ม่อนหมอกตะวัน
ม่อนหมอกตะวัน
ในอดีตม่อนหมอกตะวัน อยู่ในเขตการปกครองของหมู่บ้านป่าหวาย ซึ่งในอดีตดินแดนแห่งนี้เคยเป็นพื้นที่สีแดง ในยุคของคอมมิวนิสต์รุกรานเข้ามาสู่ประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสานใต้ เกิดสงครามแย่งชิงประชาชน ด้วยพระบารมีเมตตาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเห็นความสำคัญในการรักษาประชาชน จึงเปิดยุทธศาสตร์ดึงคนเดินหลงผิดให้กลับมาพัฒนาชาติไทยกันใหม่ เพื่อไม่ต้องมีการสูญเสียเกิดขึ้นชนเผ่าปะกากะยอ เป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่ปักหลักฐานสร้างที่มั่นในป่าเขามานานจึงยอมสวามิภักดิ์ต่อราชการและได้รับสิทธิ์ปกครองดูแลถิ่นกำเนิดนี้เอาไว้ เมื่อการท่องเที่ยวเติบโต การพัฒนาท้องถิ่นให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ไร่ข้าวโพดและไร่มันสำปะหลัง บนยอดดอยม่อนหมอกตะวันจึงถูกพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอพบพระ ผนวกกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนเข้ามามีบทบาทต่อการท่องเที่ยวของที่นี่ชาวเขาใช้พื้นที่เกษตรเปิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่
“ม่อนหมอกตะวัน” อยู่ยอดดอยบ้านป่าหวาย โดยนายสุเมธ ศรีธีระวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านป่าหวาย หมู่ที่ 3 ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ได้ วางระบบ และระเบียบในการต้อนรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้มีระบบการจัดการที่ถูกต้อง และเรียบร้อย เช่น สถานที่จอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ การทิ้งขยะ จัดการเส้นทางจราจร และบริหารจัดการพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยว โดยพิจารณาในด้านความปลอดภัย ความสะดวก และการรักษาสิ่งแวดล้อม เต็มไปด้วยทะเลหมอกที่สวยงามในช่วงเช้า ชมพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกยามเย็น สภาพอากาศมีลมพัดเย็นสบาย แต่ในฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก หรือ แม้แต่ปัจจุบัน ก็มีนักท่องเที่ยวในพื้นที่และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดไปกางเต็นท์พักนอนค้างคืนกัน ซึ่งชาวเขาที่นี่ได้ช่วยกันพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ ด้วยสถานที่พัก การบริการเต็นท์ บริการอาหารเครื่องดื่ม อาทิเช่น กาแฟ หมูกระทะ ปลาเผา เป็นต้น อีกจุดหมายปลายทาง สำหรับคนที่ชอบทะเลหมอก กับ สถานที่กางเต็นท์ดูทะเลหมอก แห่งใหม่ของอำเภอพบพระ ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1000 เมตร เลยทีเดียว พื้นที่ม่อนหมอกตะวัน เป็นพื้นที่การเกษตรของชาวเขาเผ่าม้ง ที่ใช้เลี้ยงชีพ ในการเพาะปลูกพืช เพื่อค้าขาขายและประกอบอาชีพ แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทางผู้ครอบครองยังไม่สามารถทำการเกษตรได้ จึงยอมให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความสวยงามทางธรรมชาติ อากาศหนาวเย็นตลอดปีที่นี่เราจะได้ชมทะเลหมอก 2 เวลา ช่วงเย็น กับ ช่วงเช้า บนม่อนหมอกตะวันแห่งนี้ มีลานกางเต็นท์ของ ชาวบ้าน ไว้บริการ มีห้องน้ำ มีร้านค้า ขึ้นมาบนนี้บอกเลยฟินกับทะเลหมอกแน่นอน ยิ่งช่วงนี้ชาวบ้านบอกมีทะเลหมอกให้ดูทุกวันม่อนหมอกตะวัน มีพื้นที่ทั้งหมด 50 ไร่ แหล่งโอโซนแห่งใหม่ในจังหวัดตาก ม่อนหมอกตะวัน เป็นชื่อของยอดเขาบริเวณนี้ทั้งหมด ล้อมรอบด้วยภูเขาหลายลูกสลับกันไปมา สามารถชมวิวได้ 360 องศา สูดอากาศบริสุทธิ์ กับวิวทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาที่สลับซับซ้อนกัน ไม่แปลกใจเลยที่นักท่องเที่ยวแห่กันมารุมแถมอากาศหนาวเย็นตลอดปี ดื่มด่ำความงามของหมอกได้อย่างเต็มที่ สัมผัสทะเลหมอกอันสวยงามของที่นี่ คงเป็นช่วงปลายพฤศจิกายนสู่เดือนธันวาและมกราคมของทุกปี
“ม่อนหมอกตะวัน” เริ่มเป็นที่รู้จักและแจ้งเกิดในวงการทะเลหมอก เพราะมีคนถ่ายภาพแชร์กัน ด้วยความสวยงามของวิวทะเลหมอก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างแห่ขึ้นไป เพื่อชมทะเลหมอก จนเป็นที่รู้จัก ทำให้ชาวบ้านเริ่มทำที่พักแรมเกิดขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างคืน ภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมานานขอบชาวบ้านที่นี่ นั่นก็คือการกินไก่ดำสมุนไพร กินเป็นประจำ ซึ่งเป็นเคล็ดลับของชาวบ้านบนม่อนภูหมอกตะวันแห่งนี้ ที่เชื่อว่าทำให้ปึ๋งปั๋ง มีลูกมีหลานกันเต็มเมือง กล่าวคือต้องใช้สมุนไพรมากมายหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่มักจะปลูกอยู่บริเวณนั้น แต่ละชนิดจะมีสรรพคุณแตกต่างกันออกไป เรียกยากเพราะเป็นชื่อท้องถิ่นภาษาม้ง สมุนไพรของชาวบ้านที่นี่บางชนิดมีผลต่อสุภาพสตรี ที่ชาวบ้านเชื่อว่า กินบ่อย ๆ จะทำให้สุขภาพดี มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง เป็นเคล็ดลับของชาวม้งที่สุขภาพแข็งแรงหน้าฝนจะมีทะเลหมอกโดยรอบ หน้าหนาวจะมีหมอกอยู่ทางแอ่งด้านตะวันออกเนื่องจากตรงนั้นมีน้ำตกป่าหวาย ถ้าอยู่บนม่อนจะได้ยินเสียงน้ำตกชัดเจน ชมทะเลหมอกที่สวยงามในช่วงเช้า ชมพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกยามเย็น ในช่วงกลางคืนนอนดูดาวบนม่อนตะวันสวยงามมาก สภาพอากาศมีลมพัดเย็นสบาย แต่ในฤดูหนาวจะหนาวเย็นทางองค์การบริหารส่วนตำบลได้พัฒนาเส้นทางการเดินทางเป็นถนนคอนกรีตขึ้นสู่ยอดดอย ด้วยระยะทางจากหมู่บ้านไม่ไกลนัก มีรถรับส่งขึ้นไปบนดอย อาการเย็นสบายตลอดทั้งปี พอขึ้นมาบนยอดดอยม่อนหมอกตะวัน จะเรียงรายไปด้วยจุดชมวิว มองรอบทิศทางกับภูเขาสลับซับซ้อนไปจนถึงชายแดนเมียนมาร์เลยทีเดียว ทำให้คนพื้นถิ่นในพบพระและแม่สอดแวะเวียนขึ้นมาชมความงามของม่อนหมอกตะวัน กันเป็นประจำอย่างคึกคักแล้ว โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะมาก และถ้ายิ่งหน้าหนาวแล้วด้วยจะเป็นช่วง High season ของที่นี่เลยก็ได้นอกจากความสวยงามของม่อนหมอกตะวันแล้ว หมู่บ้านป่าหวายยังมีน้ำตกที่สมบูรณ์ตามธรรมชาติที่อัดแน่นไปด้วยต้นยางยักษ์มีอายุกว่าร้อยปี ครอบคลุมพื้นที่น้ำตกป่าหวายตามชื่อหมู่บ้าน น้ำตกป่าหวายมีความสูงกว่าร้อยชั้น ต้องเดินลงไปข้างล่างและแหงนมองข้างบน จะเห็นน้ำตกลดหลั่นกันลงไป แต่ที่น่าอัศจรรย์ คือ น้ำตกแห่งนี้จะมาจุดหนึ่งของน้ำตกที่ไหลลงปล่องลึกที่กว้างไม่เท่าไรแต่จะไหลลงสู่รูนี้เหมือนน้ำตกลงรู แต่ไม่รู้เลยว่ารูนี้มีความลึกขนาดไหนเราชมความงามทั้งยอดดอยม่อนหมอกตะวันและน้ำตกป่าหวายที่สามารถกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอพบพระจังหวัดตาก จึงอยากให้ไปสัมผัสสักครั้งแล้วจะประทับใจกลับมา พบกับสิ่งมหัศจรรย์แห่งใหม่ที่ซ่อนเร้นในป่าใหญ่ ที่ไม่ไกล ให้เราต้องไปค้นหา และปักหมุดแห่งความสุขที่ได้มาการเดินทาง ใช้ถนนหมายเลข 1090 จากตัวแม่สอด มุ่งหน้าสู่อำเภอพบพระ ขับเลยอช.น้ำตกพาเจริญ มาไม่ไกล ซ้ายมือ จะมีป้าย น้ำตกป่าหวาย ขับเข้ามาตามถนน ระยะทาง 13กิโลเมตร ถนนคอนกรีตตลอดทางจนถึง จุดกางเต็นท์ม่อนหมอกตะวัน รถทุกชนิดสามารถขึ้นมาได้
ขอขอบคุณ
นางสาวศิรินดา โชติศรีนิล ผู้เรียบเรียง
นักศึกษาฝึกงานระดับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ