วันที่โพสต์: 3 ธ.ค. 2014, 8:47:03
ถ้าจะศึกษาเรื่องแผ่นดินไหวกันให้ละเอียดอย่างแท้จริงแล้ว ตามที่เรารู้กันดีนั้นหน่วยของระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวต้องใช้คำว่า แมกนิจูด ถ้าจะใช้คำว่า ริกเตอร์นั้นต้องมีคำว่าสเกลตามหลัง(Richter Magnitude Scale) แต่ถึงจะรู้อย่างนี้แล้วหลายคนก็ยังนิยมใช้คำว่า ริกเตอร์ เป็นชื่อหน่วยของระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว แน่นอนตัวผู้เขียนเองก็เรียกเช่นนั้น เมื่อทราบอย่างนี้แล้วหากผู้อ่านท่านใดต้องการทราบที่มาของคำว่า ริกเตอร์ ให้หาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีชื่อว่า ชาลส์ ฟรานซิส ริกเตอร์(Charles Francis Richter) ได้ใน www.google.com
ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวการเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยนั้น ผู้เขียนขออธิบายให้ผู้อ่านบางท่านที่อาจยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหวมากนัก ได้ทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวเบื้องต้นว่า แผ่นดินไหวนั้นเกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทดังนี้
1. แผ่นดินไหวที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ออกจากกันหรือเคลื่อนที่เข้าหากัน แผ่นดินไหวรูปแบบนี้ไม่ว่าจะมีความรุนแรงของการสั่นไหวมากเท่าไรก็จะไม่มีการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิตามมา
2. แผ่นดินไหวที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ชนกัน แผ่นดินไหวรูปแบบนี้จะมีโอกาสเกิดคลื่นยักษ์สึนามิตามมาเมื่อมีระดับความรุนแรงตั้งแต่ 7 ริกเตอร์ขึ้นไป
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผู้อ่านบางท่านอาจสงสัยว่า ทำไมต้องมีการวัดระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหว? นั่นก็เพราะว่า ในระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะมีความแตกต่างกันด้วย เราจึงนำความรู้นี้มาใช้ในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของตัวเอง(ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีเครื่องมือวัดระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวนั้น คนโบราณโดยเฉพาะประเทศจีนใช้วิธีการสังเกตจากความผิดปกติของสัตว์ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า ปัจจุบันจะสามารถวัดระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวได้แล้ว การศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของสัตว์ก่อนการเกิดแผ่นดินไหวก็ยังคงดำเนินต่อไป) ส่วนคำว่าคลื่นยักษ์สึนามิ(Tsunami) นั้น เป็นการเรียกชื่อคลื่นขนาดใหญ่ที่ซัดเข้าสู่ท่าเรือหรือชายฝั่งทะเลของประเทศญี่ปุ่นและเป็นคำที่เรานิยมใช้ทับศัพท์กันจนถึงปัจจุบัน
* ระดับความรุนแรงสูงสุดของแผ่นดินไหวในปี 2557 นั้น ยังคงอยู่ที่ 9 ริกเตอร์เท่านั้น(กำหนดสูงสุดแค่ 9 ริกเตอร์ 9.1, 9.2 จนถึง 10 ริกเตอร์นั้นไม่มี)
จากการพยายามศึกษาตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อครั้งที่ผู้เขียนยังเรียนอยู่ปริญญาตรี ผู้เขียนขอศึกษาเรื่องแผ่นดินไหวแล้วทำชิ้นงานส่งอาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งในตอนนั้นผู้เขียนมีความเชื่อมั่นว่า แผ่นดินไหวจากสถานที่แห่งหนึ่งสามารถส่งผ่านให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในอีกสถานที่หนึ่งได้(โดยเฉพาะสถานที่ที่ใกล้เคียง) และมีอีกหนึ่งความเชื่อว่า ก่อนหรือหลังฝนตกรุนแรงอาจมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการเกิดแผ่นดินไหวก็ได้(ฝนตกรุนแรงในที่นี้หมายถึงมีการเกิดฟ้าผ่าด้วย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่เกิด Super Moon(อันนี้ยังไม่มีใครยืนยัน เป็นการคาดเดาของผู้เขียนเอง) แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้เขียนคิดว่า ไม่มีใครหรืออะไรสามารถรู้ได้หรอกว่า ภัยพิบัติจะมาเมื่อไร มาในรูปแบบไหนหรือเกิดขึ้นที่ใด แต่สิ่งที่ทุกคนควรรู้อย่างแน่นอนคือ ถ้ามันมาแล้วเราควรจะรับมือกับมันด้วยวิธีการอย่างไร?
ตัวอย่างภาพจากวิดีโอเพื่อยืนยันว่า ผู้เขียนศึกษามาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วจริงๆ(เมื่อลบฐานข้อมูลเดิม แล้วอัพโหลดใหม่ปีที่อัพโหลดจะเป็น 2014 จึงเก็บหลักฐานปี 2011 ไว้เป็นไฟล์รูปภาพ)
ในตอนแรกที่อัพโหลดลงมีวิดีโอแบบเดียวกันที่ผู้เขียนทำเป็นภาคภาษาอังกฤษด้วย(ถึงแม้จะมีต่างชาติเข้ามาดูบ้าง แต่ผู้เขียนก็รู้สึกว่า อยากให้มีแค่ชิ้นเดียว จึงลบวิดีโอซ้ำที่มีเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษออก) ซึ่งในวิดีโอได้กล่าวถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยผู้เขียนเข้าใจว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์กัน(โดยส่วนตัวไม่ได้เชื่อเรื่องคำทำนายหรือโลกแตกหรอก แต่ที่ใส่ไว้ในวิดีโอเพราะช่วงนั้นมีข่าวลือเกี่ยวกับโลกแตกพอดีจึงใส่ไว้เพื่อให้วิดีโอดูน่าสนใจมากขึ้น) ในตอนนั้นที่มีคนดูเยอะผู้เขียนก็เข้าใจว่า สงสัยเขาคงกลัวโลกแตก แต่หลังจากนั้นก็มียอดผู้ชมเพิ่มทุกวัน ทั้งยอดผู้ชมในประเทศและยอดผู้ชมต่างประเทศซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เขาดูอะไรกัน จึงมาอ่านความคิดเห็นด้านล่าง