หน่วยที่ 4 การคิดเชิงออกแบบ
หน่วยที่ 4 การคิดเชิงออกแบบ
1.2 กระบวนการของการคิดเชิงออกแบบ
เดวิด เคลลีย์ (David Kelley)ได้นำแนวคิดของการคิดเชิงออกแบบมาประยุกต์ใช้ในทางธุรกิจ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยกำหนดกระบวนการของการคิดเชิงออกแบบเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้
1. การเข้าใจปัญหา (Empathize)
2. การระบุปัญหา (Define)
3. การหาแนวทางแก้ไขปัญหา (Ideate)
4. การพัฒนาต้นแบบ (Prototype)
5. การทดสอบ (Test)
1. การเข้าใจปัญหา (Empathize)
เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด โดยเน้นการทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อหาทางแก้ไขที่เหมาะสม มีวิธีการดังนี้
การสังเกต:สังเกตสิ่งรอบตัวและพฤติกรรมของผู้ใช้ เพื่อทำความเข้าใจปัญหาที่ผู้ใช้กำลังประสบอยู่
การสัมภาษณ์:เตรียมคำถามที่เกี่ยวกับปัญหา ความต้องการ และความจำเป็น แล้วทบทวนข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เพื่อสรุปเป็นประเด็นสำคัญ
การรับฟังและแก้ไข:รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งานและทำการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการอยู่เสมอ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ในระยะยาว
2. การระบุปัญหา (Define)
หลังจากทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานแล้ว ให้นำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์และจัดกลุ่ม เพื่อระบุปัญหาที่ต้องการแก้ไขให้ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ทราบว่าต้องการผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร
3. การหาแนวทางแก้ไขปัญหา (Ideate)
เป็นการเสนอแนวคิดและแนวทางการแก้ไขปัญหาในรูปแบบต่างๆ อย่างไม่มีกรอบจำกัด เพื่อให้เกิดความคิดในหลากหลายมุมมองและหลากหลายวิธีการให้มากที่สุด
หลักการระดมความคิด:
กำหนดเวลาในการระดมความคิด เพื่อไม่ให้ใช้เวลานานจนออกนอกประเด็น
ให้ทุกคนในกลุ่มนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาได้อย่างอิสระ โดยไม่มีการตัดสินว่าดีหรือไม่ดี เพราะจะทำให้สมาชิกไม่กล้าแสดงความคิดเห็น
จัดกลุ่มความคิดทั้งหมดที่ได้มา โดยจัดกลุ่มความคิดที่เป็นเรื่องเดียวกันหรือคล้ายกันไว้ด้วยกัน เพื่อให้ง่ายต่อการคัดเลือก
คัดเลือกแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด แต่ให้เก็บรวบรวมแนวทางที่ตัดออกไว้ก่อน เพราะอาจเป็นประโยชน์ในอนาคตได้
นำแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ได้มาพิจารณาร่วมกันอีกครั้งว่ามีอะไรที่สามารถเพิ่มเติมได้อีกหรือไม่
4. การพัฒนาต้นแบบ (Prototype)
เป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อทดสอบและปรับปรุงแนวทางการแก้ไขปัญหาก่อนที่จะนำไปสู่การผลิตจริง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการทดลองและบันทึกผลจากผู้ใช้งาน เพื่อให้ทีมออกแบบสามารถรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะก่อนนำไปสู่ขั้นตอนการสร้างผลิตภัณฑ์จริง
การสร้างต้นแบบสามารถทำได้หลายรูปแบบ:
การสร้างแบบจำลอง (Model):สร้างโมเดลที่จับต้องได้ให้เหมือนหรือใกล้เคียงชิ้นงานจริงมากที่สุด สามารถทำได้ด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ กระดาษ พลาสติก หรือใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing)
การสื่อสารด้วยภาพ (Visual Communication):ใช้ภาพเป็นสื่อหลัก เช่น สัญลักษณ์ ภาพวาด แผนภาพ หรือภาพถ่าย เพื่อสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนให้ผู้ใช้งานเห็นภาพชัดเจน
การจำลองสถานการณ์ (Simulation):จำลองสถานการณ์โดยแสดงการใช้งานอุปกรณ์ที่สร้างขึ้น ซึ่งอาจบันทึกไว้ในรูปแบบของคลิปวิดีโอหรือการสาธิตจริง
การสร้างบทภาพ (Storyboard):ออกแบบเพื่อสร้างภาพรวมของเรื่องราวหรือสถานการณ์ในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว (คล้ายการ์ตูนช่อง) เพื่อให้เข้าใจและนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์
5. การทดสอบ (Test)
เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้สามารถตรวจสอบและปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ออกแบบขึ้นเพื่อให้ตรงตามความต้องการและความคาดหวังของผู้ใช้งาน โดยมีเกณฑ์ในการประเมิน ดังนี้
1. การทำงาน (Functionality):ประสิทธิภาพในการทำงานของผลิตภัณฑ์หรือบริการ
2. ราคาต้นทุน (Cost):ต้นทุนในการสร้าง และราคาที่ผู้ใช้งานยอมรับได้
3. ความสวยงาม (Aesthetics):ความดึงดูดทางด้านรูปลักษณ์ต่อผู้บริโภคหรือผู้ใช้งาน
4. การใช้งาน (Usability):ความยากง่ายในการใช้งานโดยผู้ใช้งานจริง
5. การบำรุงรักษา (Maintenance):ความทนทานและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา