นายสมศักดิ์ สิงห์ทองแท้ ได้ให้ความรู้เรื่องทฤษฏีเกี่ยวกับ การทำเกษตรผสมผสานได้แนะนำให้ปลูกพืชแบบผสมผสานสลับไปมารอบโคนต้น เช่น ปลูกลำไย แต่ปลูกสัปปะรด ปลูกผักหวานป่า ปลูกใบเตย ปลูกพริก รอบโคนต้น เพราะเป็นการปลูกพึ่งพาตนเองจากต้นไม้ใหญ่ ตอนฤดูแล้ง ก็สามารถยืนต้นอยู่ได้ ในด้านการขายผลผลิต สามารถคำนวณต้นทุนได้ว่าใน 1 ต้น ใช้ปุ๋ยตลอดปี 10 บาทต่อต้น แต่เราปลูกสัปปะรดไว้ 4 หัว ถ้าพืชยืนต้นไม่ออกผล ก็สามารถได้รายได้จากสัปปะรด หัวละ 10-20 บาท ก็สามารถขายได้โดยไม่ขาดทุนแต่ได้กำไรจากการปลูกพืชผสมผสาน นี้
อดีตนายสมศักดิ์ สิงห์ทองแท้ ได้ประสบปัญหาเรื่องปัญหาภัยแล้งซึ่งทุกๆปี ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ส่งผลกระทบให้การปลูกพืชเกษตรกรรมไม่ว่าจะเป็นมะม่วง ผักพื้นบ้าน ต่าง ๆ ปลูกไม่ได้ผลผลิตตามที่ต้องการ จึงมีแนวคิดเดิมที่ได้กล่าวไว้ว่า “การปลูกผักหวานแก้ภัยแล้ว” ซึ่งในสวนก็ไม่มีน้ำในการหล่อเลี้ยง จึงได้ไปศึกษาในด้านการดำรงชีวิตของผักแต่ละชนิดในการมีแนวคิด “ปลูกพืชผสมผสาน” โดย นำแนวคิด การปลูกผักหวานกับผักชะอม ซึ่งผักเหล่านี้ดำรงชีพไม่จำเป็นต้องการน้ำตลอดสามารถปลูกในหน้าแล้งได้ และอากาศร้อน ส่งผลให้ยอดผักหวานยิ่งร้อนยิ่งแตกยอดเป็นสีทอง ทำให้ได้ผลผลิต สามารถขายได้จริง สร้างรายได้ให้ครอบครัว ในการดูแลต้นผักหวาน ซึ่งดูแลผักหวานแต่ละต้นซึ่งสังเกตจากการเจริญของต้นผักหวาน ถ้าแตกยอดสวย มียอดผักที่ยาว เราก็จะเก็บไว้ ส่วนต้นที่ไม่สวยเราก็จะตัดตอนทิ้ง ซึ่งได้ขยายจำนวนผักหวานไปเรื่อยทุกปี
ลักษณะของผักหวานมี2-3 อย่าง แบบยอดยาวใบบาง ยอดยาวใบบาง ยอดยาวไปเล็กเรียว
จากการนำพันธุ์ผักหวานที่เพาะจากเมล็ดจากซื้อมาปลูกจำนวน 260 เมล็ด สามารถปลูกเจริญได้ 180 ต้น จนปัจจุบันมี 300 กว่าต้น และได้ศึกษาวิธีปลูกผักหวานในการคัดเมล็ด การเพาะเมล็ดผักหวานจากเมล็ดที่แก่จัดได้ 2 วิธี การเอาเปลือกออกให้เหลือแต่กะลาแล้วนำมาเพาะ จะได้ผลการงอก 70% และการเอาเปลือกออกและขูดผิวกะลาออก จะได้ผลการงอก 90%