การวิเคราะห์ศักยภาพธุรกิจ คือ การแยกแยะส่วนย่อยของความสามารถที่ซ่อนเร้นในตัวตนนำมาใช้ประโยชน์อย่างมีกระบวนการ เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด คุณค่าและความจำเป็นของการวิเคราะห์ศักยภาพธุรกิจ ช่วยทำให้ผู้ประกอบการรู้จักตัวเองและคู่แข่งขัน สามารถวางกลยุทธ์ทางธุรกิจได้ และแยกแยะหน้าที่ได้ชัดเจน เหมาะสมกับความถนัด และสามารถมองหาลู่ทางการลงทุนได้
การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนธุรกิจ ผู้ทำธุรกิจจำเป็นที่จะต้องมีความรู้และประสบการณ์เฉพาะด้านเป็นอย่างดี หรืออาจส่งให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ละแผนย่อยๆ ในแผนธุรกิจ เป็นผู้วิเคราะห์ให้ความเห็นในความเป็นไปได้ของแผนดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น แผนการตลาด แผนการจัดการ แผนคนแผนผลิต แผนการเงิน แผนดำเนินการ รวมทั้งแผนฉุกเฉินสิ่งที่ต้องวิเคราะห์ในแผนธุรกิจ มีดังนี้
– วัตถุประสงค์ชัดเจนหรือไม่ และมีความเป็นไปได้เพียงใดในทางปฏิบัติ
– ความละเอียดของแผนที่เขียนขึ้น มีความชัดเจนเพียงพอต่อการนำไปปฏิบัติ
– ความสามารถขององค์การ ในด้านต่างๆ
– ศักยภาพและองค์ประกอบสนับสนุนขององค์การว่ามีเพียงพอ สำหรับการปฏิบัติตามแผนนั้นหรือไม่
– ระยะเวลาการปฏิบัติตามแผนที่กำหนดขึ้น เหมาะสม เป็นไปได้หรือไม่เพียงใด
– ความคุ้มค่าในสิ่งที่คิดจะทำที่กำหนดไว้ในแผน
– ความก้าวหน้าของกิจการ พิจารณาว่าแผนที่กำหนดขึ้นสามารถนำพาความก้าวหน้าให้แก่องค์การในอนาคตได้มากแค่ไหน
– ผู้บริหารเห็นด้วยกับแนวทางที่กำหนดขึ้นในแผนหรือไม่
– ผู้ปฏิบัติเห็นด้วยและให้ความร่วมมือเพียงใด
ระยะเวลาในการทำประกอบอาชีพหรือธุรกิจของผู้ประกอบการ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้ดังนี้ ระยะเริ่มต้น เป็นระยะที่การทำกิจการหรือธุรกิจอยู่ในระยะฟักตัวเพื่อก้าวเข้าสู่อาชีพระยะสร้างตัว และระยะทรงตัว คือระยะที่ธุรกิจอยู่ในช่วงพัฒนาขยายตัว หรือยังทรงตัวอยู่ซึ่งจะมีคนติดตามและพร้อมทำตาม ซึ่งเริ่มมีคู่แข่งขันทางการค้า ระยะตกต่ำหรือสูงขึ้น เมื่อธุรกิจก้าวหน้าจะมีผู้คนเข้ามาเรียนรู้ ทำตาม ทำให้เกิดวิกฤติส่วนแบ่งทางการตลาด หากไม่มีการพัฒนาธุรกิจจะทำให้ธุรกิจเข้าสู่ระยะตกต่ำ หรือเราเรียกว่า “ขาลง” แต่ถ้ามีการขยายขอบข่ายมีการนำ นวัตกรรม เทคโนโลยีเข้าใช้ในการพัฒนางาน ธุรกิจจะมีการพัฒนาให้สูงขึ้นผู้ประกอบการจะต้องวิเคราะห์ตำแหน่งธุรกิจในอาชีพหรือกิจการของตนให้ได้ว่าอยู่ในช่วงระยะใด กำลังอยู่ในระยะขยายตัว ทรงตัว ขาขึ้นหรือขาลง การวิเคราะห์มุมมองกิจการ ผลประกอบการมีกำไรหรือขาดทุน ในการดำเนินธุรกิจในช่วงนั้น ๆ
สาเหตุของความล้มเหลวในการประกอบธุรกิจ มีดังนี้
1. ขาดประสบการณ์ ผู้ประกอบการบางรายประสบความล้มเหลวเนื่องจากขาดประสบการณ์ในการทำงาน ขาดความชำนาญในการบริหารจัดการเกี่ยวกับคน เงิน เครื่องจักร อุปกรณ์ ตลอดจนลูกค้า
2. มีความรู้และประสบการณ์ไม่สมดุล ผู้ประกอบการรายมีความรู้ด้านการผลิตเป็นอย่างดีแต่ไม่เคยขายสินค้า มีความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบแต่ผลิตไม่เป็น หรือมีความรู้ด้านบัญชีแต่ไม่มีประสบการณ์ด้านการตลาด เป็นต้น
3. การบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการบางรายขาดการวางแผน บริหารจัดการการดำเนินธุรกิจไม่เหมาะสม ละเลยหน้าที่ การใช้คนไม่ตรงกับงาน ฯลฯ การขาดสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ธุรกิจอย่างมาก
4. ขาดการควบคุม ผู้ประกอบการอาจจะไม่ให้ความสำคัญในการควบคุม มีการโกงหรือขโมยจากบุคคลภายในหรือภายนอก เช่น พนักงาน ลูกจ้างหรือลูกค้า เป็นต้น
5. ปัญหาการตลาด เป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้ประกอบธุรกิจ คือ กิจการมีส่วนแบ่งการตลาดน้อยหรือมีลูกค้าไม่มากพอ มีสินค้าคุณภาพไม่ดี ไม่มาตรฐาน ไม่มีบริการของร้าน
6. ปัญหาการควบคุมสินค้าคงคลัง การควบคุมสินค้าคงคลังให้มีมากเกินไปย่อมก่อให้เกิดผลเสียแก่กิจการ คือ จมทุน ต้องเสียดอกเบี้ยกรณีที่กู้ยืมเงินมาลงทุน สินค้าล้าสมัย เสื่อมคุณภาพตลอดจนเสี่ยงภัยต่อการสูญหาย หากการควบคุมสินค้าคงคลังมีน้อยเกินไป ย่อมก่อให้เกิดผลเสีย ได้เช่นกัน คือ สินค้าขาดสต๊อก เสียโอกาสในการขายให้แก่ลูกค้า เป็นต้น
7. ปัญหาการให้สินเชื่อ ได้แก่ การพิจารณาสินเชื่อแก่ลูกค้าไม่รอบคอบ ลูกค้ามีประวัติการค้าไม่ดีหรือปล่อยสินเชื่อวงเงินมากเกินไป และไม่มีระบบการเก็บหนี้ที่เหมะสม
8. มีสินทรัพย์มากเกินไป กิจการบางแห่งผู้ประกอบการปล่อยให้มีสินทรัพย์มากเกินความจำเป็นมีเครื่องจักร อุปกรณ์โรงงาน พาหนะ ฯลฯ เกินความจำเป็นต่อการผลิต
9. ค่าใช้จ่ายสูง การประกอบธุรกิจย่อมมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายนอกเหนือจากต้นทุนสินค้าที่ซื้อเพื่อขาย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้แก่ ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าพาหนะ ค่าซ่อมแซม ค่าเบี้ยประกัน ฯลฯ
10. ปัญหาทำเลที่ตั้ง ทำเลที่ตั้งของสถานประกอบการในปัจจุบันมีราคาแพง โดยเฉพาะทำเลที่ตั้งในเมืองที่มีผู้คนหนาแน่น หากกิจการมีทำเลที่ตั้งไม่ดี คนมองไม่เห็น หรือมีคนเดินผ่านไปมาน้อยเพราะอยู่ชานเมืองย่อมมีผลต่อยอดขายเส้นทางของเวลา หมายถึง วัฏจักรของการประกอบอาชีพ ธุรกิจ สินค้า หรืองานบริการในช่วงระยะเวลาหนึ่งของการดำเนินกิจการการวิเคราะห์ศักยภาพบนเส้นทางของเวลา หมายถึง การแยกแยะกระบวนการทางธุรกิจ หรือการดำเนินการด้านอาชีพหรือการประกอบอาชีพ โดยแบ่งตามช่วงระยะเวลาดำเนินกิจกรรม มีเป้าหมายคือผลการประกอบการในช่วงเวลานั้น โดยเปรียบเทียบช่วงก่อนหน้านั้น กับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อประเมินว่ากิจกรรมหรือธุรกิจของเราอยู่ในระยะ เจริญรุ่งเรืองหรือตกต่ำในตำแหน่งธุรกิจ
เส้นทางของเวลา หมายถึง วัฏจักรของการประกอบอาชีพ ธุรกิจ สินค้า หรืองานบริการในช่วงระยะเวลาหนึ่งของการดำเนินกิจการ
การวิเคราะห์ศักยภาพบนเส้นทางของเวลา หมายถึง การแยกแยะกระบวนการทางธุรกิจ หรือการดำเนินการด้านอาชีพหรือการประกอบอาชีพ โดยแบ่งตามช่วงระยะเวลาดำเนินกิจกรรม มีเป้าหมายคือผลการประกอบการในช่วงเวลานั้น โดยเปรียบเทียบช่วงก่อนหน้านั้น กับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพื่อประเมินว่ากิจกรรมหรือธุรกิจของเราอยู่ในระยะ เจริญรุ่งเรืองหรือตกต่ำในตำแหน่งธุรกิจ