ผึ้งจิ๋ว " ชันโรง"
ชันโรง (Stingless Bees) เป็นแมลงในกลุ่มเดียวกับผึ้ง แต่ไม่มีเหล็กใน พบได้ในทุกภูมิภาคของไทย ในไทยมีทั้งหมด 34 สายพันธุ์ ชื่อชันโรง (ชัน-นะ-โรง) หมายถึงโรงงานผลิตชัน เพราะผลิตชันได้ค่อนข้างเยอะ เมื่อก่อนเราเอาชันมาใช้อุดภาชนะ อุดฐานพระ ทำยาแผนโบราณ แต่ยุคนี้เราพบสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านเชื้อโรค สร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งเชื้อราและจุลินทรีย์ต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังหรือแผลอักเสบในช่องปากและคอ จึงนำมาใช้เป็นยารักษาแผลอักเสบในปาก สบู่ ยาสีฟัน สเปรย์ช่องปาก ลูกอม และสารสกัดผสมน้ำดื่ม
ชันโรง หรือ ผึ้งจิ๋ว
คุณสมบัติเด่นของชันโรง
ไม่มีเหล็กใน จึงไม่ต่อย ป้องกันตัวเองด้วยการกัด
เนื่องจากตัวเล็กกว่าผึ้ง ระยะบินหากินจึงใกล้กว่าผึ้ง แค่ 300 เมตรจากรัง จึงควบคุมให้ชันโรงผสมเกสรต้นไม้ที่ต้องการได้ง่ายกว่าผึ้ง
ชันโรงตอมดอกไม้ทุกชนิด ไม่เลือกตอมเฉพาะดอกไม้ที่ชอบ ถึงแม้ว่าดอกนั้นจะมีแมลงตัวอื่นตอมแล้ว ชันโรงก็ตอมซ้ำ ไม่เหมือนผึ้ง และด้วยระยะหากินที่ใกล้ ทำให้ชันโรงมีโอกาสผสมเกสรดอกเดิมซ้ำหลายรอบ จึงมีประสิทธิภาพในการช่วยผสมเกสรมากกว่าผึ้ง
ชันโรงเน้นเก็บเกสร 80 เปอร์เซ็นต์ เก็บน้ำต้อย (น้ำหวานดอกไม้) 20 เปอร์เซ็นต์ จึงช่วยแพร่กระจายเกสรดอกไม้ได้ดีมาก
เลี้ยงง่าย เคลื่อนย้ายรังได้ง่าย และแทบจะไม่ทิ้งรัง จะอยู่รังเดิมไปเรื่อยๆ
น้ำผึ้งชันโรงมีรสหวานอมเปรี้ยว มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และน้ำตาลกลูโคสสูงกว่าน้ำผึ้งทั่วไป จึงมีราคาสูงกว่าถึงสิบเท่า นิยมนำไปทำยาและเครื่องสำอาง
วิธีการเลี้ยงชันโรง
การเลี้ยงในกระบอกไผ่
1. ใช้กระบอกไม้ไผ่แห้ง ด้านในไม่มีขุย ขนาดกว้างประมาณ 3-4 นิ้ว ยาว 1-2 ฟุต เจาะรูด้านหน้า ถ้าสองข้อให้เจาะทะลุตรงกลางโดยเหล็กเส้นกระทุ้งผ่าน
2. ใส่หัวเชื้อฟีโรโมนล่อชันโรงรอให้แห้ง 1 คืน
3. นำไปล่อตามสถานที่ต่างๆ ที่มีชันโรง
4. เมื่อชันโรงเข้าแล้ว 2-3 เดือน จึงย้ายลงกล่องเลี้ยง เพื่อง่ายต่อการเก็บน้ าผึ้งและขยายพันธุ์
เลี้ยงในกล่องหรือลังไม้
1. ต้องหาง่าย ราคาไม่แพง ใช้ประโยชน์ได้ดี สะดวกในการปฏิบัติงาน
2. รังต้องรักษาอุณหภูมิได้คงที่ และคงทนต่อสภาพแวดล้อมภูมิอากาศได้ดี
3. ชันโรงแต่ละชนิดมีขนาดการสร้างรังแตกต่างกัน จ าเป็นต้องมีรังขนาดความกว้างตามชนิดของ ชันโรง
4. รังต้องสามารถแยกขยายได้ง่าย สะดวกในการปฏิบัติงาน
5. สามารถสังเกตดูพฤติกรรมของชันโรงได้ง่ายและสะดวก
ประโยชน์ของชันโรง
ในสมัยโบราณนั้น มนุษย์มักสังเกตพฤติกรรมของชันโรงที่ออกเก็บรวบรวมชันผึ้ง (Propolis) ในทุกๆ วัน ซึ่งชันโรงจะออกหากินในระยะที่ไม่เกิน 300 เมตร ประกอบกับความเชื่อที่ว่ากันว่า ชันโรงมีความสามารถในการเลือกพืชที่มีสารนำมาฆ่าเชื้อโรคภายในรังของพวกมันได้ มนุษย์จึงนิยมปลูกพืชสมุนไพรที่ต้องการทำเป็นยา รักษาโรคมาปลูกรอบๆ บริเวณรังของชันโรง เพื่อให้เหล่าชันโรงได้เก็บเกสรและน้ำหวานจากพืชสมุนไพร เมื่อ มนุษย์นำผลผลิตจากชันโรงไม่ว่าจะเป็นเกสรผึ้ง หรือน้ำหวานมารับประทานก็จะมีสรรพคุณทางยาตามพืช สมุนไพรที่ปลูกไว้บริเวณรอบๆ รัง หากนำน้ำผึ้งจากชันโรงมาผสมกับยาสมุนไพรปั้นเป็นเม็ดกลมๆ เก็บไว้ รับประทาน เรียกว่า ยาลูกกลอน นอกจากได้น้ำผึ้งจากชันโรงแล้ว ประโยชน์อีกอย่างที่ได้จากชันโรงคือ พรอพอลิส (Propolis) คือสารเหนียว คล้ายยางไม้ มีสีน้ำตาลแก่จนเกือบดำ ผึ้งสร้างพรอพอลิส โดยที่ผึ้งงานเก็บรวบรวมยางไม้หรือของเหลวที่ได้ จากใบ หน่ออ่อน จากตา หรือเปลือกพืชหลากหลายชนิดและนำมาผสมกับเอนไซม์ของผึ้งที่หลั่งออกมาจาก ต่อมบริเวณหัวและช่องท้องของผึ้งจิ๋ว
ประโยชน์ของพรอพอลิส
1. ใช้ในทางการแพทย์ นำมาสกัดสารที่ต่อต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย เป็นส่วนประกอบในการทำยารักษาโรคมนุษย์และสัตว์ ใช้รักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสใช้ผสมเป็นยารักษาโรคทาง หูคอ จมูก และโรคผิวหนัง
2. ใช้บรรเทาพิษที่เกิดจากผึ้งต่อย โดยขูดสารออกจากคอนผึ้งมาละลายในแอลกอฮอล์ หรือน้ำมัน มะกอก เก็บไว้ใช้ทาเวลาถูกผึ้งต่อย จะบรรเทาอาการเจ็บปวดบวมได้
3. ใช้เป็นส่วนผสมในการทำเครื่องสำอาง
ผลิตภัณฑ์จากชันโรง ได้แก่น้ำผึ้ง สบู่ เครื่องสำอาง ยาหม่อง
ภาพฐานการเรียนรู้การเลี้ยงชันโรง ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดลำพูน
(เกษตรที่สูง) สาขาอำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน
เรื่อง/เนื้อหา : นายสำราญ ชูช่วย เจ้าพนักงานเกษตร ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดลำพูน
(เกษตรที่สูง) สาขาอำเภอทุ่งหัวช้าง
เรียบเรียง : นางสาวฐิติมา พนัสโยธานนท์
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
สำนักงานปลัดปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (2564). เลี้ยงชันโรงหรือผึ้งจิ๋ว แมลงเงินล้าน สร้างรายได้ที่ไม่จิ๋ว , สืบค้น
เมื่อ 20 มีนาคม 2567. จาก. https://www.opsmoac.go.th/nakhonsithammarat-article_prov-files-431391791847