มีการริเริ่ม คิดค้น วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนและนำผลการศึกษาวิเคราะห์ และสังเคราะห์ มาใช้แก้ไขปัญหาหรือพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้ให้สูงขึ้น และเป็นแบบอย่างที่ดีในการศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาการเรียนรู้
ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
การพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) เป็นกระบวนการที่ช่วยให้บุคคลสามารถคิดอย่างมีจินตนาการและคิดนอกกรอบเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์มีหลายทฤษฎี ซึ่งรวมถึง:
ทฤษฎีการสร้างแนวคิดใหม่ (Theory of Divergent Thinking):
ทฤษฎีนี้เน้นการคิดแบบกระจาย (divergent thinking) ที่ไม่จำกัดเพียงแค่คำตอบเดียว แต่เน้นการหาคำตอบที่หลากหลาย โดยกระบวนการนี้จะช่วยกระตุ้นการคิดอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งแตกต่างจากการคิดแบบตรงไปตรงมา (convergent thinking) ที่เน้นการหาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดจากข้อมูลที่มี
ทฤษฎีการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของ Torrance (Torrance's Theory of Creativity):
Ellis Paul Torrance เป็นนักวิจัยที่ได้ทำการศึกษาความคิดสร้างสรรค์อย่างลึกซึ้ง โดยเขาพัฒนาแบบทดสอบ Torrance Tests of Creative Thinking (TTCT) ซึ่งมุ่งเน้นการประเมินความคิดสร้างสรรค์ในแง่ของความยืดหยุ่น ความแตกต่าง และการไหลของความคิด เขาเชื่อว่าความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่เพียงแค่ทักษะทางปัญญา แต่เป็นกระบวนการที่สามารถพัฒนาและฝึกฝนได้
ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของ Guilford (Guilford's Structure of Intellect Theory):
J.P. Guilford ได้นำเสนอทฤษฎีเกี่ยวกับโครงสร้างของสติปัญญาที่เชื่อว่า ความคิดสร้างสรรค์ประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ เช่น ความยืดหยุ่น (flexibility) การคิดนอกกรอบ (originality) และการขยายความคิด (elaboration) โดยมองว่าความคิดสร้างสรรค์สามารถแบ่งออกเป็นหลายๆ ด้านที่สามารถพัฒนาได้
ทฤษฎีของ Csikszentmihalyi – "Flow":
Mihaly Csikszentmihalyi พัฒนาแนวคิดเรื่อง "Flow" ซึ่งหมายถึงสภาวะที่บุคคลรู้สึกมีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างเต็มที่จนลืมเวลาและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ เขาเชื่อว่าการเข้าสู่สภาวะนี้ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ เนื่องจากมันทำให้บุคคลสามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิและเต็มที่
ทฤษฎีการคิดแบบใช้ปัญหา (Problem-Solving Theory):
ทฤษฎีนี้มุ่งเน้นการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยการใช้วิธีการคิดที่ช่วยให้บุคคลสามารถมองปัญหาจากหลายมุมมอง การหาทางออกที่ไม่เคยคิดมาก่อน หรือการทดลองวิธีใหม่ๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นการคิดสร้างสรรค์
ทฤษฎีการสร้างความคิดใหม่โดยการผสมผสาน (Creative Synthesis Theory):
ทฤษฎีนี้เน้นการสร้างสิ่งใหม่ๆ โดยการนำสิ่งที่มีอยู่แล้วมาผสมผสานกันในวิธีที่แตกต่างออกไป การประยุกต์ใช้ความรู้จากหลายๆ ด้านมารวมกันเป็นวิธีการใหม่ๆ
ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวกับทฤษฎีการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning)
ทฤษฎีการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning) เป็นแนวทางการสอนที่มุ่งเน้นการพัฒนาและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน โดยการใช้การเรียนรู้ที่กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดนอกกรอบและใช้ความคิดจินตนาการในการแก้ปัญหาหรือสร้างสิ่งใหม่ๆ หลักการและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการสอนแบบนี้มีหลายแง่มุม รวมถึงทฤษฎีที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์
การเรียนรู้ที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์: การสอนแบบสร้างสรรค์เน้นให้ผู้เรียนได้มีโอกาสคิดและทดลองทำสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องกังวลกับความถูกต้องหรือผิดพลาด นักเรียนสามารถทดลองแสดงความคิดที่เป็นนวัตกรรม และคิดในหลายๆ มุมมอง
การใช้ปัญหาเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้: การใช้ปัญหาหรือสถานการณ์ที่ท้าทายให้นักเรียนแก้ไข เพื่อกระตุ้นการคิดแบบมีจินตนาการและการมองหาวิธีใหม่ในการแก้ไขปัญหา
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น: นักเรียนสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างแนวทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแนวทางการสอนแบบเดิมๆ
1. ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Vygotsky (Vygotsky’s Social Development Theory)
Vygotsky เชื่อว่าการเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสังคม และการเรียนรู้ที่ดีที่สุดเกิดขึ้นเมื่อผู้เรียนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์กับผู้อื่น ดังนั้นการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ควรส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
Zone of Proximal Development (ZPD): หลักการนี้เน้นการให้ผู้เรียนทำกิจกรรมที่ท้าทายแต่ยังสามารถทำได้ภายใต้การช่วยเหลือหรือการชี้แนะ ซึ่งการเรียนรู้ใน ZPD ช่วยกระตุ้นให้เกิดการคิดสร้างสรรค์
2. ทฤษฎีการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Constructivist Learning Theory)
แนวคิดของ Jean Piaget และ Lev Vygotsky เน้นการเรียนรู้ที่เกิดจากการสร้างความรู้ขึ้นเองผ่านประสบการณ์ที่มีความหมาย โดยนักเรียนจะมีส่วนร่วมในการค้นหาคำตอบและสร้างความรู้ใหม่ๆ ด้วยตัวเอง การสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐานจึงส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ผ่านการสำรวจ ค้นคว้า และสร้างสิ่งใหม่ๆ
การเรียนรู้แบบนี้จะช่วยให้นักเรียนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาและแสดงออกถึงความคิดที่ไม่ซ้ำใคร
3. ทฤษฎีการคิดสร้างสรรค์ของ Torrance (Torrance’s Theory of Creativity)
Torrance’s Tests of Creative Thinking (TTCT) เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งช่วยให้ครูสามารถเข้าใจวิธีการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน และสามารถปรับปรุงกระบวนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนมากขึ้น
การฝึกการคิดสร้างสรรค์ตามทฤษฎีของ Torrance ช่วยให้การสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐานสามารถช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนา 4 ด้านสำคัญคือ ความยืดหยุ่น (Flexibility), ความคิดที่ไม่ซ้ำใคร (Originality), การขยายความคิด (Elaboration) และ ความสามารถในการเห็นภาพ (Fluency)
4. ทฤษฎีการเรียนรู้แบบจิตตปัญญา (Cognitive Apprenticeship)
ทฤษฎีนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้ผ่านการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหรือครู โดยการทำงานร่วมกันในการแก้ปัญหาหรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ การสร้างสรรค์จึงเป็นกระบวนการที่เรียนรู้จากประสบการณ์จริงและผ่านการทดลอง
แนวคิดนี้ช่วยให้นักเรียนได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
5. ทฤษฎีของ Csikszentmihalyi - "Flow"
Mihaly Csikszentmihalyi ได้เสนอแนวคิดเรื่อง "Flow" ซึ่งหมายถึงสภาวะที่บุคคลทำงานหรือเรียนรู้ในสถานการณ์ที่มีความท้าทายและสามารถใช้ทักษะสูงสุดในการทำงานได้ ในสภาวะนี้ นักเรียนจะรู้สึกมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งเป็นสภาวะที่กระตุ้นการคิดสร้างสรรค์ได้ดีที่สุด
ในการสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าไปสู่สภาวะ "Flow" เป็นสิ่งสำคัญ
กิจกรรมสร้างสรรค์: ครูสามารถออกแบบกิจกรรมที่กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดใหม่ๆ เช่น การจัดเวิร์กช็อปที่ให้ผู้เรียนสร้างโปรเจกต์หรือทำงานกลุ่มที่ต้องใช้ทักษะการคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาหรือสร้างสิ่งใหม่
การใช้เทคโนโลยี: การใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ เช่น การสร้างแอปพลิเคชันหรือการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการออกแบบงานช่วยเสริมการคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียน
การประเมินที่ยืดหยุ่น: การประเมินผลที่ไม่เน้นแค่ผลลัพธ์สุดท้าย แต่เน้นกระบวนการในการคิดและการพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์ในแต่ละขั้นตอน
การส่งเสริมให้ผู้เรียนมีโอกาสคิดสร้างสรรค์จะทำให้เกิดทักษะการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น และช่วยให้ผู้เรียนมีความมั่นใจในการคิดนอกกรอบ
นักเรียนจะสามารถนำทักษะการคิดสร้างสรรค์ไปใช้ในชีวิตจริงในการประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้
การสอนแบบสร้างสรรค์เป็นฐาน (Creativity-Based Learning) จึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้นักเรียนสามารถพัฒนาทักษะที่สำคัญในการเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงและท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากการศึกษาหลักการ แนวคิด และทฤษฎีข้างต้นข้าพเจ้าได้นำมาใช้ในกระบวนการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การวัดผลประเมินผล และใช้เป็นแนวทางในการจัดทำงานวิจัยในชั้นเรียน