วันที่โพสต์: Aug 01, 2021 11:17:21 AM
ชื่อผลงาน : การใช้ S.T.E.M Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัย เพื่อพัฒนาการทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม
ชื่อผู้นำเสนอผลงาน : นายสมชาย นันทเสน
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการ โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต ๒ ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา
จังหวัดน่าน รหัสไปรษณีย์ ๕๕๑๔๐ โทรศัพท์ ๐๕๔-๗๙๙๑๗๐
e-mail : rpschool@rimphaka.ac.th website www.rimphaka.ac.th
๑. ความสำคัญของผลงาน นวัตกรรม หรือแนวปฏิบัติที่นำเสนอ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้กำหนดจุดมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาไว้ในมาตรา ๖ ว่า
การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญาความรู้ คุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต โดยกำหนดแนวทาง จัดการศึกษาไว้ในหมวด ๔ มาตรา ๒๒ ระบุว่าการจัดการศึกษา ต้องยึดหลักผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คุณภาพ และในมาตรา ๒๔ (๑) ระบุว่าการจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมนั้น ต้องให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและสภาพบริบทของโรงเรียน ท้องถิ่น มนุษย์จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาให้สามารถเติบโต และเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต ต้องเริ่มตั้งแต่แรกเกิดโดย
การปลูกฝังให้เด็กมีเจตคติที่ดีต่อการรับรู้ การเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรู้ กลั่นกรองข้อมูล เลือกใช้และนำมาใช้ใน สถานการณ์ที่ตนต้องการได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีความสามารถในการเรียนรู้จาก ผู้อื่นและมีลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นยินดีที่จะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนหยิบยื่นโอกาสการ เรียนรู้ให้คุณสมบัติที่เอื้อต่อการเจริญงอกงามตลอดชีวิต จึงจำเป็นต้องปลูกฝังตั้งแต่ปฐมวัยและพัฒนา อย่างต่อเนื่อง (คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ๒๕๔๗ :๒) ๒
แผนการศึกษาชาติ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ : การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่ง
การเรียนรู้ เป้าหมายที่ ๓.๑ ผู้เรียนมีทักษะและคุณลักษณะพื้นฐานของพลเมืองไทย และทักษะและ คุณลักษณะที่จำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ คือ ผู้เรียนทุกระดับการศึกษามีพฤติกรรมที่แสดงออกถึง ความมีวินัย และมีจิตสาธารณะเพิ่มขึ้น เป้าหมายที่ ๓.๒ คนทุกช่วงวัยมีทักษะ ความรู้ความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐาน การศึกษาและมาตรฐานวิชาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ตามศักยภาพ มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น เด็กแรกเกิด – ๕ ปีมีพัฒนาการสมวัยเพิ่มขึ้น เป้าหมายที่ ๓.๓ สถานศึกษาทุกระดับการศึกษาสามารถจัดกิจกรรม/กระบวนการเรียนรู้ตาม หลักสูตรอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน มีตัวชี้วัดที่สำคัญ เช่น สถานศึกษา/สถานพัฒนา เด็กปฐมวัยจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักสูตรปฐมวัย (แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙, ๒๕๖๐: ญ)
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ได้กำหนดหลักการ เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับ
การอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ตลอดจนได้รับการจัดประสบการณ์
การเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้สอน เด็กกับผู้เลี้ยงดู หรือ
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดู การพัฒนา และให้การศึกษาแก่เด็กปฐมวัยเพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลำดับขั้นของการพัฒนาการทุกด้าน อย่างเป็นองค์รวม มีคุณภาพ โดยกำหนดหลักการดังนี้ ส่งเสริมกระบวนการการเรียนรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเด็กปฐมวัยทุกคน ยึดหลักการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และวิถีชีวิตของเด็กตามบริบทของชุมชน สังคม และวัฒนธรรมไทย ยึดพัฒนาการและการพัฒนาเด็กโดยองค์รวม ผ่านการเล่นอย่างมีความหมาย และ
มีกิจกรรมที่หลากหลาย ได้ลงมือกระทำในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ การเรียนรู้ เหมาะสมกับวัย และมี
การพักผ่อนเพียงพอ จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีทักษะชีวิต และสามารถปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดี มีวินัย และมีความสุข สร้างความรู้ ความเข้าใจ และประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก ระหว่างสถานศึกษากับพ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๖๐ : ๔) ดังนั้น ในการพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครอง มีส่วนสำคัญในการร่วมมือกัน พัฒนาเด็กให้บรรลุตามที่หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกำหนดไว้ โดยมีรูปแบบลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน ครูพัฒนาเด็กปฐมวัยไปพร้อมกันในทุกด้าน
การจัดการศึกษาแบบองค์รวม เป็นอีกกระบวนการที่มุ่งพัฒนาเด็กเป็นลำดับขั้นตอน จินดารัตน์ โพธิ์นอก (๒๕๕๗) ได้ให้ความหมาย การศึกษาแบบองค์รวมว่า การศึกษาแบบองค์รวมเน้นกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยให้บุคคลค้นพบตนเอง ซึ่งเกิดจากแรงปลุกเร้าภายใน เข้าใจความหมายและเป้าหมายของชีวิต มุ่งสร้างความตระหนัก ความเข้าใจตนเอง เน้นความสำคัญในการพัฒนากาย จิตใจ อารมณ์ ศิลปะ และความคิดสร้างสรรค์ แนวคิดการศึกษาแบบองค์รวมได้เชื่อมโยงไปสู่หลักการสอนหลายรูปแบบ เช่น ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมองซึ่งเป็นองค์รวมเชื่อมโยงไปสู่การสอนภาษาแบบ whole language approach การจัดหลักสูตร กิจกรรม สื่อการเรียนรู้ และการวัดประเมินผลตามแนวการศึกษาวอลดอร์ฟ (Waldorf Education) เน้นการเรียนด้วยกาย คือ การลงมือทำ การเรียนด้วยใจ ความรู้สึก ความประทับใจ และการฝึกคิด เพื่อพัฒนา “เด็กทั้งคน” รองศาสตราจารย์ประภาภัทร นิยม (ม.ป.ป.) ได้กล่าวถึง หลักเกณฑ์สำคัญ ดังต่อไปนี้ ๑) เป็นการฝึกปฏิบัติเรียนรู้ด้วยตนเองแบบครบวงจรของการใช้ชีวิตทั้งในและนอกสถานศึกษา
๒) รูปแบบการฝึกฝนเรียนรู้ในสถานศึกษา ให้จัดว่าการเรียนรู้สามารถทำได้ทั้ง ๒ แบบ คือ ๑.โดยกิจวัตรประจำวันที่ออกแบบไว้อย่างมีจุดมุ่งหมาย และ ๒.โดยกิจกรรมการเรียนรู้ที่ออกแบบให้เกิดโอกาสการเรียนทั้งเนื้อหา สาระและทักษะดำเนินควบคู่กันไป ๓) เป้าหมาย-กระบวนการ-การวัดผลประเมินผลของหลักสูตร ต้องสอดคล้องกันไปโดยตลอด โดยใช้วิธีประเมินที่สำคัญคือ การประเมินเพื่อพัฒนานอกเหนือไปจากการวัดผลด้วยการทดสอบ ๔) วงจรการเรียนรู้แต่ละคาบ แต่ละหน่วยจะดำเนินไปอย่างน้อย ๖ ขั้น ๕) ครูสังเกตและบันทึกผลการประเมิน
โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ มีผลการประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย ในปีการศึกษา ๒๕๖๒ ด้านร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ ๗๔.๖๗ พอใช้ คิดเป็นร้อยละ ๒๕.๓๖ ด้านอารมณ์ จิตใจ อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๔๙ พอใช้ คิดเป็นร้อยละ ๒๙.๕๑ ด้านสังคม อยู่ใน เกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๔๙ พอใช้ คิดเป็นร้อยละ ๒๙.๕๑ ด้านสติปัญญา อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็น ร้อยละ ๖๘.๙๘ พอใช้ คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๑๑ จากผลการประเมินพัฒนาการจะพบว่า พัฒนาการด้านร่างกายผลการประเมินค่อนข้างสูง ต่างจากผลการประเมินด้านสติปัญญา อยู่ที่ ๕.๗๘ และจากการนิเทศการเรียนการสอนในปีการศึกษา ๒๕๖๒ พบว่า ครูประจำชั้นปฐมวัยแต่ละท่าน มีรูปแบบการจัดประสบการณ์แต่ละกิจกรรมที่แตกต่างกัน ทำให้นักเรียนปฐมวัยแต่ละห้องมีพัฒนาการแต่ละด้านแตกต่างกันไปด้วย จากเหตุผลดังกล่าว ทางโรงเรียนจึงได้ออกแบบรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาระดับปฐมวัย โดยใช้ S.T.E.M Model มาใช้ เพื่อพัฒนาทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม เพื่อให้นักเรียนปฐมวัยมีการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์- จิตใจ สังคม และสติปัญญาเป็นองค์รวม อย่างสมดุลและมีความสุข
๒. จุดประสงค์ และเป้าหมายของการดำเนินงาน
จุดประสงค์
๑. เพื่อศึกษาสภาพการใช้ S.T.E.M Model ในการบริหารจัดการศึกษาระดับปฐมวัย เพื่อให้นักเรียนมีพัฒนาการทั้งสี่ด้าน คือร่างกาย อารมณ์ –จิตใจ สังคม สติปัญญา
๒. เพื่อพัฒนา S.T.E.M Model ในการบริหารจัดการของผู้บริหาร ครู ในการจัดประสบการณ์ให้นักเรียนปฐมวัยมีพัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน คือร่างกาย อารมณ์ –จิตใจ สังคม สติปัญญา แบบองค์รวม
๓. เพื่อพัฒนานักเรียนระดับปฐมวัยให้มีพัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน คือร่างกาย อารมณ์ –จิตใจ สังคม สติปัญญา อยู่ในระดับร้อยละ ๘๕ ขึ้นไป
เป้าหมาย
๑. S.T.E.M Model มีความเหมาะสมในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพื่อให้นักเรียนมีพัฒนาการทั้งสี่ด้าน แบบองค์รวม เหมาะสมกับวัย
๒. ครูผู้สอนมีความรู้ ทักษะและกระบวนการ การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อให้นักเรียน
มีพัฒนาการทั้งสี่ด้าน คือร่างกาย อารมณ์ –จิตใจ สังคม สติปัญญา อย่างน้อยร้อยละ ๘๕
๓. นักเรียนมีพัฒนาการที่ดี ทั้ง ๔ ด้าน คือร่างกาย อารมณ์ –จิตใจ สังคม สติปัญญา อย่างน้อย
ร้อยละ ๘๕
๓. กระบวนการผลิตผลงาน หรือขั้นตอนการดำเนินงาน
๓.๑ การออกแบบผลงาน/นวัตกรรม
โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ ได้กำหนด เป้าหมายการศึกษาปฐมวัย ไว้ในหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยโรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ข้อที่หนึ่ง ไว้ว่า นักเรียนปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญาเป็นองค์รวม และในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาปฐมวัย ยึดหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม จึงได้คิดค้นนวัตกรรม การใช้ S.T.E.M Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพื่อพัฒนาทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม เพื่อให้นักเรียนปฐมวัยได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์- จิตใจ สังคม และสติปัญญาเป็นองค์รวม อย่างสมดุลและมีความสุข ในการดำเนินการให้บรรลุตามเป้าหมายของนวัตกรรม ได้มีรายละเอียดดังนี้
ขั้นตอนที่ ๑ สำรวจและวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยจากหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยฯ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อจัดลำดับความสำคัญ วางแผนและ กำหนดกรอบในการพัฒนานวัตกรรม
ขั้นตอนที่ ๒ ขั้น S : Strategy (การศึกษากลยุทธิ์ตามจุดเน้นของโรงเรียน) ซึ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการ มีความรู้ คู่คุณธรรม ก้าวนำเทคโนโลยี มีสุขภาพที่ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง โดยการปรึกษาหารือ ประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหาร หัวหน้างานปฐมวัยและครูผู้สอนระดับปฐมวัย เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา ร่วมกันออกแบบกระบวนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพื่อพัฒนาพัฒนาทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม ตามบริบทของโรงเรียน
ขั้นตอนที่ ๓ ขั้น T :Team Work (การทำงานเป็นทีม) เป็นการแบ่งงานกระจายงานให้ครูและบุคลากร ตามความรู้ ความสามารถ การส่งเสริมการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ (PLC) การเสริมสร้างแรงจูงใจให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีขวัญกำลังใจในการทำงาน เกิดผลการปฏิบัติงานเชิงประจักษ์ รวมทั้งส่งเสริมความก้าวหน้าให้มีวิทยฐานะที่สูงขึ้น การส่งเสริมสนับสนุนครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีจิตวิญญาณความเป็นครู เป็นครูมืออาชีพและยึดมั่นในจรรยาบรรณของวิชาชีพ การสร้างความร่วมมือกับองค์กรส่วนท้องถิ่น ชุมชน ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา
ขั้นตอนที่ ๔ ขั้น E: Effectiveness (มุ่งประสิทธิผล) พัฒนาศักยภาพและคุณภาพของนักเรียน
ระดับปฐมวัย ๑. จัดกิจกรรมพัฒนานักเรียนปฐมวัยในรูปแบบที่หลากหลาย จัดสภาพแวดล้อมทั้งในและนอกห้องเรียนให้เอื้อต่อการพัฒนาการเรียนรู้ ๒. จัดการเรียนรู้ สร้างประสบการณ์ เน้นการเรียนเป็นเล่น เรียนรู้อย่างมีความสุข ๓. ปรับปรุงอาคารสถานที่สิ่งอำนวยความสะดวกสนามเด็กเล่นให้ได้มาตรฐาน
มีความปลอดภัย สามารถจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๔. จัดหาสื่อ อุปกรณ์ ที่มีคุณภาพเหมาะสมมีมาตรฐาน และความปลอดภัย ๕. อภิบาลนักเรียนปฐมวัยให้มีสุขภาวะที่ดี ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ๖. สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองในการจัดการศึกษาปฐมวัย เพื่อการมีส่วนร่วมและ การสนับสนุนการดำเนินงานของสถานศึกษา ๗. ส่งเสริมการเรียนรู้ทางด้านภาษาให้กับนักเรียนในระดับปฐมวัยเพื่อนำไปสู่พัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน คือร่างกาย อารมณ์ –จิตใจ สังคม สติปัญญา
ขั้นตอนที่ ๕ ขั้น M - Management (การบริหารจัดการ) บริหารจัดการ เน้นการมีส่วนร่วมของผู้ร่วมงาน ให้ตรงกับความสามารถ สนับสนุนด้านงบประมาณในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะสถานที่หรือวัสดุ อุปกรณ์ให้เพียงพอ โดยใช้หลักการ ๓M
Man: บริหารบุคลากรให้ตรงกับความสามารถ (Put the right man on the right job)
Money: จัดหางบประมาณในการบริหารงานทั้ง 4 ให้เพียงพอ ระดมทรัพยากรจากภายนอก
ประสานงานในการในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง เช่น โรงอาหาร หอประชุม ให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียน
Material: จัดหาวัสดุ สื่อ ครุภัณฑ์ ที่ทันสมัย เพียงพอ และตรงกับความต้องการ
สรุป “S.T.E.M Model” เป็นรูปแบบการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมตรงกับความสามารถของบุคลากร ทำงานเป็นทีม สนับสนุนด้านงบประมาณในด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยใช้กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในชั้นเรียน แบบ (KIARE) K : Knowledge (ความรู้) I : Instructional Media
(สื่อการสอน) A : Active Learning (การลงมือปฏิบัติ) R : Reflection (การสะท้อนผล/นำเสนอชิ้นงาน)
E : Evaluation (การประเมิน) เพื่อส่งผลต่อการบริหารจัดการศึกษาระดับปฐมวัย และพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของนักเรียนระดับปฐมวัย ให้บรรลุตามของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์และ จุดเน้นของโรงเรียน
รูปแบบนวัตกรรม
นิยามศัพท์เฉพาะ
ขั้นตอนการดำเนินงาน หมายถึง ขั้นตอนการปฏิบัติงานของ ผู้บริหาร หัวหน้างานปฐมวัย
ในการนำพาครูผู้สอนระดับระดับปฐมวัย ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ในชั้นเรียน ด้วยกระบวนการ KIARE ภายใต้การบริหารจัดการศึกษาปฐมวัย S.T.E.M Model
ขั้นตอนที่ ๑ หมายถึง การสำรวจและวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการในการบริหาร
จัดการศึกษาปฐมวัยจากหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยฯ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อจัดลำดับความสำคัญ วางแผนและ กำหนดกรอบในการพัฒนานวัตกรรม
ขั้นตอนที่ ๒ ขั้น S : Strategy (การศึกษากลยุทธ์ตามจุดเน้นของโรงเรียน) หมายถึง การเน้น
ความเป็นเลิศทางวิชาการ มีความรู้ คู่คุณธรรม ก้าวนำเทคโนโลยี มีสุขภาพที่ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง โดยการปรึกษาหารือ ประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหาร หัวหน้างานปฐมวัยและครูผู้สอนระดับปฐมวัย เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา ร่วมกันออกแบบกระบวนการจัดกิจกรรมเสริมประสบการณ์ เพื่อพัฒนาพัฒนาทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม ตามบริบทของโรงเรียน
ขั้นตอนที่ ๓ ขั้น T :Team Work (การทำงานเป็นทีม) หมายถึง การแบ่งงานกระจายงานให้ครูและบุคลากร ตามความรู้ ความสามารถ การส่งเสริมการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ (PLC) การเสริมสร้างแรงจูงใจให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีขวัญกำลังใจในการทำงาน เกิดผลการปฏิบัติงานเชิงประจักษ์ รวมทั้งส่งเสริมความก้าวหน้าให้มีวิทยฐานะที่สูงขึ้น การส่งเสริมสนับสนุนครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีจิตวิญญาณ
ความเป็นครู เป็นครูมืออาชีพและยึดมั่นในจรรยาบรรณของวิชาชีพ การสร้างความร่วมมือกับองค์กร
ส่วนท้องถิ่น ชุมชน ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา
ขั้นตอนที่ ๔ ขั้น E: Effectiveness (มุ่งประสิทธิผล) พัฒนาศักยภาพและคุณภาพของนักเรียน
ระดับปฐมวัย ๑. จัดกิจกรรมพัฒนานักเรียนปฐมวัยในรูปแบบที่หลากหลาย จัดสภาพแวดล้อมทั้งในและนอก ห้องเรียนให้เอื้อต่อการพัฒนาการเรียนรู้ ๒. จัดการเรียนรู้ สร้างประสบการณ์ เน้นการเรียนเป็นเล่น เรียนรู้อย่างมีความสุข ๓. ปรับปรุงอาคารสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวกสนามเด็กเล่นให้ได้มาตรฐาน
มีความปลอดภัย สามารถจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๔. จัดหาสื่อ อุปกรณ์ ที่มีคุณภาพเหมาะสมมีมาตรฐาน และความปลอดภัย ๕. อภิบาลนักเรียนปฐมวัยให้มีสุขภาวะที่ดี ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ๖. สร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองในการจัดการศึกษาปฐมวัย เพื่อการมีส่วนร่วมและ การสนับสนุนการดำเนินงานของสถานศึกษา ๗. ส่งเสริมการเรียนรู้ทางด้านภาษาให้กับนักเรียนในระดับปฐมวัยเพื่อนำไปสู่พัฒนาการทั้ง ๔ ด้าน คือร่างกาย อารมณ์ –จิตใจ สังคม สติปัญญา
ขั้นตอนที่ ๕ ขั้น M - Management (การบริหารจัดการ) บริหารจัดการ เน้นการมีส่วนร่วมของผู้ร่วมงาน ให้ตรงกับความสามารถ สนับสนุนด้านงบประมาณในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะสถานที่หรือวัสดุ อุปกรณ์ให้เพียงพอ โดยใช้หลักการ ๓M
Man: บริหารบุคลากรให้ตรงกับความสามารถ (Put the right man on the right job)
Money: จัดหางบประมาณในการบริหารงานทั้ง ๔ ให้เพียงพอ ระดมทรัพยากรจากภายนอก
ประสานงานในการในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง เช่น โรงอาหาร หอประชุม ให้เพียงพอกับจำนวนนักเรียน
Material: จัดหาวัสดุ สื่อ ครุภัณฑ์ ที่ทันสมัย เพียงพอ และตรงกับความต้องการ
นวัตกรรม หมายถึง S.T.E.M Model ซึ่งเป็นการบริหารจัดการศึกษาในระดับปฐมวัย เพื่อพัฒนาการทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม ของโรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ ๕ ขั้นตอน คือ ๑) การสำรวจและวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ๒) ขั้น S : Strategy (การศึกษากลยุทธ์ตามจุดเน้นของโรงเรียน) ๓) ขั้น T :Team Work (การทำงานเป็นทีม) ๔) ขั้น E: Effectiveness (มุ่งประสิทธิผล) ๕) ขั้น M - Management
(การบริหารจัดการ) ผ่านกระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในชั้นเรียน ด้วยกระบวนการ KIARE
(K : Knowledge (ความรู้) I : Instructional Media (สื่อการสอน) A : Active Learning (การลงมือปฏิบัติ) R : Reflection (การสะท้อนผล/นำเสนอชิ้นงาน) E : Evaluation (การประเมิน)) ดังนี้
๑) K : Knowledge ความรู้ หมายถึง ครูผู้สอนระดับปฐมวัย และครูต่างชาติ ร่วมกันศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตร กำหนดเนื้อหาหัวข้อ (Them) ที่จะใช้ในการเรียนแต่ละสัปดาห์
๒) I : Instructional Media สื่อการสอน หมายถึง ครูใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย กระตุ้นให้
เด็กสนใจ เกิดความสงสัย อยากที่จะค้นหาคำตอบ วางแผนเพื่อให้ได้คำตอบหรือองค์ความรู้ในเนื้อหา
๓) A : Active Learning การลงมือปฏิบัติ หมายถึง การที่ให้เด็กได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ
จากสื่อการสอน (เพลง เกม มุมต่างๆในห้องเรียน) การค้นหาคำตอบจากการปฏิบัติจริง (การทดลอง การไปศึกษาแหล่งเรียนรู้) ฝึกความแข็งแรงของร่างกายจากการเล่นสนามเด็กเล่น และ จากการว่ายน้ำ การทรงตัว
การปฏิบัติตามข้อตกลง การเข้าสังคม การแบ่งปัน การร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งกิจกรรมรายบุคคลและกิจกรรมกลุ่มเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่
๔) R : Reflection การสะท้อนผล/นำเสนอชิ้นงาน หมายถึง เด็กสะท้อนผลองค์ความรู้ที่ได้รับ
ผ่านชิ้นงานต่างๆ แบบฝึกหัด การตอบคำถาม (ผลงานศิลปะ ชิ้นงานในกิจกรรมบ้านวิทยาศาสตร์น้อย)
๕) E : Evaluation การประเมิน หมายถึง ครูประเมินนักเรียน จากชิ้นงาน การสังเกตขณะลงมือปฏิบัติ การตอบคำถามเกี่ยวกับองค์ความรู้ที่ได้รับ รวมไปถึง การประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ หมายถึง การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ หกกิจกรรมหลัก
ในระดับชั้นอนุบาล ๒ และชั้นอนุบาล ๓ ทั้งห้องปกติ และห้องเรียนพิเศษ
พัฒนาการทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม หมายถึง การพัฒนาพัฒนาการด้านร่างกาย (M : Muscle กล้ามเนื้อต่างๆ) พัฒนาการทางด้านอารมณ์-จิตใจ พัฒนาการทางด้านสังคม และ พัฒนาการทาง
ด้านสติปัญญา (S : Science ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์, T : Thai & English Language ทักษะพื้นฐานทางภาษา, ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์) ควบคู่กันไปในทั้งสี่ด้าน
การบริหารจัดการศึกษาปฐมวัย หมายถึง การบริหารจัดการการศึกษาในระดับปฐมวัย โดยรูปแบบ S.T.E.M Model เพื่อพัฒนาการทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม ของโรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์
นักเรียน หมายถึง เด็กนักเรียนในระดับชั้นอนุบาล ๒ และชั้นอนุบาล ๓ ของโรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ ปีการศึกษา ๒๕๖๓
๓.๒ กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม
K : Knowledge
I : Instructional Media
A : Active Learning
R : Reflection
E : Evaluation
กิจกกรม
ความรู้
ครูและครูต่างชาติวิเคราะห์หลักสูตร ร่วมกันกำหนดเนื้อหาหัวข้อ (Them)
ที่จะใช้ในการเรียนแต่ละสัปดาห์
สื่อการสอน
ครูใช้สื่อการสอนที่หลากหลาย กระตุ้นให้เด็กสนใจ เกิดความสงสัย อยากที่จะค้นหาคำตอบ วางแผนเพื่อให้ได้คำตอบ /องค์ความรู้
การลงมือปฏิบัติ
เด็กได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ จากสื่อการสอน (เพลง เกม มุมต่างๆในห้องเรียน) การค้นหาคำตอบจากการปฏิบัติจริง (การทดลอง การไปศึกษาแหล่งเรียนรู้) ฝึกความแข็งแรงของร่างกายจากการเล่นสนามเด็กเล่น และ
จากการว่ายน้ำ การทรงตัว การปฏิบัติตามข้อตกลง การเข้าสังคม การแบ่งปัน
การสะท้อนผล/นำเสนอชิ้นงาน
เด็กสะท้อนผลองค์ความรู้ที่ได้รับผ่านชิ้นงานต่างๆ การตอบคำถาม
(ผลงานศิลปะ ชิ้นงานในกิจกรรมบ้านวิทยาศาสตร์น้อย)
การประเมิน
ครูประเมินนักเรียน จากชิ้นงาน การสังเกตขณะลงมือปฏิบัติ การตอบคำถามเกี่ยวกับองค์ความรู้ที่ได้ลงมือปฏิบัติ การประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ – จิตใจ สังคม สติปัญญา
ผลงาน/กิจกรรม
หน่วย Them Topic ของแต่ละสัปดาห์ กำหนดการสอน
เตรียมสื่อ อุปกรณ์
กำหนดวางแผน สื่อ อุปกรณ์
คิด ค้นหาคำตอบ
ชิ้นงาน รายกลุ่ม รายบุคคล
ชิ้นงาน/ผลงาน ตอบคำถาม
ครูสังเกตพฤติกรรม
ประเมินชิ้นงาน/แฟ้มสะสมงาน
การตอบคำถามของเด็ก
ประเมินพัฒนาการด้านต่างๆ
เป้าหมายของพัฒนาการ
ทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม
เด็กทุกคนได้รับการพัฒนาทั้งสี่ด้าน ได้แก่
พัฒนาการด้านร่างกาย (กล้ามเนื้อต่างๆ)
พัฒนาการทางด้านอารมณ์-จิตใจ
พัฒนาการทางด้านสังคม
พัฒนาการทางด้านสติปัญญา :
ทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
ทักษะพื้นฐานทางภาษา
ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
S : Science (วิทยาศาสตร์น้อย)
T : Thai Language (ภาษาไทย)
E : English Language (ภาษาอังกฤษ)
M : Muscle (ฝึกกล้ามเนื้อ/ร่างกาย
สนามเด็กเล่น. ว่ายน้ำ)
๓.๓ ประสิทธิภาพของการดำเนินงานในระดับผู้ปฏิบัติ
ประสิทธิภาพของการใช้ S.T.E.M Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัยเพื่อพัฒนาการทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม ผ่านการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในชั้นเรียน ด้วยกระบวนการ (KIARE) ได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
๓.๔ การใช้ทรัพยากร
การใช้ S.T.E.M Model ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัย เพื่อพัฒนาการทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ ทางโรงเรียนได้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ คือ Man: บุคลากร Money: งบประมาณ Material: วัสดุ สื่อ ครุภัณฑ์ แล้วบริหารจัดการที่มีอยู่ให้เต็มศักยภาพ คือ จัดการประชุมเพื่อทำความเข้าใจกับครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องในการนำ S.T.E.M Model มาใช้ในการบริหารจัดการศึกษาปฐมวัย กระตุ้นให้ครูผู้สอน นำรูปแบบการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ KIARE ไปใช้ในชั้นเรียน ใช้สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ เทคนิค วิธีการต่างๆ ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยสนับสนุนงบประมาณ และหรือจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่ขาดแคลน
๔. ผลการดำเนินการ ผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่ได้รับ
๔.๑ ผลการดำเนินงาน/ ผลสัมฤทธิ์ จากการดำเนินงามตาม S.T.E.M Model ส่งผลให้พัฒนาการทั้งสี่ด้าน ของนักเรียนชั้นอนุบาล จำนวน ๔ ห้องเรียน จำนวน ๕๖ คน ตามแบบรายงานพัฒนาการเด็กปฐมวัย ปีการศึกษา ๒๕๖๓ สูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ ดังนี้ พัฒนาการด้านร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ ๙๒.๕๑ พัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๗๗ พัฒนาการด้านสังคม อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๗๗ พัฒนาด้านสติปัญญา อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็นร้อยละ ๘๘.๑๐ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
๔.๒ ประโยชน์ที่ได้รับ
๑. ส่งผลต่อนักเรียน
๑) พัฒนาการด้านร่างกาย นักเรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมและเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของ ร่างกายด้วยการปีนป่าย ดึงเชือก ไต่ จับราว จากการเล่นสนามเด็กเล่น และการฝึกว่ายน้ำ การหยิบ จับวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก แข็งแรง มือกับตาประสานสัมพันธ์กัน
๒) พัฒนาการด้านอารมณ์ – จิตใจ นักเรียนสนุกสนาน สนใจกระตือรือร้น มีความสุขกับการทำกิจกรรม รักชื่นชมศิลปะ มีความมั่นใจในตนเอง กล้าแสดงออกมากขึ้น นักเรียนความพึงพอใจในความสามารถของตนเองและผู้อื่น
๓) พัฒนาการด้านสังคม เด็กมีความสนใจในการทำกิจกรรมมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน และผู้อื่น เด็กได้เรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน มีน้ำใจ ช่วยเหลือแบ่งปัน รู้จักรอคอย ขณะที่ทำกิจกรรมต่างๆ รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ
๔) พัฒนาการด้านสติปัญญา เด็กได้ฝึกทักษะการอ่านการเขียน การสื่อสาร สามารถสื่อสาร
ร่วมสนทนาโต้ตอบประโยคง่ายๆ อ่านเขียนคำศัพท์สั้นๆ ได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ฟัง พูด
เล่าเรื่องราวจาก ผลงาน/ชิ้นงานหรือภาพวาดของตนเอง รู้จักสังเกตสิ่งต่างๆรอบตัว จำแนกแยกแยะ เปรียบเทียบ จัดหมวดหมู่ รู้จักวางแผน ตัดสินใจเลือกและแก้ปัญหาในการทำงานมีสามารถด้านความคิดรวบยอด การเชื่อมโยง การคิดอย่างมีเหตุผล การตัดสินใจและการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เหมาะสมตามวัย
๖) นักเรียนมีความพร้อมในการเรียนในระดับที่สูงขึ้น
๒. ส่งผลต่อครู
๑) ครูมีเอกสาร คู่มือและขั้นตอนการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม แก่ครูบุคคลากรที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัย
๒) ครูจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ที่พัฒนาการเด็กทั้งสี่ด้าน ได้ตามเป้าหมายการศึกษาปฐมวัยของ หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์
๓) ครูได้ส่งเสริม พัฒนาให้เด็กมีพัฒนาการทั้งสี่ด้านที่เหมาะสมกับวัย
๔) ครูมีการวัดและประเมินผลนักเรียนที่หลากหลาย เหมาะสม
๕) ครูได้กระตุ้นให้เด็กได้เรียนรู้จากความสนใจของเด็ก สามารถเรียนรู้กระบวนการ เรียนรู้ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
๖) ครูได้รูปแบบการสอนที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ มีเอกสาร นวัตกรรมการจัด ประสบการณ์ ซึ่งเหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ครูผู้สอนปฐมวัย
๓. ส่งผลต่อสถานศึกษา
๑) สถานศึกษามีเอกสารคู่มือในการเยี่ยมชมและนิเทศการจัดการศึกษาระดับปฐมวัย
๒) สถานศึกษาเป็นแบบอย่างและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาร่วมกับเครือข่าย และหน่วยงานอื่นๆกับการสร้างเจตคติที่ดีให้เด็ก
๓) โรงเรียน มีเอกสารนวัตกรรมที่เหมาะสมในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในระดับปฐมวัย
๔. ส่งผลต่อผู้ปกครอง
๑) ผู้ปกครองมีความพึงพอใจ ชื่นชมในความสามารถและพัฒนาการของบุตรหลาน
๒) ผู้ปกครองให้การสนับสนุนจัดเตรียมพื้นที่ในการทำสนามเด็กเล่น
๓) ผู้ปกครองมอบความไว้วางใจและเชื่อมั่นในการจัดการศึกษาปฐมวัย นักเรียนในปกครอง
มีพัฒนาการสมวัย
๕. ส่งผลต่อชุมชน
๑) ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาโดยสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อผู้เรียน
๒) ชุมชนจัดการศึกษาที่สนองต่อเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชา-นุสรณ์ พุทธศักราช ๒๕๖๑ และหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ นโยบาย และสอดคล้อง
กับมาตรฐานและพระราชบัญญัติการศึกษาชาติ
๕. ปัจจัยความสำเร็จ
ในการดำเนินงานการบริหารจัดการศึกษาในระดับปฐมวัย ของโรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ ให้ประสบความสำเร็จ ทางโรงเรียนได้บริหารงานแบบมีส่วนร่วม ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมมอบหมายงานที่ตรงกับความสามารถของบุคลากร สนับสนุนด้านงบประมาณในด้านต่างๆ อย่างเต็มที่
ในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ในชั้นเรียน เป็นความร่วมมือจากบุคลากรภายในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา ไปสู่การร่วมมือของบุคคลภายในนอก ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง ชุมชน และองค์กรภายในนอก ในการร่วมมือของทุกฝ่าย ทำให้การบริหารจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยของโรงเรียน ประสบความสำเร็จ ดังนี้
๕.๑ นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง จากสื่อที่หลากหลาย ได้ค้นหาความรู้ คำตอบด้วยตนเอง ได้รับการพัฒนาทุกด้านเหมาะสมกับวัย และมีความพร้อมในการเรียนในระดับที่สูงขึ้น
๕.๒ ครู และนักเรียน ได้มีส่วนร่วมในการจัดเตรียม จัดหาสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ร่วมกันค้นหาคำตอบของเนื้อหาที่อยากรู้ ฝึกฝนทักษะต่างๆ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย
๕.๓ ครู ผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรภายนอก ได้มีส่วนร่วมในการจัดเตรียม จัดหา สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ และสนับสนุนงบประมาณในด้านต่างๆ
๕.๔ ผู้บริหารสถานศึกษา นิเทศติดตาม แนะนำ ให้การสนับสนุนงบประมาณ ในการจัดแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน และให้ความสำคัญในการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ทำให้
การดำเนินงานเกิดประสิทธิผล โดย องค์ประกอบเกื้อหนุนกันดังนี้
๖. บทเรียนที่ได้รับ
๖.๑ สรุป
โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ มุ่งการบริหารจัดการศึกษาระดับปฐมวัย เพื่อพัฒนานักเรียน ให้มีพัฒนาการทั้งสี่ด้านแบบองค์รวม ด้วยการจัดประสบการณ์ที่เป็นลำดับ ขั้นตอน มีกิจกรรม สื่อการสอนที่หลากหลาย โดยการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของ ครู บุคลากร ผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรภายนอก มีการดำเนินงานตามโครงการ/กิจกรรม ตามแผนปฏิบัติการประจำปี มีการรายงานผลการดำเนินโครงการทุกกิจกรรม มีการนำผลการประเมิน ข้อเสนอแนะมาปรับปรุงการปฏิบัติงานตามแผน ทำให้เกิดผลการพัฒนาอย่างรอบด้านทั้งด้านนักเรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา สถานศึกษา และชุมชน
จากการดำเนินการใช้ S.T.E.M Model ในการบริหารจัดการศึกษาระดับปฐมวัยเพื่อพัฒนาการทั้ง
สี่ด้านแบบองค์รวม ดังกล่าว ส่งผลให้พัฒนาทั้งสี่ด้านนักเรียน ในระดับปฐมวัย อยู่ในระดับดี นักเรียนมีทักษะพื้นทางภาษา สามารถสื่อสาร อธิบาย มีทักษะพื้นทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก
ที่ประสานสัมพันธ์กัน สุขภาพร่างกายแข็งแรง สดใสร่าเริง มีความมั่นใจในตนเอง กล้าแสดงออก ใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข นักเรียนมีความพร้อมที่จะศึกษาในระดับที่สูงขึ้น บรรลุตามของหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์และ จุดเน้นของโรงเรียน
๖.๒ ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ และข้อควรระวัง
๑) ในการพัฒนาในครั้งนี้ เน้นที่บริบทของโรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ ที่มีเด็กจากหลายๆหมู่บ้าน ชุนชม ทำให้การพัฒนาเด็กต้องใช้ลำดับขั้นตอนในการจัดประสบการณ์ที่หลากหลาย
๒) โรงเรียนราชปิโยรสา ยุพราชานุสรณ์ มีการจัดการเรียนในระดับปฐมวัยทั้งห้องเรียนปกติ และห้องเรียนพิเศษ ความต้องการของผู้ปกครอง ชุมชน จึงมีหลากหลาย
๖.๓ แนวทางในการพัฒนาเพิ่มเติม
๑) ควรศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาเฉพาะด้าน เช่นการพัฒนาเรื่องภาษาเพื่อการสื่อสาร การพัฒนา
ด้านร่างกาย
๗. การเผยแพร่ และการได้รับการยอมรัย (รางวัลที่ได้รับ)
การจัดนิทรรศการแสดงผลงาน ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “โรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ฯ ร่วมใจ เทิดไท้องค์ราชัน” และการแสดงผลงานของนักเรียน กลุ่มโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ณ จังหวัดนครพนม และขยายผลงานให้กับนักศึกษาฝึกประสบการณ์ของ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
๘. การขยายผลต่อยอด หรือประยุกต์ใช้ผลงาน นวัตกรรมหรือแนวปฏิบัติ
๘.๑ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการถอดบทเรียน
๘.๒ การเรียนรู้เพื่อการต่อยอดและขยายผล
นำกระบวนการบริหารจัดการแบบ S.T.E.M Model มาต่อยอดบริหารจัดการศึกษาระดับปฐมวัย ในปีการศึกษา ๒๕๖๔
บรรณานุกรม
คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. (๒๕๔๒). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒.
กรุงเทพฯ : บริษัทพริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา .(๒๕๖๐). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙ .กรุงเทพฯ :
บริษัทพริกหวานกราฟฟิค จำกัด.
สำนักงานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๖๐). หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐
(อายุ ๓-๕ ปี). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา
ประภาภัทร นิยม.(ม.ป.ป.).การศึกษาแบบองค์รวม. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก // http://img.roong-
aroon.ac.th/publication/abridged_edition_of_HolisticEd-2.pdf. (วันที่สืบคืนข้อมูล :
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔).
จินดารัตน์ โพธิ์นอก.(๒๕๕๗). การศึกษาแบบองค์รวม. [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก //http://legacy.orst.go.
th/?knowledges.(วันที่สืบคืนข้อมูล : ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔).