ผู้จัดทำข้อตกลง
ผู้จัดทำข้อตกลง
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
e-mail : suphawipa@phenpit.ac.th
การศึกษา : ปริญญาตรี ศษ.บ. การมัธยมศึกษา วิชาเอก ชีววิทยา - เคมี
กลุ่มสาระวิยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถานศึกษา : โรงเรียนเพ็ญพิทยาคม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุดรธานี
ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้ : ☑️ห้องเรียนวิชาสามัญหรือวิชาพื้นฐาน
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
ภาคเรียนที่ 2 / 2567
- รายวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 12 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์
- ลูกเสือ - เนตรนารี จำนวน 1 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- ชุมนุมธนาคารดิจิทัล จำนวน 50 นาที/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 4 ชั่วโมง /สัปดาห์
- งานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมหน้าเสาธง โฮมรูม จำนวน 1 ชั่วโมง /สัปดาห์
- เวรประจำวัน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 8 ชั่วโมง / สัปดาห์
- การมีส่วนร่วมชุมชนการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำสื่อการเรียนการสอน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำหลักสูตรการวัดและประเมินผล จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
•─────────• ✨ •─────────•
รวมภาระงาน จำนวน 27 ชั่วโมง/สัปดาห์
• ────── ✾ ────── •
ภาคเรียนที่ 1 / 2568
- รายวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 12 ชั่วโมง 30 นาที/สัปดาห์
- ลูกเสือ - เนตรนารี จำนวน 1 ชั่วโมง 40 นาที/สัปดาห์
- ชุมนุมธนาคารดิจิทัล จำนวน 50 นาที/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 4 ชั่วโมง /สัปดาห์
- งานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- กิจกรรมหน้าเสาธง โฮมรูม จำนวน 1 ชั่วโมง /สัปดาห์
- เวรประจำวัน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 8 ชั่วโมง / สัปดาห์
- การมีส่วนร่วมชุมชนการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำสื่อการเรียนการสอน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
- การจัดทำหลักสูตรการวัดและประเมินผล จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
•─────────• ✨ •─────────•
รวมภาระงาน จำนวน 27 ชั่วโมง/สัปดาห์
• ────── ✾ ────── •
2. งานที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง ครู
ด้านการจัดการเรียนรู้
ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทาย
1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการศึกษา เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนให้สามารถปรับตัวและเติบโตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจัดการเรียนรู้จึงเป็นแนวทางหนึ่ง ที่สามารถยกระดับประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้สูงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
จากประสบการณ์ในการจัดการเรียนรู้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ยังขาดทักษะในการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการ ประสบความสำเร็จในชีวิต และการทำงานในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาวิทยาศาสตร์ที่ต้องอาศัยการคิดอย่างเป็นระบบ และการประยุกต์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เรื่อง บรรยากาศ ถือเป็นหัวข้อที่สำคัญในวิชาวิทยาศาสตร์
ในปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพในการปรับปรุงกระบวนการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย AI สามารถนำมาใช้เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคล (Personalized Learning) ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ AI ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุจุดอ่อนของนักเรียน และเสนอแนวทางปรับปรุงที่เหมาะสมได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาของผู้เรียนได้
จากสถานการณ์ดังกล่าว การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเรียนรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง บรรยากาศ ที่ต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้ความรู้ การวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ที่นำ AI มาใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้สามารถเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
จากสภาพปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น การวิจัยนี้จึงมีความสำคัญในเชิงการพัฒนาการศึกษา เนื่องจากสามารถเป็นแนวทางในการปรับปรุงการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนให้มีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต อีกทั้งยังสามารถนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ในวิชาอื่น ๆ ที่ต้องการส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อีกด้วย
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
วิธีการดำเนินการให้บรรลุผลสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. การวางแผนการวิจัย (Research Planning)
- กำหนดวัตถุประสงค์การวิจัย: เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ที่ใช้ AI ในการส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา
- กำหนดสมมติฐานการวิจัย: การเรียนรู้ผ่าน AI จะช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง งานและพลังงาน และพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาได้
- กำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2. การออกแบบรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (Learning Design)
พัฒนารูปแบบการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดการเรียนรู้ เช่น AI Chatbot เพื่อช่วยตอบคำถามและทบทวนบทเรียน, PhET Simulations เพื่อให้ผู้เรียนทำการทดลองเสมือนจริงเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศ, Gamification เช่น การใช้ Kahoot หรือ Quizizz เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจ และ AI-based Assessment เพื่อวิเคราะห์ผลการเรียนรู้และให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล
3. การพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย (Tool Development)
- แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง บรรยากาศ
- แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน (Pre-test และ Post-test): เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาของผู้เรียน
- แบบสอบถามความพึงพอใจ: เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดการเรียนรู้
4. การทดลองใช้ (Implementation)
- นำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาแล้ว ไปใช้กับกลุ่มทดลอง เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
5. การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection)
- การทดสอบก่อนและหลังเรียน: เพื่อวัดความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
- แบบสอบถามและการสัมภาษณ์: เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการใช้ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการจัดการเรียนรู้
- การวิเคราะห์ข้อมูลจาก AI-based Assessment: ดูพัฒนาการของผู้เรียนในด้านทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา
- วิเคราะห์เชิงปริมาณ: ใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (คะแนน Pre-test และ Post-test) และแบบสอบถามความพึงพอใจ เช่น ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน (t-test)
- วิเคราะห์เชิงคุณภาพ: วิเคราะห์จากการสัมภาษณ์และการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน
6. การสรุปผลและการรายงาน (Conclusion and Reporting)
- สรุปผลการวิจัย เพื่อดูว่าการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเรียนรู้ช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
- จัดทำรายงานผลการวิจัย และนำเสนอผลที่ได้ในการประชุมหรือสัมมนาทางวิชาการ
- นำเสนอแนวทางในการพัฒนาต่อยอด รูปแบบการเรียนรู้ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้ครอบคลุมเนื้อหาวิชาอื่น ๆ
- เผยแพร่ผลการวิจัยผ่านสื่อออนไลน์ บทความวิชาการ หรือวารสารการศึกษา
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
- นักเรียนในกลุ่มทดลองที่เรียนรู้ผ่านการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ร้อยละ 70 มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น
- นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการเรียนรู้ อยู่ในระดับดีขึ้นไป
ได้รูปแบบการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อส่งเสริมการคิดวิเคราะห์และทักษะการแก้ปัญหา เรื่อง บรรยากาศ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1