ผางประทีส หรือผางประทีป (อ่าน “ผางผะดี้ด หรือผางผะตี๊บ”)
ความเป็นมา
นอกจากนี้ผางประทีบยังใช้จุดบูชาเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ เพื่อสักการะต่อสิ่งต่างๆ ที่ได้ใช้ประโยชน์เช่น ประตูบ้าน บ่อน้ำ ยุ้งข้าว เตาไฟ บันได รั้วกำแพงบ้าน ฯลฯ และยังเป็นการบูชาแสงสว่างโดยเชื่อว่าจะทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีแสงสว่างนำทางชีวิตให้โชติช่วงชัชวาลอีกด้วย (คัมภีร์อานิสงส์ผางประทีส, ม.ป.ป.)
ถ้วยประทีป หรือถ้วยเล็กๆ ที่ทำด้วยดินเผารูปลักษณะแตกต่างกันตามฝีมือช่างแต่ละยุคสมัย ผางประทีสแบบเก่าที่พบหลายแห่งมีขนาดใหญ่เท่าชามแกงขนาดย่อม ซึ่งผางประทีสที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ก็ก็เพื่อบรรจุเชื้อเพลิงได้มากสำหรับให้แสงสว่างเป็นเวลานาน ส่วนผางประทีสที่ทำขายสำเร็จรูป คือมีทั้งประทีสน้ำมัน และตีนกา มักมีขนาดกว้างประมาณ 5 เซนติเมตร สูงประมาณ 3 เซนติเมตร และขนาดใหญ่คือประมาณ 10 เซนติเมตร สูงประมาณ 4 เซนติเมตร ซึ่งผางประทีสขนาดใหญ่นี้อาจทำเป็นชนิดที่ทำเป็นเชิงสูงขึ้นประมาณ 10 เซนติเมตรก็มีเช่นกัน ผางประทีสชนิดนี้มักจะมีลายประดับที่ปากถ้วยไว้ด้วย
ผางประทีปหรือผางประทีส คือประทีปที่เป็นเครื่องจุดตามไฟเป็นพุทธบูชาหรือบูชาสืบชาตาอายุ หรืออีกนัยหนึ่งคือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้จุดแทนเทียนในเวลากลางคืน ตัวประถางที่รองรับทำด้วยดินเผาหรือกระเบื้องเคลือบ ตามความหมายดังกล่าวคำว่า ประทีป หมายถึงแสงไฟ ผาง หมายถึงภาชนะรองรับน้ำมันหรือไขที่เป็นเชื้อเพลิงของประทีป รวมความผางประทีป คือเครื่องจุดตามไฟ
นอกจากถ้วยประทีปแล้ว สิ่งที่สำคัญคู่กันก็คือ น้ำมัน และตีนกาหรือสีสาย ซึ่งน้ำมันที่ใช้เติมลงในถ้วยประทีปนั้น อาจเป็นน้ำมันถั่ว น้ำมันมะพร้าว น้ำมันละหุ่ง น้ำมันงา รวมถึงน้ำมันที่ได้จากสัตว์อีกด้วย ปัจจุบันนิยมใช้ขี้ผึ้ง (พาราฟีน) แต่ไม่พบว่านิยมใช้น้ำมันจากสัตว์ในประทีปที่บูชาพระ
สีสาย ซึ่งอาจอ่านเป็น “สี้สาย” หรืออ่านเคลื่อนเป็น “ขี้สาย” นั้น ทำจากด้ายฟั่นให้เป็นเชือกสองเกลียวยาวประมาณ 15 เซนติเมตร แล้วดึงแยกเกลียวทั้งสองออกจากกันโดยเว้นระยะจากปลายเชือกประมาณ 10 เซนติเมตร เมื่อปล่อยมือเชือกเกลียวแต่ละเกลียวก็จะพันกันกลับเป็นเชือกอีกทีหนึ่ง จัดแต่งเชือกทั้ง 4 ชายให้เข้ากัน โดยจัดสามชายแยกออกจากกันเป็นสามแฉก เหมือนตีนกา และอีกชายหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลางของทั้งสามชาย ก็จะได้ตีนกา หรือสีสายตามต้องการ
ในช่วงเทศการยี่เพง (อ่าน “ยี่เป็ง”) ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสอง จะมีการประดับประทีปโคมไฟกันทั่วไป นอกจากการประดับส่วนนี้แล้ว ยังใช้เป็นจุดบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนหนึ่งตามอายุของแต่ละคน ในการตั้งธัมม์หลวง หรือฟังเทศน์มหาชาตินั้นเจ้าของกัณฑ์เทศน์กัณฑ์ใดในหาเวสสันดรชาดกก็จะจุกประทีปตามจำนวนคาถา เช่น กัณฑ์กุมาร 101 คาถา ก็จุดประทีบ 101 ดวง เป็นต้น
(ข้อมูลจากสารานุกรมไทยภาคเหนือ เล่ม 8 หน้า4072-4075)
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : วิบูลย์ ลี้สุวรรณ. (2532). พจนานุกรมหัตถกรรมและอุตสาหกรรมพื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย.
ผางประทีป จากหม้อดินเผาสู่ผางประทีป. (ม.ป.ป.). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://www.museumthailand.com/th/3065/storytelling/ผางประทีป/ .
ข้อมูลเนื้อหา โดย : นางสาวอรพินธ์ ไชยยอง
เรียบเรียง โดย : นางสาวอรพินธ์ ไชยยอง
ภาพประกอบ โดย : นางสาวอรพินธ์ ไชยยอง