เสียงที่เราได้ยินเกิดจากสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราเรียกสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงว่า "แหล่งกำเนิดเสียง" และสามารถแบ่งเสียงที่เกิดขึ้นออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. เสียงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น เสียงคลื่น เสียงลม เสียงฝน เสียงฟ้าร้อง เสียงสัตว์
2. เสียงที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เสียงคนตรี เสียงวิทยุ เสียงแตรรถ เสียงโทรทัศน์ เสียงตีระฆัง
3.1 การเคลื่อนที่และอัตราเร็วของเสียง
เสียงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่เป็นของแข็ง ของเหลว และแก๊สได้ด้วยอัตราเร็วต่างกัน ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่ออัตราเร็วของเสียง มีดังนี้
1. สถานะของตัวกลาง อัตราเร็วของเสียงในของแข็งและของเหลวมีค่ามากกว่าอัตราเร็วของเสียงในแก๊ส
2. อุณหภูมิของตัวกลาง อัตราเร็วเสียงในอากาศขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศ
3.2 อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียง
อุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงมีอยู่มากมาย เช่น เครื่องตนตรี ระฆัง โดยมีหลักการที่เหมือนกันก็คือ เสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงต้องการตัวกลางในการเดินทางมาถึงผู้ฟัง ดังนั้น เราจึงควรศึกษาเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดเสียงว่ามีการทำงานอย่างไรจึงทำให้เกิดเสียงขึ้นมาได้
ลำโพง (Speaker) เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าที่ได้มาจากเครื่องขยายให้เป็นสัญญาณเสียง โดยสัญญาณ
ไฟฟ้ากระแสสลับเข้าในคอยล์เสียง ทำให้แผ่นลำโพงสั่นลักษณะเคลื่อนที่ขึ้นและลง ส่งผลให้เกิดการอัดอากาศ
ด้านหน้าจึงเกิดคลื่นเสียงขึ้น การสั่นเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความถี่ และเสียงจะดังหรือเบาขึ้นอยู่กับแอมพลิจูดของ
สัญญาณไฟฟ้า ดังนั้น ขนาดของลำโพงมีความสำคัญมาก ถ้าต้องการให้เสียงเหมือนกับธรรมชาติมากที่สุด
ลำโพงจะต้องมีหลายขนาด
บัซเซอร์ (Buzzer) คือ ลำโพงแบบแม่เหล็กหรือแบบไพอิโซ มีวงจรกำเนิดความถี่ (Oscillator) อยู่ภายใน ลักษณะการทำงานเกิดจากการป้อนแรงดันไฟฟ้าทำให้เกิดเสียงได้ด้วยตนเอง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนความถี่ของเสียงได้ เช่น เสียงปี๊บที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ตัวจับเวลา การกดเมาส์และมีเสียงดัง ซึ่งส่วนมากบัซเซอร์จะนำไปใช้กับโรงงานเพื่อแจ้งเตือนเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรที่ทำงาน ทำให้ผู้ที่ปฏิบัติงานทราบถึงระบบที่ทำงานอยู่ว่ามีความปลอดภัยหรือไม่