ขบวนแห่ผีตาโขนและศิลปวัฒนธรรมหนึ่งเดียว
การละเล่นผีตาโขน จะจัดขึ้นในเดือน 7 (ประมาณเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม) ของทุกปี ณ วัดโพนชัย เป็นเวลา 3 วัน โดยการละเล่นผีตาโขน สามารถเล่นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นผู้ชายมากกว่า เนื่องจากการละเล่นค่อนข้างผาดโผน และทะลึ่งซุกซน โดยผู้เข้าร่วมในพิธีจะแต่งกายคล้ายผีและปีศาจ ใส่หน้ากากขนาดใหญ่ทำจากหวดนึ่งข้าวเหนียวมาหักพับขึ้นให้มีลักษณะคล้ายหมวกหน้าทำจากโคนก้านมะพร้าวถากเป็นรูปหน้ากาก เย็บต่อกับส่วนหัว แล้วเจาะช่องตาส่วนจมูกทำจากไม้นุ่นลักษณะยาวแหลมคล้ายงวงช้าง ส่วนเขาทำจากปลีมะพร้าวแห้ง นำมาตัดเป็นขนาดและรูปทรงตามต้องการ เครื่องแต่งกาย ชุดทำจากเศษผ้านำมาเย็บติดกัน มี “หมากกะแหล่ง” (ลักษณะคล้ายกระดิ่งใช้แขวนคอกระบือ) หรือกระดิ่ง กระพรวน กระป๋องผูกติดกับบั้นเอว แขวนคอ หรือถือเคาะเขย่า เพื่อให้เกิดจังหวะและมีเสียงดังเวลาเดินและแสดงท่าทางต่าง ๆ ผีตาโขนทุกตัวจะมีอาวุธประจำกายเป็นดาบหรือง้าว ซึ่งทำจากไม้เนื้ออ่อน พร้อมแสดงการละเล่นเต้นรำอย่างสนุกสนานในขบวนแห่เชื่อกันว่าผู้ใดใส่หน้ากากผีตาโขนจะหายทุกข์ หายโศก หายโรคภัย มีความสุขความเจริญ และสร้างความสนุกสนานอีกด้วย
ในสมัยโบราณคนที่เล่นเป็นผีตาโขนต้องถอดเครื่องแต่งกายผีตาโขนออกให้หมดและนำไปทิ้งในแม่น้ำหมัน เพื่อถือเป็นการทิ้งความทุกข์ยากและสิ่งเลวร้าย ห้ามนำเครื่องแต่งกายใดๆกลับบ้านเด็ดขาดแต่ปัจจุบันการละเล่นผีตาโขนเปลี่ยนแปลงไปจากยุคดั้งเดิม โดยในอดีตหน้ากากจะทำจากหวดเก่า (ภาชนะจักสานสำหรับใช้นึ่งข้าวเหนียว) ที่ใช้งานแล้ว ตกแต่งด้วยสีธรรมชาติ ดูเรียบง่าย แต่เน้นความลึกลับและน่ากลัว มาในยุคนี้ หน้ากากถูกปรับให้มีสีสันสดใส มีลวดลายไทย และใช้วัสดุที่คงทนมากขึ้น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผีตาโขนเป็นประเพณีที่ไม่เพียงแต่รักษาความเชื่อและพิธีกรรมดั้งเดิมแต่ยังสร้างเสน่ห์ให้มีชีวิตชีวาในศิลปะท้องถิ่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก