โรงเรียนมีการแบ่งการบริหารงานออกเป็น 4 ด้านหลักภายใต้การกำกับดูแลของ "ผู้อำนวยการโรงเรียน" และมี "คณะกรรมการบริหารโรงเรียน" กับ "คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน" เป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการ ซึ่งสะท้อนถึงหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายดังนี้:
1. ด้านการบริหารวิชาการ: ด้านนี้เป็นหัวใจสำคัญของการจัดการศึกษา ซึ่งสถานศึกษามีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายดังนี้:
งานพัฒนาหลักสูตร: สถานศึกษามีอำนาจในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง นโยบายการศึกษา และความต้องการของท้องถิ่น ชุมชน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่เหมาะสม
งานปรับเปลี่ยน เทียบโอนผลการเรียน: มีอำนาจในการพิจารณาและดำเนินการเกี่ยวกับการเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนตามระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
งานวิจัยพัฒนาคุณภาพการศึกษา: ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง
งานส่งเสริมและแหล่งเรียนรู้: สถานศึกษามีหน้าที่จัดหา จัดสร้าง และใช้แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษาเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียน
งานนิเทศการศึกษา: มีหน้าที่นิเทศการสอนของครูอาจารย์ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ
งานวัดผลและประเมินผลการศึกษา: มีอำนาจและหน้าที่ในการวัดผล ประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนตามหลักสูตร และออกหลักฐานการศึกษาต่างๆ
งานพัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา: ส่งเสริมการใช้สื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาคุณภาพการศึกษา
งานทะเบียนนักเรียน: มีหน้าที่ในการจัดทำทะเบียนประวัติและข้อมูลนักเรียนอย่างเป็นระบบ
งานห้องสมุด: มีหน้าที่จัดตั้งและบริหารจัดการห้องสมุดเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และส่งเสริมการอ่าน
งานแนะแนว: สถานศึกษามีหน้าที่จัดระบบการแนะแนวเพื่อช่วยเหลือนักเรียนในด้านต่างๆ ทั้งการเรียน การปรับตัว และการวางแผนอนาคต
งานพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นฐาน: ส่งเสริมให้ครูจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
2. ด้านงบประมาณ: สถานศึกษามีหน้าที่และอำนาจในการบริหารจัดการงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากภาครัฐและจากแหล่งอื่นๆ ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง:
งานจัดทำและเสนอของบประมาณ: มีหน้าที่จัดทำแผนการใช้งบประมาณและเสนอขออนุมัติ
งานบัญชี: มีหน้าที่ในการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของสถานศึกษาให้ถูกต้องตามหลักการบัญชี
งานพัสดุและครุภัณฑ์: มีหน้าที่ในการจัดซื้อ จัดจ้าง บริหารพัสดุครุภัณฑ์ของสถานศึกษาให้เป็นไปตามระเบียบพัสดุภาครัฐ
งานระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา: มีอำนาจในการระดมทรัพยากรทางการศึกษาจากแหล่งต่างๆ เพื่อสนับสนุนการจัดการศึกษาตามที่กฎหมายอนุญาต
3. ด้านบริหารงานบุคคล: สถานศึกษามีอำนาจและหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของบุคลากรในสถานศึกษาเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ:
งานอัตรากำลัง: มีหน้าที่ในการวางแผนอัตรากำลังบุคลากรให้เหมาะสมกับภารกิจ
งานสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง: มีอำนาจในการดำเนินการสรรหาและบรรจุแต่งตั้งบุคลากรภายในกรอบที่กฎหมายกำหนด
งานวินัยและการรักษาวินัย: มีหน้าที่ในการกำกับดูแลและดำเนินการทางวินัยแก่บุคลากรตามที่กฎหมายกำหนด
งานทะเบียนประวัติ: มีหน้าที่จัดทำและดูแลทะเบียนประวัติบุคลากร
งานสวัสดิการบุคลากร: จัดให้มีสวัสดิการและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของบุคลากร
งานพัฒนาบุคลากร: ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถและทักษะที่จำเป็น
4. ด้านบริหารทั่วไป: เป็นด้านที่สนับสนุนการดำเนินงานโดยรวมของสถานศึกษา เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นไปอย่างราบรื่น:
งานพัฒนาและเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ: มีหน้าที่พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษาเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการและการเรียนการสอน
งานโสตทัศนูปกรณ์และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา: จัดหาและดูแลอุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์และเทคโนโลยีที่ใช้ในการเรียนการสอน
งานอาคารสถานที่: มีหน้าที่ดูแล บำรุงรักษา และบริหารจัดการอาคารสถานที่และสภาพแวดล้อมของโรงเรียน
งานกิจการนักเรียน: มีหน้าที่ดูแลกิจการนักเรียน ทั้งด้านระเบียบวินัย พัฒนาพฤติกรรม และกิจกรรมต่างๆ
งานประชาสัมพันธ์: มีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของสถานศึกษา
งานชุมชนสัมพันธ์: สร้างความสัมพันธ์อันดีและส่งเสริมความร่วมมือกับชุมชนเพื่อสนับสนุนการศึกษา
งานจัดซื้อจัดจ้าง (ในโครงสร้างนี้อยู่ในส่วนบริหารทั่วไป ซึ่งอาจมีความทับซ้อนกับด้านงบประมาณ แต่โดยรวมหมายถึงการจัดหาวัสดุครุภัณฑ์เพื่อการดำเนินงานทั่วไป): ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบ
งานยานพาหนะโรงเรียน: ดูแลและบริหารจัดการยานพาหนะของโรงเรียน
งานสุขาภิบาลโรงเรียน: ดูแลด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม
งานรักษาความปลอดภัย: มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของนักเรียน บุคลากร และทรัพย์สินของโรงเรียน
บทบาทของคณะกรรมการต่างๆ:
บทบาทหน้าที่ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ เปนสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีบทบาทหน้าที่ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อให้บรรลุตามความมุ่งหมายของการปฏิรูปการศึกษาตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช ๒๕๔๒ ดังนี้
๑. จัดทำนโยบาย แผนพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบาย และแผนของกระทรวงศึกษาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นฐานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตลอดจนบริบทและความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น
๒. จัดตั้งงบประมาณ และรับผิดชอบการใช้จ่ายงบประมาณของสถานศึกษา
๓. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และความต้องการของนักเรียน ชุมชน และท้องถิ่น
๔. จัดการเรียนการสอน สภาพแวดล้อมบรรยากาศการเรียนการสอนที่เหมาะสมและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตลอดจนการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
๕. ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และแนวปฏิบัติต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด๖. กำกับ ติดตาม ประเมินผลงานตามแผนงาน โครงการและประเมินผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนการพิจารณาความดีความชอบ การพัฒนา และการดำเนินการทางวินัยกับครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด
๗. ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา รวมทั้งปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้และจัดหา ผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถานศึกษา
๘. จัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ความร่วมมือในการประเมินคุณภาพการศึกษาจากหน่วยงานภายนอกสถานศึกษา รวมทั้งการรายงานผลการประเมินต่อคณะกรรมการสถานศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
๙. ส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชน และสร้างความสัมพันธ์กับสถานศึกษาและสถาบันอื่นในชุมชนและท้องถิ่น
๑๐. ปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวกับกิจการภายในสถานศึกษาหรือตามที่ได้รับมอบหมายและตามที่กฎหมายกำหนด
บทบาทหน้าที่ของผู้อำนวยการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
หน้าที่และความรับผิดชอบ
ปฏิบัติหนาที่ผูอํานวยการศึกษาสถานศึกษา บังคับบัญชาพนักงานครูและบุลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา บริหารกิจการของสถานศึกษา การวางแผนการปฏิบัติ การควบคุม กํากับ ดูแลเกี่ยวกับการบริหารงานวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล การบริหารงานทั่วไป ความสัมพันธกับชุมชนและงานอื่นที่เกี่ยวของหรือที่ไดรับมอบหมาย
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ
๑. บังคับบัญชาพนักงานครูและบุคลากรในสถานศึกษา มีอํานาจหนาที่บริหารกิจการของสถานศึกษาให้เปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับ นโยบายและวัตถุประสงคของสถานศึกษา
๒. วางแผนพัฒนาการศึกษา ประเมินและจัดทํารายงานเกี่ยวกับกิจการของสถานศึกษา
๓. จัดทําและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การจัดกระบวนการเรียนรู การพัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา การนิเทศ และการวัดผลประเมินผล
๔. สงเสริมและจัดการศึกษาใหกับผูเรียนทุกกลุมเปาหมายทั้งในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย
๕. จัดทําระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา
๖. บริหารงบประมาณ การเงินและทรัพยสิน
๗. วางแผนการบริหารงานบุคล การสรรหา การบรรจุแตงตั้ง การเสริมสรางประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานวินัยและการรักษาวินัย การดําเนินการทางวินัย การออกจากราชการ การอุทธรณและการรองทุกข
๘. จัดทํามาตรฐานและภาระงานของพนักงานครูและบุคลากรในการศึกษา ประเมินผลในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานของพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษา
๙. สงเสริมสนับสนุนพนักงานครูและบุลากรในสถานศึกษา ใหมีการพัฒนาอยางตอเนื่อง
๑๐. ประสานความรวมมือกับชุมชนและทองถิ่น ในการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษาและใหบริการดานวิชาการแกชุมชน
๑๑. จัดระบบควบคุมภายในสถานศึกษา
๑๒. จัดระบบการดูแลชวยเหลือนักเรียน
๑๓. เปนผูแทนของสถานศึกษาในกิจการทั่วไป
๑๔. ปฏิบัติงานอื่นที่เกี่ยวของหรือที่ไดรับมอบหมาย
บทบาทหน้าที่ของคณะกรรมกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
๑. อำนาจหน้าที่ตาม พรบ. ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ มาตรา ๓๘ ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อทำหน้าที่กำกับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการของสถานศึกษา
๒. อำนาจหน้าที่ตาม พรบ. ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มาตราที่ ๒๖ ของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล สำหรับข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาดังต่อไปนี้
๑) กำกับการดำเนินการของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่งและนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น
๒) ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการกิจการด้านต่างๆ ของสถานศึกษา
๓) มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา ตามที่กฎหมายว่าด้วย ระเบียบข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษากำหนด
๔) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ ฯลฯ กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
บทบาทหน้าที่ของครู
โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ บริหารงานครูตามกฎกระทรวงซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐ ประกอบด้วยงาน ๔ ฝ่ายสำคัญได้แก่ ด้านการบริหารงานวิชาการ ด้านการบริหารงานงบประมาณ ด้านการบริหารงานบุคคลและด้านการบริหารทั่วไป ดังนี้
๑. ด้านการบริหารงานวิชาการ
๑) พัฒนาหรือการดำเนินการเกี่ยวกับการให้ความเห็นการพัฒนาสาระหลักสูตรท้องถิ่น
๒) วางแผนงานด้านวิชาการ
๓) จัดการเรียนการสอนในสถานศึกษา
๔) พัฒนาหลักสูตรของสถานศึกษา
๕) พัฒนากระบวนการเรียนรู้
๖) วัดผล ประเมินผล และดำเนินการเทียบโอนผลการเรียน
๗) วิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในสถานศึกษา
๘) พัฒนาและส่งเสริมให้มีแหล่งเรียนรู้
๙) นิเทศการศึกษา
๑๐) แนะแนว
๑๑) พัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในและมาตรฐานการศึกษา
๑๒) ส่งเสริมชุมชนให้มีความเข้มแข็งทางวิชาการ
๑๓) ประสานความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการกับสถานศึกษาและองค์การอื่น
๑๔) ส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการแก่บุคคล ครอบครัว องค์การ หน่วยงานสถานประกอบการและสถาบันอื่นที่จัดการศึกษา
๑๕) จัดทำระเบียบและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับงานด้านวิชาการของสถานศึกษา
๑๖) คัดเลือกหนังสือ แบบเรียนเพื่อใช้ในสถานศึกษา
๑๗) พัฒนาและใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
๒. ด้านการบริหารงานงบประมาณ
๑) จัดทำแผนงบประมาณและคำขอตั้งงบประมาณเพื่อเสนอต่อปลัดกระทรวงศึกษาธิการหรือเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน แล้วแต่กรณี
๒) จัดทำแผนปฏิบัติการใช้จ่ายเงินตามที่ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยตรง
๓) อนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
๔) ขอโอนและการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณ
๕) รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ
๖) ตรวจสอบติดตามและรายงานการใช้งบประมาณ
๗) ตรวจสอบติตามและรายงานการใช้ผลผลิจากงบประมาณ
๘) ระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา
๙) ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่ได้รับมอบหมายเกี่ยวกับกองทุนเพื่อการศึกษา
๑๐) บริหารจัดการทรัพยากรเพื่อการศึกษา
๑๑) วางแผนพัสดุ
๑๒) กำหนดรูปแบบรายการ หรือคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์ หรือสิ่งก่อสร้างที่ใช้เงินงบประมาณเพื่อเสนอต่อปลัดกระทรวงศึกษาริการหรือเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้วแต่กรณี
๑๓) พัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการจัดทำและจัดหาพัสดุ
๑๔) จัดหาพัสดุ
๑๕) ควบคุมดูแล บำรุงรักษาและจำหน่ายพัสดุ
๑๖) จัดหาผลประ โยชน์จากทรัพย์สิน
๑๗) เบิกเงินจากคลัง
๑๘) รับเงิน การเก็บรักษาเงิน และการจ่ายเงิน
๑๙) การนำเงินส่งคลัง
๒๐) จัดทำบัญชีการเงิน
๒๑) จัดทำรายงานทางการเงินและงบการเงิน
๒๒) จัดทำหรือจัดหาแบบพิมพ์บัญชี ทะเบียน และรายงาน
๓. ด้านการบริหารงานบุคคล
๑) การวางแผนอัตรากำลัง
๒) การจัดสรรอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลาการทางการศึกษา
๓) การสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง
๔) การเปลี่ยนตำแหน่งให้สูงขึ้น การย้ายราชการครูและบุคลาการทางการศึกษา
๕) การดำเนินการเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นเงินเดือน
๖) การลาทุกประเภท
๗) การประเมินผลการปฏิบัติงาน
๘) การดำเนินการทางวินัยและการลงโทษ
๙) การสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจาการาชการไว้ก่อน
๑๐) การรายงานการดำเนินการทางวินัยและการลงโทษ
๑๑) การอุทธรณ์และการร้องทุกข์
๑๒) การออกจาการาชการ
๑๓) การขัดระบบและการจัดทำทะเบียนประวัติ
๑๔) การจัดทำบัญชีรายชื่อและให้ความเห็นเกี่ยวกับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
๑๕) การส่งเสริมการประเมินวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลาการทางการศึกษา
๑๖) การส่งเสริมและยกย่องเชิดชูเกียรติ
๑๗) การส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชีพ
๑๘) การส่งเสริมวินัย คุณธรรมและจริยธรรมสำหรับข้าราชการครูและบุคลาการ
๑๙) การริเริ่มส่งเสริมการขอรับใบอนุญาต
๒๐) การพัฒนาข้าราชการครูและบุคลาการทางการศึกษา การดำเนินการที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
๔ ด้านการบริหารทั่วไป
๑) การพัฒนาระบบและเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ
๒) การประสานงานและพัฒนาเครือข่ายการศึกษา
๓) การวางแผนการบริหาร งานการศึกษา
๔) งานวิจัยเพื่อพัฒนานโยบายและแผน
๕) การจัดระบบการบริหารและพัฒนาองค์การ
๖) การพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงาน
๗) งานเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
๘) การดำเนินงานธุรการ
๙) การดูแลอาคารสถานที่และสภาพแวดล้อม
๑๐) การจัดทำสำมะโนผู้เรียน
๑๑) การรับนักเรียน
๑๒) การเสนอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการจัดตั้ง ยุบ รวมหรือเลิกสถานศึกษา
๑๓) การประสานการจัดการศึกษาในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย
๑๔) การระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา
๑๕) การทัศนศึกษา
๑๖) งานกิจการนักเรียน
๑๗) การประชาสัมพันธ์งานการศึกษา
๑๘) การส่งเสริม สนับสนุนและประสานการจัดการศึกษาของบุคคล ชุมชน องค์การหน่วยงานและสถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษา
๑๙) งานประสานราชการกับส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
๒๐) การจัดระบบการควบคุมภายในหน่วยงาน
๒๑) แนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลงโทษนักเรียน