ประวัติเจ้าของอาชีพ
ชื่อ - สกุล : นายวิเชียร ปัญญาเหล็ก
อายุ : 52 ปี
ที่อยู่ : 60/2 หมู่ที่ 2 บ้านต้นผึ้ง ตำบลหนองล่อง อำเภอเวียงหนองล่อง
จังหวัดลำพูน 51120
ประวัติความเป็นมา
นายวิเชียร ปัญญาเหล็ก มีอาชีพเป็นเกษตรกร ปลูกพืชผัก ปลูกลำไย ฯลฯ จึงสนใจทำปุ๋ยทางใบ "แคลเซียมโบรอน" เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตร และเพื่อใช้บำรุงผัก เพราะแคลเซียมโบรอน เป็นตัวช่วยที่ทำให้พืชเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี ทำเองใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้แคลเซียมโบรอนยังเป็นธาตุอาหารที่อยู่ในรูปที่ละลายน้ำได้ พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มการผสมเกสร ลดการหลุดร่วงของขั้วดอกและขั้วผล ขยายขนาดผล กระตุ้น การแตกตาดอก ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ทำให้พืชแข็งแรง เกษตรกรสามารถทำได้ด้วยตนเอง และจะมีราคาต้นทุนที่ถูกกว่าท้องตลาด
ความสำคัญและประโยชน์ของแคลเซียมโบรอน
พืชใช้แคลเซียมในการแบ่งเซลล์ที่ส่วนของยอดและปลายรากทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี เมื่อส่วนปลายรากแข็งแรงสามารถดูดน้ำและอาหารได้เต็มที่
แคลเซียมเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของผนังเซลล์ และทำหน้าที่เชื่อมให้ผนังเซลล์ข้างเคียงประสานกัน ผนังเซลล์จึงมีความแข็งแรง เซลล์จำนวนมากเชื่อมติดกันกลายเป็นเนื้อเยื่อและอวัยวะของพืช ทำให้ลำต้นพืชแข็งแรงและช่วยรักษาโครงสร้างของผนังเซลล์
แคลเซียมมีบทบาทควบคุมให้รากพืชเจริญเติบโตมีทิศทางลงสู่ดินตอบสนองต่อความถ่วงของโลก และส่งเสริมการทำหน้าที่ของออกซินด้านการเจริญเติบโตของเซลล์
แคลเซียมควบคุมการดูดน้ำของเซลล์พืช โดยเอื้อต่อการดูดน้ำเข้ามาใช้ประโยชน์ นอกจากนี้แคลเซียมยังมีบทบาททางอ้อมในการควบคุมการเปิดและปิดปากใบ
แคลเซียมไอออนเป็นตัวนำข่าวสารให้ระบบส่วนกลางทราบภาวะของสิ่งแวดล้อมภายนอกซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่น อุณหภูมิ แสง ความแห้งแล้ง ความเค็มและการเข้าทำลายของเชื้อโรค รวมทั้งกระตุ้นให้พืชป้องกันอันตรายจากสิ่งเหล่านั้นอย่างเหมาะสม นอกจากนั้นแคลเซียมยังช่วยเพิ่มความต้านโรคพืชและซ่อมแซมบาดแผลที่เกิดขึ้น
แคลเซียมมีบทบาทต่อการเกิดดอกและผล แคลเซียมส่งเสริมให้มีการปฏิสนธิในดอกหลังจากการถ่ายเรณูโดยเหนี่ยวนำให้หลอดเรณูยืดตัว เพื่อส่งเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ไปจนถึงรังไข่ ทำให้เกิดการปฏิสนธิกับเซลล์ไข่ จึงมีการพัฒนาผลและเมล็ด
แคลเซียมช่วยเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และน้ำตาล มาสะสมที่ผล ระหว่างการเจริญเติบโตของผล ทำให้ผลเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และลดปัญหาการหลุดร่วงของผลได้
แคลเซียมกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์อะไมเลสในเมล็ดซึ่งทำหน้าที่ย่อยแป้งอันเป็นอาหารสะสมในเอนโดสเปิร์มให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็ก เพื่อนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานในการงอกของเมล็ดและเป็นโครงคาร์บอนสำหรับสังเคราะห์สารอินทรีย์ต่างๆ
วัสดุ/อุปกรณ์ สำหรับการทำปุ๋ยทางใบ "แคลเซียมโบรอน"
วัสดุ
แคลเซียมไนเตรท 15-0-0 = 12 กิโลกรัม
กรดบอริก = 4 กิโลกรัม
สีผสมอาหาร = 2 - 4 ซอง
น้ำสะอาด = 200 ลิตร
อุปกรณ์
ถังน้ำขนาดใหญ่ 200 ลิตร
ไม้พาย
ขั้นตอนการทำปุ๋ยทางใบ "แคลเซียมโบรอน"
เตรียมน้ำสะอาด จำนวน 100 ลิตร ใส่ในถังน้ำขนาด 200 ลิตร
ผสมแคลเซียมไนเตรท 15-0-0 จำนวน 12 กิโลกรัม คนให้ส่วนผสมให้เข้ากันเพื่องให้ผงฟองละลาย
ใส่กรดบอริกลงไปในถังกวนในทิศทางเดียวกัน คนให้ละลาย
ใส่น้ำสะอาดอีก จำนวน 100 ลิตร คนให้ส่วนผสมให้เข้ากัน
ใส่สีผสมอาหาร จำนวน 2 - 4 ซอง คนให้ส่วนผสมให้เข้ากัน
จากนั้นให้กวนทุกอย่างที่ใส่ลงไป กวนให้ไปในทิศทางเดียวกัน ทิ้งไว้ให้ฟองหาย แล้วบรรจุใส่ขวด
พืช ผัก ผลไม้ ที่ใส่ปุ๋ยแคลเซียมโบรอน จะช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มการผสมเกสร ลดการหลุดร่วงของขั้วดอกและขั้วผล
ขยายขนาดผล กระตุ้น การแตกตาดอก ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี ทำให้พืชแข็งแรง
วิธีใช้แคลเซียมโบรอน
หากฝนตกชุก ไม่ควรใส่แคลเซียมโบรอนเพราะจะทำให้สูญเสียได้ง่าย แต่ควรใส่หลังฝนตก เมื่อดินยังมีความชื้น
สภาพอากาศแห้งแล้ง หากใส่แคลเซียมโบรอนจะทำให้พืชไม่ดูดกิน เนื่องจากพืชดูดโบรอนผ่านทางการคายน้ำ หากอากาศร้อนจัดพืชหยุดคายน้ำ แคลเซียมโบรอนก็จะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่รากพืช ควรรดน้ำพืชผักผลไม้ก่อนใส่ปุ๋ยโบรอน
การฉีดพ่นแคลเซียมโบรอนทางใบ ควรฉีดช่วงเช้าหรือเย็น ที่มีแดดอ่อน ๆ และเติมสารจับใบหรือสารแทรกซึมเพื่อให้แคลเซียมโบรอนเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์พืชได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ใส่แคลเซียมโบรอนหลังใส่ปูนทุกชนิด เพราะความเป็นด่างของปูนจะทำให้โบรอนไม่เป็นประโยชน์ต่อพืช ควรทิ้งช่วงห่างประมาณ 30 วันขึ้นไป
ควรมีการปลูกพืชหมุนเวียน และใส่ปุ๋ยอินทรีย์อย่างสม่ำเสมอ
อาการและผลกระทบของพืชขาดแคลเซียม
อาการขาดธาตุแคลเซียมของพืชจะแสดงอาการที่ใบอ่อนจะเหลืองซีดและใบเล็ก
อาการขาดแคลเซียมสามารถเห็นได้ชัดในเนื้อเยื่อส่วนปลาย ซึ่งจะทำให้ส่วนเหล่านี้แห้งตาย หยุดการเจริญเติบโต ไม่ออกดอก และผล
การเจริญเติบโตของรากพืชลดลงทำให้ประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหารต่าง ๆ ในดินลดลง โครงสร้างของลําต้นอ่อนแอลง ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตช้า แคระแกร็น
ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับผล เช่น ผลจะเกิดการแตก เกิดรอยแผลปริแตกจากก้นผล
บางกรณีการขาดแคลเซียมอาจส่งผลให้พืชออกดอกเร็วเกินไป ใบที่อยู่ชั้นในสุดจะรวมตัวติดกันแน่นเป็นกระจุก โรคและแมลงเข้าอาศัยและทำลายพืชได้ง่าย เกิดความเสียหายต่อคุณภาพของผลผลิตของพืชปลูก
การเจริญเติบโตและผลผลิตรวมถึงคุณภาพของผลผลิตพืชลดลง
พิกัด : การทำปุ๋ยทางใบ "แคลเซียมโบรอน"
ตั้งอยู่ที่ : 60/2 หมู่ที่ 2 บ้านต้นผึ้ง ตำบลหนองล่อง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน 51120
ข้อมูลเนื้อหา โดย : นายวิเชียร ปัญญาเหล็ก
เวิลด์เคมิคอล กรุ๊ป. (2566). ข้อควรรู้เกี่ยวกับ แคลเซียมโบรอน. สืบค้นจาก https://www.worldchemical.co.th/ข้อควรรู้เกี่ยวกับ-แคลเซียมโบรอน/
เรียบเรียงเนื้อหา โดย : นายวุฒิชัย ภิมาลย์
ภาพถ่าย/ภาพประกอบ โดย : นายวิเชียร ปัญญาเหล็ก และ นายวุฒิชัย ภิมาลย์
TKP : ประจำเดือน สิงหาคม 2566