VTR ประชุมสร้างความเข้าใจการติดตาม ประเมินผลการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 80
คำอธิบาย
การจัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย หมายถึง การจัดการศึกษาให้แก่เด็กพิการเรียนรวม เด็กด้อยโอกาส เด็กที่มีความสามารถพิเศษ และเด็กปกติทั่วไป ในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาเต็มตามศักยภาพ โดยมีกลุ่มโรงเรียน
1.สถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย เหมาะสมกับผู้เรียนทุกกลุ่ม (สบน.)
2.สถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่ (1) โรงเรียนเฉพาะความพิการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นพิเศษของผู้เรียนเฉพาะบุคคล (IEP) (2) โรงเรียนการศึกษาสงเคราะห์จัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เชื้อชาติ ศาสนา ชาติพันธุ์ (3) ศูนย์การศึกษาพิเศษ จัดการศึกษานอกระบบ หรือตามอัธยาศัยแก่คนพิการ ตั้งแต่แรกเกิดหรือแรกพบความพิการจนตลอดชีวิต ในรูปแบบการช่วยเหลือระยะแรกเริ่ม (EI : Early Intervention) และจัดการศึกษาอบรมแก่ผู้ดูแลคนพิการ ครู บุคลากรและชุมชน รวมทั้งการจัดสื่อ เทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวก บริการและความช่วยเหลืออื่นใด ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กำหนดในประกาศกระทรวง (สศศ.)
3.โรงเรียนในโครงการวิจัยและต่อยอดนวัตกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพมาตรฐานที่มีรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่สามารถต่อยอดความสามารถเดิมของนักเรียนให้สูงขึ้น เสริมสร้างขีดความสามารถใหม่ เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพและการมีงานทำ สู่สังคมอนาคตได้อย่างเหมาะสม มีนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมนักเรียนให้สามารถพัฒนาตามความต้องการ ความถนัด และความสนใจ สอดคล้องกับฐานทุนของชุมชนและบริบทพื้นที่ รวมถึงมีรายได้ระหว่างเรียนและนำไปใช้ได้ในอนาคต (สนก.)
4.สถานศึกษาในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา มีการจัดการหลักสูตรการศึกษาภายใต้ การมีส่วนร่วมระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ และบริษัท มูลนิธิองค์กร สถาบันที่สนับสนุน และสถานศึกษาในโครงการคอนเน็กซ์อีดีที่มีการจัดการศึกษาในรูปแบบที่หลายหลายเหมาะสมกับผู้เรียน ตามบริบทของพื้นที่ (สนก.)
5.สถานศึกษาในโครงการพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ (สนผ.)
6.สถานศึกษาที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายเหมาะสมกับผู้เรียน ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสตูล และสี่อำเภอ จังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอเทพา ดำเนินโครงการเพื่อ (1) ด้านการรักษาความปลอดภัย (2) ด้านการสร้างโอกาสทางการศึกษา (3) ด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา (4) ด้านการส่งเสริมสวัสดิการ โดยสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สพก.จชต.)
7.โรงเรียนที่จัดการศึกษาบูรณาการและมุ่งเน้นการพัฒนาความสามรถด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี ได้แก่ (1) โรงเรียนในโครงการวิทยาศาสตร์พลังสิบระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา (2) โรงเรียนในโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียนScience Technology Innovation (STI): Smart Intensive Farming (3) โรงเรียนในโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ระดับประถมศึกษา และระดับปฐมวัย (สบว.)
8.สถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 2,360 โรงเรียน มีแผน รูปแบบ และแนวทางการดำเนินงานของสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา เครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการมัธยมศึกษาจังหวัด และสหวิทยาเขต ในการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาในพื้นที่ตามบริบทและความต้องการของโรงเรียน ทั้งภายในสถานศึกษา (สมป.)
9.สถานศึกษาที่จัดการศึกษาส่งเสริมพัฒนาศักยภาพผู้เรียนที่เหมาะสม ตามความถนัดและความสามารถด้านกีฬาและด้านทัศนศิลป์ ด้านดนตรี และด้านนาฏศิลป์ ได้แก่ โรงเรียนในโครงการห้องเรียนกีฬา จำนวน 9 โรงเรียน และโรงเรียนในโครงการพัฒนานักเรียน ผู้มีความสามารถพิเศษด้านทัศนศิลป์ ด้านดนตรี และด้านนาฏศิลป์ จำนวน 18 โรงเรียน และห้องเรียนพิเศษทุกประเภท (สบว. / ศบศ. / สวก.)
10. กลุ่มโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิไทยรัฐวิทยา จำนวน 110 โรงเรียน (สตผ.)
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย เหมาะสมกับผู้เรียนทุกกลุ่ม ได้แก่
1. สถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
2. สถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษจัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย
3. สถานศึกษาในโครงการวิจัยและต่อยอดนวัตกรรมการเรียนการสอนที่มีคุณภาพมาตรฐาน
4. สถานศึกษาในโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา และโครงการคอนเน็กซ์อีดี
5. สถานศึกษาในโครงการพัฒนาการจัดการศึกษาโรงเรียนที่ตั้งในพื้นที่ลักษณะพิเศษ
6. สถานศึกษาที่จัดการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
7. สถานศึกษาที่จัดการศึกษาบูรณาการและมุ่งเน้นการพัฒนาความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี
8. สถานศึกษาที่ส่งเสริมและสนับสนุนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาที่ได้รับการพัฒนาทักษะอาชีพ สามารถต่อยอดสู่การศึกษาต่อและสร้างงานสร้างอาชีพ
9. สถานศึกษาภายใต้โครงการพัฒนานักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา (โครงการห้องเรียนกีฬา) และโครงการพัฒนานักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษด้านทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์ และที่จัดห้องเรียนพิเศษ ทุกประเภท
10. กลุ่มโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิไทยรัฐวิทยา
b จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
(a/b)*100
แหล่งข้อมูล
สวก. / ศบศ. / สนก. / สมป. / สนผ. / สบน. / สพก.จชต. / สศศ. / สบว. / สตผ.
ตัวชี้วัดที่ 2 ร้อยละของสถานศึกษามีการนำข้อมูลสารสนเทศ มาใช้ในการรับและให้บริการการศึกษา รวมถึงการส่งต่อระดับปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเป็นระบบ
ค่าเป้าหมาย ปี 2567. ร้อยละ 93
คำอธิบาย
- ผู้เรียนปฐมวัย หมายถึง ผู้เรียนระดับก่อนประถมศึกษา
- ผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายถึง ผู้เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีการนำข้อมูลสารสนเทศของผู้เรียนเป็นรายบุคคลมาใช้ในการรับและให้บริการการศึกษา รวมถึงการส่งต่อผู้เรียน ระดับปฐมวัย และการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างเป็นระบบ
b จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล. (a/b)*100
แหล่งข้อมูล
- การติดตามของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
- ฐานข้อมูล DMC ศูนย์พัฒนาระบบข้อมูลทางการศึกษา สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตัวชี้วัดที่ 3 จำนวนของผู้เรียนที่เป็นผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ได้รับการศึกษาที่เหมาะสม ตามความจำเป็นและศักยภาพ
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ไม่น้อยกว่า 2,000,000 คน
คำอธิบาย
- ผู้เรียน หมายถึง นักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- ผู้เรียนพิการได้รับการพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทางการศึกษาที่เหมาะสมตาม ความต้องการจำเป็น หมายถึง ผู้เรียนพิการที่ได้รับการพัฒนาสมรรถภาพ หรือได้รับบริการทางการศึกษาอย่างเต็มตามศักยภาพ เหมาะสมกับประเภทความพิการตามที่กำหนดไว้ ในแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program : IEP)
- ผู้เรียนด้อยโอกาสได้รับบริการทางการศึกษาที่เหมาะสมตามความต้องการจำเป็น หมายถึง ผู้เรียนด้อยโอกาสที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก มีชีวิตความเป็นอยู่ด้อยกว่าเด็กปกติทั่วไป เนื่องจากประสบปัญหาต่าง ๆ และได้รับความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และพึ่งพาตนเองได้
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนผู้เรียนพิการได้รับการพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทางการศึกษาที่เหมาะสมตามความต้องการจำเป็น
b จำนวนผู้เรียนด้อยโอกาสได้รับบริการทางการศึกษาที่เหมาะสมตามความต้องการจำเป็น
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล. a+b
แหล่งข้อมูล
สศศ. / สนผ.
ตัวชี้วัดที่ 4 ร้อยละของนักเรียนยากจนที่ได้รับเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักเรียนยากจน
ค่าเป้าหมาย ปี 2567. ร้อยละ 100
คำอธิบาย
ร้อยละของนักเรียนที่ได้รับเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักเรียนยากจน มีแนวทาง ในการดำเนินการโดยพิจารณาจากข้อมูลประกอบ ดังนี้
1. นักเรียนยากจนที่เกณฑ์รายได้เฉลี่ยของสมาชิกครัวเรือนไม่เกิน 3,000 บาทต่อเดือน และผ่านหลักเกณฑ์การคัดกรองปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจน
2. การจัดสรรงบประมาณ โดยพิจารณาจากข้อมูลรายได้ สถานะครัวเรือน และข้อมูลประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งจะถูกนำมาคำนวณด้วยวิธีการทางสถิติแบบวัดรายได้ทางอ้อม (Proxy Mean Test : PMT) โดยกำหนดน้ำหนักให้กับสถานะครัวเรือนแต่ละด้าน ค่าน้ำหนักที่ได้จะนำมาแปลงเป็นคะแนนความยากจนของนักเรียนแต่ละคน ค่าคะแนนความยากจนจะมีระดับความยากจน ตั้งแต่จนน้อยถึงจนมากที่สุด ระดับความยากจนขึ้นอยู่กับคะแนนความยากจน เป็นค่าคะแนนสัมพันธ์อาจเปลี่ยนแปลงได้การจัดสรรงบประมาณให้นักเรียนยากจนจะจัดสรรให้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มยากจน และกลุ่มยากจนพิเศษ โดยระดับประถมศึกษา จำนวน 500 บาท/คน/ภาคเรียน (1,000 บาท/คน/ปี) และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 1,500 บาท/คน/ภาคเรียน (3,000 บาท/คน/ปี)
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนนักเรียนยากจนที่เกณฑ์รายได้เฉลี่ยของสมาชิกครัวเรือน ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนต่อเดือนและผ่านหลักเกณฑ์การคัดกรอง
b จำนวนนักเรียนยากจนที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักเรียนยากจน
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล. (a/b)*100
แหล่งข้อมูล
สนผ.
ตัวชี้วัดที่ 5. ร้อยละของเด็กออกกลางคัน ระดับการศึกษาภาคบังคับ กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หรือได้รับการศึกษา ด้วยรูปแบบที่เหมาะสม
ค่าเป้าหมาย ปี 2567. ร้อยละ 85
คำอธิบาย
เด็กออกกลางคัน หมายถึง เด็กในวัยการศึกษาภาคบังคับที่เคยเข้าเรียนในสถานศึกษาแล้ว แต่ออกจากสถานศึกษาก่อนที่จะจบการศึกษาภาคบังคับ
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนนักเรียนที่ศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา - มัธยมศึกษาตอนต้น และมีรายชื่อ อยู่ในระบบ DMC ในภาคเรียนที่ 2/2566 เปรียบเทียบกับจำนวนนักเรียนที่ศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษา - มัธยมศึกษาตอนต้น และมีชื่ออยู่ในระบบ DMC ในภาคเรียนที่ 1/2567 (ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2567)
b จำนวนนักเรียนออกกลางคัน ที่พบตัวในพื้นที่ (ไม่มีรายชื่อในระบบ DMC)
c จำนวนเด็กที่กลับเข้าระบบการศึกษา
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (c*100)/(a+b)
แหล่งข้อมูล
- ศูนย์พัฒนาระบบข้อมูลทางการศึกษา สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- กลุ่มวิจัยและพัฒนานโยบาย สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- รายงานผลการดำเนินงานตามโครงการ “พาน้องกลับมาเรียน” ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตัวชี้วัดที่ 7 ร้อยละของผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลาง ระดับดีขึ้นไป
ค่าเป้าหมาย ปี 2567. ร้อยละ 95
คำอธิบาย
นักเรียนจบระดับประถมศึกษามีคุณลักษณอันพึงประสงค์ตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 อยู่ในระดับดีขึ้นไป
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนนักเรียนที่จบระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ระดับดีขึ้นไป
b จำนวนนักเรียนที่จบระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
(a/b)*100
แหล่งข้อมูล
- สรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนที่จบระดับประถมศึกษาปีที่ 6
- ข้อมูลสรุปผลการจัดทำเอกสารหลักฐานการศึกษาระดับประถมศึกษาผ่านระบบ School MIS โดยสำนักนโยบายและแผนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ตัวชี้วัดที่ 8 ร้อยละของผู้เรียนปฐมวัยในสังกัดมีพัฒนาการสมวัย ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
ค่าเป้าหมาย ปี 2567. ร้อยละ 95
คำอธิบาย
- ผู้เรียนปฐมวัยในสังกัดมีพัฒนาการสมวัย ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา หมายถึง ผู้เรียนปฐมวัยที่ผ่านเกณฑ์การประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาในคุณภาพระดับ 3 ทั้ง 4 ด้าน ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560
- ผู้เรียนก่อนวัยเรียน ระดับเตรียมความพร้อม หมายถึง การพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปีบริบูรณ์ อย่างเป็นองค์รวมบนพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละคนให้เต็มศักยภาพ
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนผู้เรียนปฐมวัยในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ในคุณภาพระดับ 3 ทั้ง 4 ด้าน ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560
b จำนวนผู้เรียนปฐมวัยทั้งหมด ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล. (a/b)*100
แหล่งข้อมูล
สวก. / สศศ.
หมายเหตุ
- สตผ. (สพป.รายงานในระบบ e-MES ทุกปี)
- สพป. รายงานผลในระบบ e-MES (Electronic Monitoring and Evaluation System)
- สถานศึกษารายงานจำนวนผู้เรียนปฐมวัยที่มีผลการประเมินพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ในคุณภาพระดับ 3 ทั้ง 4 ด้านจากสมุดรายงานประจำตัวนักเรียนอนุบาล ไปยัง สพป.
- สวก.ประเมินพัฒนาการผู้เรียนที่จบหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 (สุ่มกลุ่มตัวอย่างผู้เรียนชั้นอนุบาลศึกษาปีที่ 3) โดยวิจัยแบบปีเว้นปีการศึกษา ซึ่งตรวจสอบคุณภาพพัฒนาการผู้เรียนทั้ง 4 ด้านตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560
ตัวชี้วัดที่ 9 ร้อยละของผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะ และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 95
คำอธิบาย
- ผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะ และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 หมายถึง ผู้เรียนที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะและทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบด้วย
3R ได้แก่
Reading : อ่านออก
(W) Riting : เขียนได้
และ (A)Rithmetic : คิดเลขเป็น
8C ได้แก่
1. Critical thinking and problem solving :
ทักษะการคิดวิเคราะห์ อย่างมีวิจารณญาณและสามารถแก้ปัญหาได้
2. Creativity and innovation :
ทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์และการคิดเชิงนวัตกรรม
3. Cross-cultural understanding :
ความเข้าใจในความแตกต่างและกระบวนการคิดของแต่ละวัฒนธรรม
4. Collaboration teamwork and leadership :
ความสามารถในการร่วมมือกันทำงานเป็นทีม และมีภาวะความเป็นผู้นำ
5. Communication information and media literacy :
ทักษะในการสื่อสารข้อมูล และการรู้เท่าทันสื่อ
6. Computing and IT literacy :
ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ และความเข้าใจในเทคโนโลยี
7. Career and learning skills :
ทักษะด้านอาชีพและความสามารถในการเรียนรู้
8. Compassion :
ความมีเมตตากรุณา มีคุณธรรม รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมไปถึงการมีระเบียบวินัย
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนนักเรียนที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะ และทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21
b จำนวนนักเรียนทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
(a/b)*100
แหล่งข้อมูล
สวก.
ตัวชี้วัดที่ 10 ร้อยละของผู้เรียนได้รับการส่งเสริมพหุปัญญา จากการคัดกรอง/สำรวจแวว/วัดความสามารถความถนัดของผู้เรียน
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 70
คำอธิบาย
การส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพตามพหุปัญญา หมายถึง การที่ผู้เรียนในสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับการคัดกรอง/สำรวจแวว/วัดความสามารถความถนัด ผ่านระบบข้อมูลพหุปัญญาระบบเดียว ที่สามารถประมวลและติดตามพหุปัญญาด้านที่โดดเด่นของผู้เรียน รวมถึงมีแนวทางการพัฒนาความโดดเด่นในแต่ละด้านของ พหุปัญญานั้น สำหรับเป็นแนวทางให้ครูผู้สอนนำไปปรับใช้ในการจัดการเรียนรู้และส่งเสริมการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนตามความฉลาด (เชาว์ปัญญา) รองรับการส่งต่อการพัฒนา ตามพหุปัญญาไปยังระดับชั้น/ระดับการศึกษาที่สูงขึ้นหรือการส่งต่อระหว่างสถานศึกษาต่างสังกัดกัน เพื่อให้คนไทยทุกคนมีโอกาสได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพมากขึ้น
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนของเด็กนักเรียน ป.3 - ม.6 ที่ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพตามพหุปัญญา
b จำนวนเด็กนักเรียน ป.3 - ม.6 ที่ได้รับการคัดกรองฯ และค้นพบศักยภาพตามพหุปัญญา
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล. (a/b)*100
แหล่งข้อมูล
- สวก. ให้สถานศึกษาดำเนินการสำรวจแววนักเรียน ป.3 - ม.6 ปีการศึกษาละ 1 ครั้ง โดยใช้แบบสำรวจวัดแววความสามารถพิเศษด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ สวก. ได้พัฒนาขึ้น (https://mi-test.obec.go.th)
- สตผ. เก็บข้อมูลตัวชี้วัดเขต สพท. (ร้อยละของสถานศึกษาที่สามารถจัดการเรียนการสอนตามพหุปัญญา ร้อยละของนักเรียนได้รับการคัดกรองเพื่อพัฒนาพหุปัญญารายบุคคล)
ตัวชี้วัดที่ 11. ร้อยละของสถานศึกษาที่สอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ส่งเสริมการประเมินความฉลาดรู้ตามแนวทางการประเมิน PISA ให้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับการประเมินระดับนานาชาติ
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 80
คำอธิบาย
- ส่งเสริมการประเมินความฉลาดรู้ตามแนวทางการประเมิน PISA หมายถึง การช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกของสถานศึกษาเพื่อให้นักเรียนได้รับการประเมินความฉลาดรู้จากเครื่องมือประเมินตามแนวทาง PISA ทั้งแบบ Computer based Assessment อาทิ ระบบ PISA-Style Online Testing และทั้งจาก Paper based Assessment
- ความพร้อมรับการประเมินระดับนานาชาติ หมายถึง นักเรียนในสถานศึกษาที่ได้รับ การประเมินความฉลาดรู้อย่างต่อเนื่อง มีความคุ้นชิ้นกับการสอบด้วยคอมพิวเตอร์ และกระบวนการคิดแก้ปัญหาจากเครื่องมือประเมินตามแนวทางการประเมิน PISA
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาที่เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ส่งเสริมการประเมินความฉลาดรู้ตามแนวทางการประเมิน PISA ให้กับนักเรียนให้มีความพร้อมรับการประเมินระดับนานาชาติ
b จำนวนสถานศึกษาที่เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b)*100
แหล่งข้อมูล. สทศ.
ตัวชี้วัดที่ 12 สัดส่วนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีผลการทดสอบ O-NET ใน 4 วิชาหลัก (ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป ต่อจำนวนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เข้ารับการทดสอบ (ร้อยละในแต่ละวิชาภาษาไทย : ภาษาอังกฤษ : คณิตศาสตร์ : วิทยาศาสตร์)
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 83 : 10 : 7 : 8
คำอธิบาย
ร้อยละของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีผลการทดสอบ O-NET เฉลี่ยรวม 4 วิชา (ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ) ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากปีที่ผ่านมา
ข้อมูลที่ใช้
ผลการทดสอบ O-NET ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2566 เปรียบเทียบกับปีการศึกษา 2565
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการทดสอบ O-NET ใน 4 วิชาหลัก (ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2566 วิเคราะห์ผลโดย สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
แหล่งข้อมูล สทศ.
ตัวชี้วัดที่ 13 ร้อยละของสถานศึกษาในสังกัด ที่มีหลักสูตรสถานศึกษาที่ยืดหยุ่นตอบสนองต่อความถนัดและความสนใจของผู้เรียน
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 80
คำอธิบาย
- หลักสูตรสถานศึกษา หมายถึง แผนหรือแนวทางหรือข้อกำหนดของการจัดการศึกษา ที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถ โดยส่งเสริมให้แต่ละบุคคลพัฒนาไปสู่ศักยภาพสูงสุดของตน รวมถึงลำดับขั้นของมวลประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้สะสมซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ไปสู่การปฏิบัติได้ประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ด้วยตนเอง รู้จักตนเอง มีชีวิตอยู่ในโรงเรียน ชุมชน สังคม และโลกอย่างมีความสุข
- หลักสูตรสถานศึกษาที่ยืดหยุ่น หมายถึง แผนหรือแนวทางหรือข้อกำหนดของการจัดการศึกษาที่เอื้อให้ผู้เรียนได้มีโอกาสเลือกเรียนตามความสนใจ และความถนัดของตนเอง เป็นหลักสูตรที่มีรูปแบบวิธีการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เอื้อต่อวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีทางเลือกในการเรียนรู้ เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาที่มีหลักสูตรสถานศึกษาที่ยืดหยุ่นตอบสนองต่อความถนัดและความสนใจของผู้เรียน
b จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a / b) * 100
แหล่งข้อมูล สวก. / สศศ. / สมป.
ตัวชี้วัดที่ 14 ร้อยละของสถานศึกษาได้รับการพัฒนาให้มีความรู้ความเข้าใจในการสร้างนวัตกรรมการบริหาร เพื่อพัฒนาผู้เรียนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 70
คำอธิบาย
- สถานศึกษา หมายถึง โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
- นวัตกรรมการบริหาร หมายถึง เทคนิควิธี กระบวนการ การคิดค้นรูปแบบการบริหารจัดการ การพัฒนาแนวทาง และการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ใหม่เพื่อการบริหารจัดการสถานศึกษาที่ช่วยให้โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้เกิดการจัดการเรียนการสอนให้กับผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้เรียน หมายถึง นักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
- เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หมายถึง การพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุล ทั้ง 3 มิติของการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบบูรณาการให้เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ ซึ่งเป็นวาระของประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ ประกอบด้วย17 เป้าหมาย ประกอบด้วย 1) การขจัดความยากจน 2) การขจัดความหิวโหย 3) การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี 4) การศึกษาที่มีคุณภาพ 5) ความเท่าเทียมทางเพศ 6) การมีน้ำสะอาดและสุขาภิบาลที่ดี 7) การมีพลังงานสะอาด 8) การมีอาชีพและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี9) การมีอุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน 10) การลดความเหลื่อมล้ำ 11) การมีเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน 12) การบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ 13) การปฏิบัติการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม 14) การใช้ทรัพยากรในมหาสมุทรอย่างยั่งยืน 15) การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน 16) การมีสันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบัน ที่เข้มแข็ง 17) การร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมของโครงการพัฒนานวัตกรรมการบริหารสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
b จำนวนสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a / b) * 100
แหล่งข้อมูล สนก.
ตัวชี้วัดที่ 15 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และมีการวัด และประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน (Assessment for Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล (Personalized Learning)
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 80
คำอธิบาย
- สถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และมีการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน (Assessment for Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล (Personalized Learning) หมายถึง โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานขับเคลื่อนการจัดการศึกษาของโรงเรียน ด้วยแนวคิดของการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
- การจัดการเรียนรู้เชิงรุก หมายถึง กระบวนการพัฒนาผู้เรียนที่เน้นการให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ควบคู่กับการใช้การวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ของผู้เรียนในการตรวจสอบความก้าวหน้าทางการเรียนเป็นรายบุคคล
- การนิเทศเพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และมีการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน (Assessment for Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล (Personalized Learning) หมายถึง กระบวนการปฏิบัติงานของศึกษานิเทศก์ ในการนิเทศ ติดตาม ประเมินผล ช่วยเหลือ แนะนำให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาในเรื่อง 1) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และ 2) เรื่องการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน (Assessment for Learning) โดยศึกษานิเทศก์ใช้รูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน/การสังเกตการสอนในชั้นเรียน เริ่มจากการร่วมวางแผนออกแบบการจัดการเรียนรู้การสอน การสังเกตการสอน การให้ข้อมูลสะท้อนกลับ การชี้แนะ ให้คำปรึกษา ร่วมแก้ไขปัญหา และร่วมพัฒนา ต่อยอดการจัดการเรียนการสอนของครู
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาที่มีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และมีการวัด และประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน (Assessment for Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล (Personalized Learning)
b จำนวนสถานศึกษาที่ได้รับการนิเทศ ติดตาม ประเมินผล ช่วยเหลือ แนะนำให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษา ในเรื่อง 1) การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) และ 2) เรื่องการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน (Assessment for Learning) ด้วยวิธีการที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล
c จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a+b/c)*100
แหล่งข้อมูล สวก. / สนก. / ศนฐ. / สศศ.
ตัวชี้วัดที่ 16 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ครู ให้เข้าถึงแพลตฟอร์มสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน การวัด ประเมิน และพัฒนาผู้เรียน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล สำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 100
คำอธิบาย
1. สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการขับเคลื่อน พัฒนาครู ให้เข้าถึงแพลตฟอร์มสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน การวัด ประเมิน เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ให้นักเรียนเป็นรายบุคคล
2. แพลตฟอร์มเพื่อการวัดและประเมิน หมายถึง ฮาร์ดแวร์ที่เป็นโปรแกรมระบบข้อสอบออนไลน์ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับการประเมินความรู้ ความเข้า ทักษะ สามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต และสมาร์ทโฟน โดยรองรับการใช้งานกับเว็บเบราเซอร์ทุกประเภท และทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ ตามมาตรฐานสากล Web Content Accessibility Guidelines (WCAG)
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ส่งเสริม และพัฒนาผู้เรียน ครูให้เข้าถึงแพลตฟอร์มสื่อการเรียนรู้
b จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a / b) * 100
แหล่งข้อมูล การติดตามของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา / สทร. / สทศ. / สศศ.
ตัวชี้วัดที่ 17 ร้อยละของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับการพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 90
คำอธิบาย
- การพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR มีหลากหลายรูปแบบ เช่น
1. การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-learning)
2. การเข้ารับการพัฒนารูปแบบออนไลน์ เช่น MOOC, Webinar, e-Conferencing,
Social media platform, Learning platform, e-Learning และสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล (Digital content/media)
3. การเข้ารับการพัฒนารูปแบบออนไซต์ เช่น สถานศึกษา ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคล เพื่อความเป็นเลิศ (HCEC) เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงาน และหน่วยพัฒนาอื่น ๆ
4. การศึกษาต่อระดับที่สูงขึ้นในประเทศและต่างประเทศ
5. การศึกษาดูงาน การฝึกอบรม การไปทัศนศึกษาในประเทศและต่างประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร
6. การสอบวัดระดับตามความสามารถทางภาษาอังกฤษในสถานศึกษา ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (HCEC) เขตพื้นที่การศึกษา และศูนย์สอบอื่น ๆ
7. การพัฒนาที่เกี่ยวข้องในรูปแบบอื่น ๆ
- กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษาของ สพฐ. มีดังนี้
1. ระดับสถานศึกษา
- ผู้บริหารสถานศึกษา
- ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และทุกรายวิชา
- พนักงานราชการครูทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และทุกรายวิชา
2. ระดับเขตพื้นที่การศึกษา
- ผู้บริหารการศึกษา
- ข้าราชการที่ปฏิบัติราชการทุกกลุ่มงาน
- พนักงานราชการทุกกลุ่มงาน
3. ระดับ สพฐ.
- ผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารทุกสำนัก
- ข้าราชการที่ปฏิบัติราชการทุกกลุ่มงาน
- พนักงานราชการและบุคลากรทุกกลุ่มงาน
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาของ สพฐ. ที่ได้รับการพัฒนาความสามารถ ทางภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR
b จำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาของ สพฐ.
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b)*100
แหล่งข้อมูล ศบศ. / สศศ.
ตัวชี้วัดที่ 18 ร้อยละของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สามารถบริหารจัดการและจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อการพัฒนาสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 60
คำอธิบาย
การจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning)เป็นกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและมีปฏิสัมพันธ์กับกิจกรรมการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติที่หลากหลาย เช่น การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การระดมสมอง การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การทำกรณีศึกษา การเรียนรู้แบบโครงงาน การเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การสื่อสาร/นำเสนอ และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างเหมาะสม ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนและระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง ผู้สอนมีบทบาทในการกระตุ้นให้ผู้เรียนทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึง การจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเรียนรู้
- การจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หมายถึง กระบวนการ กิจกรรม โครงการ โครงงาน เทคนิค วิธีการ หรือขั้นตอนของการจัดการเรียนรู้ และส่งผลให้ผู้เรียนมีสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ใน 5 สมรรถนะ ได้แก่
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- ครูและบุคลากรทางการศึกษา หมายถึง
1. ครูผู้สอน ทุกระดับชั้น ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ สามารถจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
2. ผู้บริหารสถานศึกษา (ผู้อำนวยการโรงเรียน/รองผู้อำนวยการโรงเรียน) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ที่ส่งผลต่อสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
3. ผู้บริหารการศึกษา (ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา/รองผู้อำนวยการ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา) ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ที่ส่งผลต่อ
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
4. ศึกษานิเทศก์ ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ที่ส่งผลต่อสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สามารถบริหารจัดการเรียนรู้เชิงรุกที่ส่งผลต่อสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
b จำนวนผู้บริหารการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครู ทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b)*100
แหล่งข้อมูล ศบศ. / สวก. / สนก. / สบว. / สมป. / สศศ. / ศนฐ. / สทร.
ตัวชี้วัดที่ 19 ร้อยละของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ หรือการปฏิบัติงาน
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 100
คำอธิบาย
1.การนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ หมายถึง การใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐาน การใช้งานอินเตอร์เน็ต การใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล การสร้างสื่อออนไลน์ การใช้ Web Applicationและเทคโนโลยีดิจิทัล อื่น ๆ ในการจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน
2.การนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการปฏิบัติงาน หมายถึง การใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์พื้นฐาน การใช้งานอินเตอร์เน็ต การใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ และเทคโนโลยีดิจิทัลอื่น ๆ มาใช้ในการปฏิบัติงาน หรือประยุกต์ใช้เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
- กลุ่มเป้าหมายครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน มีดังนี้
1. ระดับสถานศึกษา
- ผู้บริหารสถานศึกษา
- ครูผู้สอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และทุกรายวิชา
- พนักงานราชการครูทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้และทุกรายวิชา
2. ระดับเขตพื้นที่การศึกษา
- ผู้บริหารการศึกษา
- ข้าราชการที่ปฏิบัติราชการทุกกลุ่มงาน
- พนักงานราชการทุกกลุ่มงาน
3. ระดับ สพฐ.
- ผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารทุกสำนัก
- ข้าราชการที่ปฏิบัติราชการทุกกลุ่มงาน
- พนักงานราชการและบุคลากรทุกกลุ่มงาน
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการจัดการเรียนรู้หรือบริหาร หรือการปฏิบัติงานได้
b จำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b)*100
แหล่งข้อมูล ศบศ. / สทร. / สศศ. / สมป.
ตัวชี้วัดที่ 20 ร้อยละของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการพัฒนาบริหารจัดการ และการให้บริการการศึกษา ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 98
คำอธิบาย หน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียนในสังกัด) มีการพัฒนาระบบบริหารจัดการและการให้บริการการศึกษาที่เป็นดิจิทัล โดยการนำข้อมูลที่อยู่ในระบบสารสนเทศของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือระบบสารสนเทศที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพัฒนา หรือระบบสารสนเทศที่สถานศึกษาพัฒนาขึ้น หรือการนำแอพลิเคชั่น Social Media ต่าง ๆมาใช้เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา ได้ครบทั้ง 4 ด้าน (ด้านบริหารงานทั่วไป ด้านแผนงานและงบประมาณ ด้านบริหารงานบุคคล และด้านวิชาการ) เพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจของผู้บริหาร หรือใช้ในบริหารจัดการศึกษา เช่น การวางแผนการรับนักเรียน การบริหารจัดการงานสารบรรณ งานบุคลากร เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนด และเกิดประโยชน์สูงสุด
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาใช้ระบบบริหารจัดการที่เป็นดิจิทัล ครบทั้ง 4 ด้าน
b จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b)*100
แหล่งข้อมูล สทร.
ตัวชี้วัดที่ 21 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีผลการประกันคุณภาพภายในระดับดีเลิศขึ้นไป
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 80
คำอธิบาย
- ผลการประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกเป็น กำลังพัฒนา ปานกลาง ดี ดีเลิศ ยอดเยี่ยม
- มาตรฐานการประเมินคุณภาพภายในมี 3 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและจัดการ มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
- จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีผลการประเมินคุณภาพภายใน ภาพรวม ระดับดีเลิศขึ้นไป
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีผลการประเมินคุณภาพภายในระดับดีเลิศ และยอดเยี่ยม
b จำนวนสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a / b) * 100
แหล่งข้อมูล สทศ.
ตัวชี้วัดที่ 22 ร้อยละของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ITA Online
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 90
คำอธิบาย
หน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายถึง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข้อมูลที่ใช้
1. ผลการประเมิน ITA Online ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
2. ผลการประเมิน ITA Online ของสถานศึกษา
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
นำเข้าข้อมูลจากระบบการประเมิน ITA Online
แหล่งข้อมูล
สนก. (ผลการประเมิน ITA ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา)
สพท. (ผลการประเมิน ITA ของสถานศึกษา)
ตัวชี้วัดที่ 23 ร้อยละของสถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา สถานศึกษาในเขตพื้นที่ลักษณะพิเศษ เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (EEC) และสถานศึกษาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษาตามบริบทพื้นที่
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 100
คำอธิบาย
- สถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง สถานศึกษาที่ทดลองนำร่องการปฏิรูปการบริหารและการจัดการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จำนวน 19 จังหวัด จำแนกตามภูมิภาค ดังนี้ 1) ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย 2) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ 3) ภาคกลาง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด และ 4) ภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยมีการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษาตามบริบทพื้นที่ ซึ่งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษามีคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา หรือสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด จัดให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษานำร่องได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาหรือชุมชน
- สถานศึกษาในเขตพื้นที่ลักษณะพิเศษ หมายถึง โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลักษณะพิเศษ กลุ่มโรงเรียนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดารและโรงเรียนพื้นที่เกาะ
- สถานศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ หมายถึง สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดยะละ จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสตูล และสี่อำเภอจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะอำเภอนาทวี อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอเทพา ได้รับการสนับสนุนงบบประมาณ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อดำเนินการ 1) ด้านการรักษาความปลอดภัย 2) ด้านการสร้างโอกาสทางการศึกษา 3) ด้านการพัฒนาคุณภาพการศึกษา 4) ด้านการส่งเสริมสวัสดิการ โดยสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
- สถานศึกษาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ หมายถึง สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจใหม่บริเวณชายแดน โดยตั้งอยู่ใน 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย กาญจนบุรี นราธิวาส หนองคาย นครพนม ตราด สงขลา ตาก สระแก้ว และมุกดาหาร (นำร่องปี 2567 จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ ตาก ตราด สระแก้ว) จำนวน 51 โรงเรียน ที่ได้รับการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อพัฒนาสถานศึกษา และจัดทำแผนและกลยุทธ์สถานศึกษาเพื่อรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone : SEZ)
- สถานศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC หมายถึง สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา จำนวน 80 โรงเรียน ที่ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะ นวัตกรรม สามารถยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา และมีความพร้อมในการบริหารจัดการศึกษารองรับตลาดแรงงานและอุตสาหกรรมเป้าหมายอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC)
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนสถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพ การจัดการศึกษาตามบริบทพื้นที่
b จำนวนสถานศึกษาในเขตพื้นที่ลักษณะพิเศษที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการศึกษา
c สถานศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC
d สถานศึกษานำร่อง 3 จังหวัดในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ)
e จำนวนสถานศึกษาในแต่ละโครงการ
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a+b+c+d/e)*100
แหล่งข้อมูล สบน. / สนผ. / สพก.จชต. / สมป.
ตัวชี้วัดที่ 24 ร้อยละของโรงเรียนคุณภาพที่มีการบริหารจัดการและการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้สำเร็จตามเป้าหมาย
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 85
คำอธิบาย
โรงเรียนคุณภาพ หมายถึง โรงเรียนในกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการพัฒนาตามแนวทางที่สอดคล้องกับบริบท ยกระดับการศึกษาให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสให้นักเรียนได้เข้าถึงการศึกษาที่ดี ได้รับการพัฒนาทั้งด้านทักษะวิชาการ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 โดยมีแนวทาง ดังนี้
1. พัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนคุณภาพ ระดับประถมศึกษา ให้สามารถรองรับนักเรียนโรงเรียนเครือข่ายโดยรอบให้มีการเรียนรวมที่โรงเรียนคุณภาพ (โรงเรียนหลัก) มีการแบ่งปันทรัพยากรทางการศึกษาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ ส่งผลให้ผู้ปกครองและชุมชนเกิดความเชื่อมั่น
2. ส่งเสริมให้โรงเรียนคุณภาพ ระดับมัธยมศึกษา มีศักยภาพทั้งในด้านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ด้านวัสดุอุปกรณ์ สื่อและเทคโนโลยีที่มีความพร้อมด้านการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ดึงดูดนักเรียนจากโรงเรียนแข่งขันสูง สามารถรองรับนักเรียนโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาที่เป็นโรงเรียนเครือข่ายโดยรอบ เป็นทางเลือกให้แก่ผู้ปกครองและชุมชน
3. ส่งเสริมให้โรงเรียนที่สามารถดำรงตนอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ (Stand Alone) ได้รับ การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน เสริมสร้างทักษะชีวิตและทักษะอาชีพให้เหมาะสมตามบริบทพื้นที่ เชื่อมโยงสู่อาชีพและการมีงานทำของนักเรียน
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนโรงเรียนคุณภาพได้รับการพัฒนาและผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพ
b จำนวนโรงเรียนคุณภาพที่เข้าร่วมโครงการ
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b)*100
แหล่งข้อมูล สนก.
ตัวชี้วัดที่ 25 จำนวนครั้งของประชากรที่เข้าถึงระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล หลักสูตร สื่อ และแหล่งเรียนรู้ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ของ สพฐ.
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 1,000,000 ครั้ง
คำอธิบาย
1.ข้อมูลจำนวนประชากรที่เข้าถึงสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจากแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัลของ สพฐ. เช่น สื่อการเรียนรู้ หลักสูตร และแหล่งเรียนรู้ เป็นต้น ที่เผยแพร่เนื้อหาอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองและประชาชน สามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) (สทร.)
2.ชุมชนนวัตกรรมการเรียนรู้ (OBEC Learning Community) คือ แพลตฟอร์มเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างสรรค์เนื้อหา(Content) และนวัตกรรม ที่เกี่ยวข้องกับออกแบบกระบวนการเรียนรู้ (Learning Design) รวมถึงการศึกษาในมิติต่าง ๆ ซึ่งสร้างสรรค์และเลือกเรียนรู้หรือพัฒนาได้โดยผู้ใช้เองตามความต้องการอย่างแท้จริง ตอบโจทย์และทันสมัย ภายใต้ระบบนิเวศการเรียนรู้ (Learning Ecosystem) ยุคใหม่ เน้นการกระจายอำนาจทางการเรียนรู้ ลดภาระงบประมาณการผลิตสื่อจากส่วนกลาง พร้อมทั้งส่งเสริมวิธีการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้ (Learning Style) ที่หลากหลาย และสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนรายบุคคล (Personalized Learning) ตอบสนองเส้นทางการเติบโตที่เหมาะสมกับการพัฒนาของโลกยุคใหม่ ด้วยกลไกการสร้างพื้นที่ปฏิบัติการทางสังคม (Social Lab) ในมิติการศึกษา ที่ผู้เรียน ครู และผู้เกี่ยวข้องทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์และมีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม (สนก.)
3.ข้อมูลจำนวนครั้งของประชาชนที่เข้าเว็บไซต์สำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้บริการเผยแพร่เนื้อหาอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการดำเนินงาน ของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ข้อมูลจำนวนสถานศึกษานำร่องรายพื้นที่ รวมถึงกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา (สบน.)
4.ข้อมูลจำนวนประชากรที่เข้าถึงเอกสารข้อมูล สารสนเทศ และสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล จากเว็บไซต์ของสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ. ที่เผยแพร่เนื้อหาอิเล็กทรอนิกส์ สามารถเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไปสามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) (สวก.)
5.ข้อมูลจำนวนครั้งของประชากรที่เข้าถึงระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านเว็บไซต์ ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ทั่วประเทศในการศึกษาค้นคว้าหลักสูตรสถานศึกษา ได้แก่ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับผู้เรียนพิการ ครู ประชาชน ผู้เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงเพื่อใช้ในการศึกษา และนำไปพัฒนาการจัดการศึกษาให้กับผู้เรียนพิการ หรือจำนวนครั้งของประชากรที่เข้าเว็บไซต์ของสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้บริการเนื้อหา หลักสูตร สื่อ ตลอดจนข้อมูลสถานศึกษา และข้อมูลการติดต่อ (สศศ.)
6.ข้อมูลจำนวนครั้งของประชาชนที่เข้าเว็บไซต์สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้บริการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงาน ของสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลายข้อมูล ข่าวประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับครูและบุคลากรทางการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา (สมป.)
7. จำนวนครั้งที่นักเรียนและโรงเรียน เข้าสอบผ่านระบบ PISA STYLE ONLINE TESTING ระบบการสอบออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนได้รับการประเมิน ความฉลาดรู้ตามแนว PISA มีข้อสอบความฉลาดรู้ตามแนวทางการประเมิน PISA ด้านความฉลาดรู้ด้านการอ่าน ด้านวิทยาศาสตร์ และด้านคณิตศาสตร์ จำนวนรวม 300 ข้อ สามารถเข้าสอบได้ทุกที่ทุกเวลา โดยให้บริการกับนักเรียนทุกสังกัดและบุคคลทั่วไปที่สนใจ โดยผู้สอบต้องมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ ใช้เวลาทำข้อสอบทั้งฉบับประมาณ 2 ชั่วโมง (สทศ.)
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนประชากรที่เข้าถึงสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจากแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัลของ สพฐ.
b จำนวนกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากผู้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในระบบชุมชนนวัตกรรมการเรียนรู้(OBEC Learning Community)
c จำนวนครั้งของประชาชนที่เข้าเว็บไซต์สำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
d จำนวนครั้งของประชาชนที่เข้าถึงเอกสารข้อมูล สารสนเทศ และสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลจากเว็บไซต์ของสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ. (สวก.)
e จำนวนครั้งของประชากรที่เข้าถึงระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านเว็บไซต์ของศูนย์การศึกษาพิเศษหรือเว็บไซต์ของสถานศึกษาสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.)
f จำนวนประชาชนที่เข้าใช้งานเว็บไซด์สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย (สมป.)
g จำนวนนักเรียนและจำนวนโรงเรียนในสังกัด สพฐ. ที่เข้าสอบผ่านระบบ PISA STYLE ONLINE TESTING(สทศ.)
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล a+b+c+d+e+f+g
แหล่งข้อมูล สทร. / สวก. / สศศ. / สมป. / สนก. / สบน. / สทศ.
ตัวชี้วัดที่ 26 ร้อยละของโครงการของหน่วยงานในสังกัด สพฐ. ที่บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามค่าเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 50
คำอธิบาย
1. โครงการของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ส่วนกลาง) หมายถึง โครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ตามแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และโครงการใหม่ที่จัดทำขึ้นระหว่างปีงบประมาณ รวมถึงโครงการ/การดำเนินงาน ที่ไม่ใช้งบประมาณ ที่มีการดำเนินการ และนำเข้าข้อมูลโครงการ/การดำเนินงานในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ในส่วนกลาง
2. การบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ หมายถึง ผลการดำเนินงานโครงการ/การดำเนินงานเปรียบเทียบกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติที่สอดคล้องกับโครงการนั้น ๆ
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนโครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ตามแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และโครงการใหม่ที่จัดทำขึ้นระหว่างปีงบประมาณ รวมถึงโครงการ/การดำเนินงาน ที่ไม่ใช้งบประมาณ ที่มีการดำเนินการ และนำเข้าข้อมูล ในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) ของส่วนกลางที่บรรลุ ผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติที่สอดคล้องกับโครงการนั้น ๆ
b โครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ตามแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และโครงการใหม่ที่จัดทำขึ้นระหว่างปีงบประมาณ รวมถึงโครงการ/ การดำเนินงาน ที่ไม่ใช้งบประมาณ ที่มีการดำเนินการ และนำเข้าข้อมูลในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) ของส่วนกลาง
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b) *100
แหล่งข้อมูล
1. สำนัก/หน่วยงานเทียบเท่าสำนัก ในสังกัด สพฐ. (ส่วนกลาง)
2. ระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
ตัวชี้วัดที่ 27 ร้อยละความสำเร็จของกระบวนงานที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นดิจิทัล (สัดส่วนของกระบวนงานที่ปรับเปลี่ยนให้เป็นดิจิทัลต่อกระบวนงานทั้งหมดที่สามารถปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล)
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 60
คำอธิบาย
กระบวนงานที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นดิจิทัล ได้รับการขับเคลื่อนกระบวนงานภาครัฐให้สามารถปฏิบัติงานในลักษณะดิจิทัล เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ที่ให้เปลี่ยนแปลงการทำงานของภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัล โดยได้พิจารณาจาก
1. กระบวนงานบริการที่ปรากฏในคู่มือประชาชนตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ระดับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่
- การให้บริการเทียบวุฒิการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- การจัดสอบวัดระดับความสามารถในการใช้ภาษาไทย (Thai Competency test) สำหรับชาวต่างประเทศ
- การขอจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียนตามสิทธิของบุคคล (มีผู้เรียนจำนวนเกินกว่า 100คน)
- การขอจดทะเบียนเป็นผู้ผลิตสื่อการเรียนรู้
- การขออนุญาตให้ใช้สื่อการเรียนรู้ของเอกชนในสถานศึกษา (ตรวจก่อนจัดจำหน่าย)
- การขออนุญาตให้ใช้สื่อการเรียนรู้ของเอกชนในสถานศึกษา (ตรวจหลังจัดจำหน่าย)
- การเบิกสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ค่าศึกษาเล่าเรียนบุตร
- การขอรับบำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการผู้เกษียณอายุราชการ
2. กระบวนงานบริการอื่น ๆ ระดับ สพฐ. ที่มิได้ปรากฏในคู่มือประชาชน
- การให้บริการตรวจสอบวุฒิการศึกษาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ (API)ระหว่างหน่วยงาน กระบวนงานอื่น ๆ ที่สนับสนุนการบริหารจัดการ และ/หรือการปฏิบัติราชการ
ข้อมูลที่ใช้
a กระบวนงานตามคู่มือประชาชน ระดับ สพฐ. และกระบวนงานอื่น ๆ
b กระบวนงานตามคู่มือประชาชน ระดับ สพฐ.
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล. (a/b)*100
แหล่งข้อมูล. กพร. / สำนักส่วนกลาง
ตัวชี้วัดที่ 28 ร้อยละของผู้เรียน ที่มีความรู้ความเข้าใจ และทักษะเพื่อรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบและทุกประเภท
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 100
คำอธิบาย
- ผู้เรียน หมายถึง ผู้เรียนในสังกัด ที่เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริม สนับสนุน สร้างการรับรู้ให้มีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันภัยคุกคาม รูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ รู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี สามารถป้องกันตนเองและแก้ปัญหา จากภัยคุกคามทุกรูปแบบ ได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งในการดำเนินชีวิตวิถีใหม่และชีวิตวิถีถัดไป
- ขอบข่ายความปลอดภัยของสถานศึกษา 4 กลุ่มภัย มีองค์ประกอบดังนี้
1. ภัยที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงของมนุษย์ (Violence)
1) การล่วงละเมิดทางเพศ
2) การทะเลาะวิวาท
3) การกลั่นแกล้งรังแก
4) การชุมนุมประท้วงและการจลาจล
5) การก่อวินาศกรรม
6) การระเบิด
7) สารเคมีและวัตถุอันตราย
8) การล่อลวง ลักพาตัว
2. ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ (Accident)
1) ภัยธรรมชาติ
2) ภัยจากอาคารเรียน สิ่งก่อสร้าง
3) ภัยจากยานพาหนะ
4) ภัยจากการจัดกิจกรรม
5) ภัยจากเครื่องมือ อุปกรณ์
3. ภัยที่เกิดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ (Right)
1) การถูกปล่อยปละ ละเลย ทอดทิ้ง
2) การคุกคามทางเพศ
3) การไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม
4. ภัยที่เกิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness)
1) ภาวะจิตเวช
2) ติดเกม
3) ยาเสพติด
4) โรคระบาดในมนุษย์
5) ภัยไซเบอร์
6) การพนัน
7) มลภาวะเป็นพิษ
8) โรคระบาดในสัตว์
9) ภาวะทุพโภชนาการ
ข้อมูลที่ใช้
a จำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนในการสร้างการรับรู้
ให้มีความรู้ความเข้าใจในภัยคุกคาม รูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ รู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยี สามารถป้องกันตนเองและแก้ปัญหา จากภัยคุกคามทุกรูปแบบ ได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
b จำนวนนักเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b)*100
แหล่งข้อมูล ศป.สพฐ.
ตัวชี้วัดที่ 29 ร้อยละของสถานศึกษาที่มีการประเมินความเสี่ยง และมีแผน/มาตรการ กิจกรรมในการสร้างความตระหนักรู้ (Safety Awareness) หรือทักษะในการรับมือด้านความปลอดภัย (Safety Action) ทุกรูปแบบ และมีการดำเนินการตามแผนอย่างเป็นระบบ
ค่าเป้าหมาย ปี 2567 ร้อยละ 100
คำอธิบาย
- สถานศึกษา หมายถึง สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
- ความเสี่ยง คือ ความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งอาจเกิดขึ้นและเป็นอันตรายต่อสถานศึกษา
- ขอบข่ายความปลอดภัยของสถานศึกษา 4 กลุ่มภัย มีองค์ประกอบดังนี้
1. ภัยที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงของมนุษย์ (Violence)
1) การล่วงละเมิดทางเพศ
2) การทะเลาะวิวาท
3) การกลั่นแกล้งรังแก
4) การชุมนุมประท้วงและการจลาจล
5) การก่อวินาศกรรม
6) การระเบิด
7) สารเคมีและวัตถุอันตราย
8) การล่อลวง ลักพาตัว
2. ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ (Accident)
1) ภัยธรรมชาติ
2) ภัยจากอาคารเรียน สิ่งก่อสร้าง
3) ภัยจากยานพาหนะ
4) ภัยจากการจัดกิจกรรม
5) ภัยจากเครื่องมือ อุปกรณ์
3. ภัยที่เกิดจากการถูกละเมิดสิทธิ์ (Right)
1) การถูกปล่อยปละ ละเลย ทอดทิ้ง
2) การคุกคามทางเพศ
3) การไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคม
4. ภัยที่เกิดจากผลกระทบทางสุขภาวะทางกายและจิตใจ (Unhealthiness)
1) ภาวะจิตเวช
2) ติดเกม
3) ยาเสพติด
4) โรคระบาดในมนุษย์
5) ภัยไซเบอร์
6) การพนัน
7) มลภาวะเป็นพิษ
8) โรคระบาดในสัตว์
ข้อมูลที่ใช้
a สถานศึกษาที่มีการประเมินความเสี่ยงและมีการจัดทำแผน/มาตรการด้านความปลอดภัย
b สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด
วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล (a/b)*100
แหล่งข้อมูล ศป.สพฐ.