ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
ครั้งหนึ่งตำบลแม่ทาเคยประสบปัญหาสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม อีกทั้งคนในชุมชน ยังมีปัญหาสุขภาพและปัญหาหนี้สินอันเป็นผลสืบเนื่องจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว และการใช้สารเคมี ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้วิถีชีวิตอันดีงามของชุมชนเริ่มสูญหายไป ทำให้กลุ่มแกนนำชุมชนลุกขึ้นมาเป็นแกนหลักในการพลิกฟื้นตำบลแม่ทาให้กลับดี ดังก่อนเก่า และด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวแม่ทาในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ในชุมชน เกิดการสร้างจิตสำนึกรักษาทรัพยากรท้องถิ่น ส่งผลให้แม่ทากลายเป็นศูนย์กลางที่มีหน่วยงานจากหลายภาคส่วนเข้ามาร่วม สนับสนุน เช่น โครงการกองทุนเพื่อสังคมโครงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อย่างยั่งยืน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก มูลนิธิพัฒนาที่ยั่งยืน(ภาคเหนือ) มูลนิธิไฮริกเบิล์ล กรีนเนท ฯลฯ รวมถึงโครงการรักษ์ป่า สร้างคน ๘๔ ตำบล วิถีพอเพียง ภายใต้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ก็ได้คัดเลือกให้ตำบลแม่ทาเป็น 1 ใน 9 ตำบลนำร่องเมื่อ พ.ศ. 2550 บทพิสูจน์ถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาโดยชุมชน เพื่อชุมชน ทำให้วันนี้ "แม่ทา” กลายเป็นตำบลต้นแบบเพื่อการเรียนรู้ที่มีจุดเรียนรู้ ศูนย์เรียนรู้ และความรู้กระจายอยู่ทั่วตำบล และเป็นตำบลตัวอย่างที่ดีของการดำรงชีวิตภายใต้แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เรียนรู้และพัฒนา เติมเต็มคุณค่าสู่ความยั่งยืน
สถาบันพัฒนาทรัพยากรและเกษตรกรรมยั่งยืนแม่ทา
สถาบันพัฒนาทรัพยากรและเกษตรกรรมยั่งยืนแม่ทา เกิดจากความต้องการเชื่อมโยงงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและงานด้านการเกษตร ที่มีกลุ่มคนทำงานอยู่แล้ว 2 กลุ่ม คือ เครือข่ายการจัดการทรัพยากรตำบลแม่ทา ซึ่งมีพ่อกำนันอนันต์ ดวงแก้วเรือน เป็นผู้นำ และเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน ที่มีพ่อพัฒน์ อภัยมูล เป็นผู้นำ เมื่อ 2 เครือข่ายทำงานประสานกันในประเด็นงานร่วมกัน จึงมีวัตถุประสงค์ขับเคลื่อนงานพัฒนาตำบล เพื่อพัฒนาคนทั้งภายในและนอกชุมชนให้เข้าใจเรื่องงานทรัพยากรและเกษตรกรรมยั่งยืน เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้โดยเน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนเป็นหลัก และเพื่อพัฒนาวิทยากรชาวบ้านในการถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นต่อไป โดยแบ่งประเด็นงานพัฒนาในพื้นที่ออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ พลังงานทางเลือก การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การเกษตรยั่งยืน การสร้างกลุ่ม/เครือข่าย ธุรกิจชุมชน และเยาวชน
โครงการรักษ์ป่า สร้างคน ๘๔ ตำบล วิถีพอเพียง ได้เข้ามาหนุนเสริมและต่อยอดในแต่ละประเด็น เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเอง ทั้งยังก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้สามารถเชื่อมโยงการทำงานเป็นคู่ขนาน สอดคล้องกันเป็นจังหวะ กลายเป็นแรงผลักดันและแรงหนุนเสริมเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน