน้าไปยังจุดๆนั้นได้ง่ายและเร็วขึ้นเพราะเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่คนที่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่นั้นย่อมดีกว่าเดินไป คิดลังเลไป เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

รู้จักใช้คน

Put the right man in the right job.ยังใช้ได้ดีในทุกสถานการณ์ และทุกที่นายที่ดีต้องรู้จักลุกน้องของตนว่าใครเหมาะที่จะทำอะไรงานไหนควรให้ใครรับผิดชอบ คนไหนเก่งอะไรแต่มีข้อบกพร่องไปบ้างก็พยายามแก้ไขให้เขาสมบูรณ์แบบขึ้น ใครขาดใคร เกินส่วนไหนก็ปรับแต่งให้ลงตัว จึงจะเรียกว่าบริหารคนเป็นการรู้จักนิสัยใจคอความชอบส่วนตัวของลูกน้อง นอกจากจะทำให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพขึ้นแล้วยังเป็นข้อหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเจ้านายใส่ใจลูกน้องเป็นอย่างดี

ซื่อสัตย์

นอกจากจะเป็นคนที่ทำงานเก่งแล้วเจ้านายตัวอย่างควรจะมีความซื่อสัตย์ต่อองค์กรด้วยบริหารค่าใช้จ่ายภายในอย่างเป็นธรรม ถูกต้องไม่มีการเอารัดเอาเปรียบให้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ได้ การมีเจ้านายเป็นคนเก่งและเป็นคนดีที่ ไว้ใจได้ อาจพูดได้ว่า เป็นโชคดีชั้นหนึ่งของลูกน้องที่ได้ร่วมงานด้วย เลยทีเดียว

สนับสนุนลูกน้อง

นายที่ดีต้องให้โอกาสลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีโอกาสทำงานที่พิสูจน์ความสามารถของตนเองด้วยงานใดจะส่งเสริมให้ความสามารถของลูกน้องโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ก็ควรสนับ สนุน ไม่ใช่แย่งผลงานของลูกน้องมาเป็นผลงานของตัวเองหมดเสียทุกครั้งไปให้โอกาสเขาได้เจริญเติบโต พร้อมทั้งผลักดัน สนับสนุนให้สร้างเสริมความสามารถขึ้นเรื่อยๆ เจ้านายที่ดีต้องสร้างลูกน้องให้เก่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อที่เขาจะมาทำงานแทนเราได้ในอนาคต

มีมนุษยสัมพันธ์ดี

นายที่ดีต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดีทั้งในและนอกองค์กรบางครั้งนอกองค์กรนายอาจจะเป็นคนนิสัยเยี่ยม อัธยาศัยดี น่าคบหาแต่กับคนใกล้ตัวอย่างลูกน้องที่ใกล้ชิดนายอาจจะหลงลืมหรือละเลยไปบ้างแต่นายที่ดีต้องไม่ลืมข้อนี้ แค่ทักทายถามไถ่ทุกข์สุขลูกน้อง ขอบคุณ เมื่อเขาทำงานให้ ให้รางวัลหรือคำชมเชยว่า Well done เป็นต้น นายที่ดีต้องรู้จักยืดหยุ่นมีอารมณ์ขัน อาจมีการพบปะสังสรรค์กันนอกเวลางานบ้างจะช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันและจะส่งผลให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น

รับฟังความคิดเห็นของลูกน้องบ้าง

เจ้านายที่เอาแต่พูดๆ ฝ่ายเดียวโดยไม่ฟังความคิดเห็นหรือคำอธิบายของลูกน้องเลยเป็นเจ้านายที่ปิดกั้นตัวเองอย่างยิ่งแน่นอนว่าเจ้านายมักมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่า มีความรู้มากกว่าลูกน้องแต่การไม่ยอมรับฟังอะไรจากใครเลยก็ไม่เป็นผลดี ลูกน้องอาจมีข้อเสนอดีๆที่นายมองข้ามไปหรืออาจมีคำอธิบายที่ฟังขึ้นในความผิดพลาดของงานที่นายมองไม่เห็นการฟังลูกน้องพูดหรืออธิบายบ้างจะช่วยให้ลูกน้องทำงานอย่างสบายใจไม่รู้สึกกดดันมากนักเมื่อมีปัญหาเขาจะกล้ามาถามหรือเสนอแนะในข้อที่เขาเห็นว่าเป็นทางเลือกที่ดีฟังลูกน้องให้มากขึ้นเพียงนิดหน่อยก็อาจช่วยให้คุณเป็นนายที่น่ารักขึ้นมาก

เป็นตัวอย่างที่ดีในการเข้างาน

ไม่ใช่ตัวหัวหน้า มาทำงานเกือบเที่ยงเป็นประจำ ทั้งๆที่เวลาเข้า ทำงาน 8.30 น.แต่คาดหวังให้ลูกน้องมาเช้าก็จะเกิดช่องว่างแก่การครหาได้เช่นกันหรือเจ้านายเอาแต่สีซออู้ เถรไถลไปโน่นมานี่ลูกน้องที่เป็นสายพันธุ์เดียวกันก็เอาอย่างได้ โดยที่ลูกน้องคนอื่นๆก็เริ่มครหาสนุกปากทั่วองค์กร

บุคลิกภาพต้องดีเยี่ยม

ข้อนี้ไม่น่ามองข้ามเลย เจ้านายควรเป็นผู้มีบุคลิกดีแต่งกายเหมาะสมกับรูปร่างฐานะทางสังคม ต้องสะอาดสุภาพเข้างานสังคมได้อย่างไม่ขัดหูขัดตา และมีบุคลิกเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปถ้าคุณเป็นนายที่เก่งเป็นเลิศอยู่แล้ว แตบุคลิกภาพแย่ก็ยังมีข้อบกพร่องให้ลูกน้องรู้สึกไม่ดีได้ ดังนั้นอย่าตกม้าตายด้วยเรื่องง่ายๆ

บุคลากรต้องมีให้พอเครื่องมืออุปกรณ์ต้องครบ งบประมาณมีให้

ถ้าเจ้านายมีลูกน้องที่ดี มีความสามารถและประสบการณ์อยู่แล้ว แต่ไม่มีผู้ช่วยให้เพราะประหยัดงบทรัพยากรบุคคล งานก็จะล่าช้าลง เช่น เจ้านายจะกินแกงสักถ้วยลูกน้องต้องขึ้นต้นมะพร้าวเอง เตะลงมา ปลอกเอง ขูดมะพร้าว ตำน้ำพริก หั่นเนื้อติดไฟเอง โดยไม่มีใครช่วย กว่าจะได้กินแกงสักถ้วยก็คงจะถึงตีสี่ แต่หากมีบุคลากรให้ครบ กระจายงานออกไปงานจะเพิ่มผลผลิตเร็วขึ้น มากขึ้นหรือถ้ามีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องมือสื่อสารคล่องตัวบวกกับงบประมาณที่มีให้เพียงพอที่จะสามารถจัดกิจกรรมต่างๆตามสมควร ลูกน้องก็จะทำงานได้อย่างคล่องตัว สบายใจและผลผลิตที่ได้มาตรฐานก็จะตามมา

ถ้าคนที่เป็นหัวหน้าเข้ามาอ่าน ลองดูนะครับว่าคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้หรือเปล่าอย่างน้อยสัก 4 ข้อก็ยังดี ถ้าไม่พยายามลองดูใหม่อีกครั้งนะครับเพื่อการทำงานจะได้ราบรื่น ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งนะครับว่า”การเป็นผู้นำที่ดี ไม่ได้ทำให้เกิดผู้ตามแต่การเป็นผู้นำที่ดีควรสร้างให้มีผู้นำมากๆ”

ที่มาhttp://kratauy.wordpress.com

...................................................................................

ปิดช่องว่างระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องโดยใช้วิธีการพูดคุยสนทนา

หัวหน้างานลูกน้องการสร้างความสัมพันธ์การพูดคุยสนทนา

สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีนโยบายในการนำการจัดการความรู้ในรูปแบบการพูดคุย สนทนา (Refresh)ไปใช้ในระดับหน่วยงาน และมีการบันทึกลงในแบบฟอร์มด้วยดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่หัวหน้างานในแต่ละหน่วยงานจะต้องนำนโยบายดังกล่าวไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบุคลากรในงานของตนเอง

1.หัวหน้างานจะต้องพยายามสร้างอารมณ์ให้เกิดการอยากพูดคุยสนทนาในกล่มลูกน้องโดยเริ่มจากเรื่องการชมเชย ชื่นชมการทำงานของลูกน้องที่ทำงานดีเปิดโอกาสให้ทุกคนได้พูด และให้กำลังใจกับลูกน้องให้ทำงานด้วยใจสร้างแนวคิดแข่งขันกับตัวเอง

2.ในตอนแรกๆหัวหน้าต้องพุดคุยในเรื่องที่ทุกคนจะนำไปใช้ในงานที่ตนเองรับผิดชอบหรืองานที่ต้องส่งเมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนจะมีความรู้สึกว่าได้ประโยชน์จากการพูดคุยไม่รู้สึกว่าเสียเวลาทำงาน

3.หัวหน้างานต้องทำเป็นแบบอย่างในการให้ความเคารพและความไว้วางใจในลูกน้องในขณะที่เขาพูดคุยโดยจะแสดงออกในรูปแบบของการรับฟังด้วยความตั้งใจ และสนใจในเรื่องที่ลูกน้องพูดเมื่อเป็นเช่นนี้ต่อๆไปทุกคนก็จะรู้จักการพูดและการฟังที่ดี

จากสิ่งที่ผมได้เริ่มทดลองทำโดยยึดหลักสามประการที่ได้กล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่าลูกน้องมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตัวหัวหน้างานมากขึ้นและได้เข้าใจว่าหน่วยงานของตนเองมีเป้าหมายอย่างไรและทุกคนจะช่วยเหลือกันอย่างไรเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายนั้น

ช่องว่างระหว่างหัวหน้างานและลูกน้องจะค่อยๆปิดลง " คำสั่งจะหายไป ความร่วมใจจะมาแทนที่" และความสามัคคีทำงานร่วมกันฉันท์พี่น้องก็เกิดขึ้นในงานและท้ายสุดทุกคนในงานก็ก้าวเดินไปสู่เป้าหมายพร้อมกัน

พนักงานมหาวิทยาลัย

สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

...................................................................................

6 นิสัยซื้อใจลูกน้อง

เมื่อท่องคาถาบูชานายได้คล่องจนเป็นที่โปรดปรานของเบื้องบนแล้วก็อย่าลืมว่าร่ายมนตร์ สะกดใจลูกน้องผู้เป็นแบ็กอัพให้งานของเราด้วย ลองสังเกตตัวเองดูซิว่า คุณมีคุณสมบัติของเจ้านายที่ดีครบ 6 ข้อแล้วหรือยัง

1. หมั่นชม แต่อย่าชมโอเวอร์ ถ้าอยากให้ลูกน้องทำงานดีเจ้านายต้องหมันชมเพราะ มนุษย์มักจะทำด้วยตามความคาดหวังของคนอื่นโดยอัตโนมัติเจ้านายทที่ฉลาดจึงต้องหา ข้อดีของลูกน้องแต่ละคนให้เจอและหมันย้ำาถึงข้อดีนันอยูเสมอ เพื่อให้ลูกน้องมีความเชื่อถือเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง และมีกำาลังใจที่จะสร้างผลงานที่ดีที่สุด

2.ติดดินจำไว้เลยว่า ยิ่งตำแหน่งสูงเท่าไรก็ยิ่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึนเท่านั้นดังนั้น เจ้านายที่ดีจึงไม่ควรทำาตัวเหินห่างเย็นชาดุจน้ำแข็งขัวโลกที่เอาแต่ออกคำสั่งและข่มขู่ลูกน้องเพราะถือว่ามีอำานาจเหนือกว่าจนลูกน้องกลัวและเครียดเพราะการทำเช่นนันมีแต่ จะทำให้ประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานลดลง

3.พึ่งได้ ถ้าคิดจะเป็นเจ้านาย ไม่ว่าจะเจอปัญหาระดับเหงื่อตกหน้าแตกแค่ไหนก็ตองกล้า ออกหน้าแทนลูกน้องเพราะเมื่องานสำาเร็จคนที่ได้หน้ามากที่สุดก็คือนาย ดังนั้น ถ้างานล้มเหลว นายก็ไม่ควรปัดภาระ มิฉะนั้นจะทำให้คะแนนนิยมตกฮวบ

4. อีคิวสูง แค่ "เก่งงาน"หรือมีไอคิวสูงอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้อง "เก่งคน" หรือมีอีคิวสูงอีก ด้วยเพราะคงไม่มีใครอยากมีเจ้านายเจ้าอารมณ์ที่เอาแต่เกรียวกราด ตวาดลูกน้องต่อหน้า ธารกำนัลลองหัดบริหารเรื่องง่าย ๆ อย่างอารมณ์ของตัวเองให้ได้ก่อนดีไหม

5.ชัดเจนผู้นำที่ดีต้องสามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ลึกล้ำและ กลยุทธ์ซับซ้อนในสมองไปสู่ลกน้องได้อย่างชัดเจน เรียบง่าย และตรงไปตรงมามากที่สุดเพราะแม้ว่าไอเดียจะบรรเจิดแผนงานจะล้ำเลิศแค่ไหนแต่งานจะสำเร็จไม่ได้เลยหากขาด การสื่อสารที่ชันเจน

6.อบอุ่นหัวหน้าที่ฉลาดต้องสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำางานเป็นทีมเช่น เปิดโอกาสให้ลกน้องทุกคนมีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจ รับฟังทัศนคติของลูกน้องและ เปิดใจให้ความเป็นกันเองแก่ลูกน้องเพื่อลดช่องว่างระหว่างกันถ้าสะสมคุณความดีได้ครบทัง 6 ข้อแล้ว ต่อให้งานจะยุ่งยากหรือหนักหนาแค่ไหนก็ไม่ต้องหวั่น รับรองว่าลูกน้อง "สู้ตายถวายหัว" แน่นอน