พระราชวังเดิมหรือพระราชวังกรุงธนบุรี
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2310 พร้อมกับการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ตั้งอยู่บริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร บริเวณนี้เดิมเคยเป็นที่ตั้งของ “ป้อมวิไชยเยนทร์” ปัจจุบันคือ “ป้อมวิไชยประสิทธิ์” ซึ่งมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในการป้องกันเมืองและควบคุมเส้นทางน้ำ พระราชวังแห่งนี้ยังเป็นสถานที่พระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ ภายในประกอบด้วยโบราณสถานสำคัญ เช่น
ท้องพระโรง แบ่งเป็น ท้องพระโรงใหญ่ สำหรับออกว่าราชการและพระที่นั่งขวาง ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปัจจุบันใช้เป็นห้องประชุมและรับรองแขกสำคัญ
อาคารเก๋งคู่เล็ก เป็นอาคารแบบจีนขนาดเล็ก จัดแสดงพระราชกรณียกิจด้านการรบของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
อาคารเก๋งคู่หลังใหญ่แบบไทยผสมจีน จัดแสดงพระราชกรณียกิจด้านเศรษฐกิจ สังคม และการต่างประเทศของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
พระตำหนักเก๋งสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอาคารแบบตะวันตกหรือเรียกว่า “ตึกแบบอเมริกัน”
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประดิษฐานพระบรมรูปทรงพระแสงดาบ เป็นศูนย์รวมศรัทธาของประชาชน
ปัจจุบันพระราชวังเดิมเปิดให้เข้าชมบางส่วนภายใต้การดูแลของมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม กองบัญชาการกองทัพเรือ และมีการจัดกิจกรรมและนิทรรศการทางประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง นับเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญด้านประวัติศาสตร์ยุคกรุงธนบุรีและต้นรัตนโกสินทร์ที่ยังคงสะท้อนบทบาทศูนย์กลางการปกครองและวัฒนธรรมไทยในอดีต
พระราชวังพญาไท
รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่เสด็จทอดพระเนตรการทำนา การปลูกผักและการเลี้ยงสัตว์ โดยสร้าง
โรงนาขึ้นเพื่อใช้ในการประกอบพระราชพิธีแรกนาขวัญด้วย
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เปลี่ยนพระราชวังพญาไทเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ-เกล้าเจ้าอยู่หัว และกลายเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์อีกหลายพระองค์ และได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองจำลองดุสิตธานีขึ้น โดยทดลองระบอบระชาธิปไตยแบบอังกฤษขึ้นมาด้วย ต่อมาวังแห่งนี้ได้เป็นที่ทำการของกองทัพบกด้านการรักษาพยาบาล จนเป็นจุดเริ่มต้นของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าในปัจจุบัน
สถาปัตยกรรมที่เด่นชัดของพระราชวังพญาไทคือหอคอยสูงของพระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งภายในมีภาพเขียนลวดลายงดงามแบบตะวันตก ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบผสมผสานระหว่างโรมาเนสก์กับโกธิค พระที่นั่งพิมานจักรีสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ภายในชั้น 1 ประกอบด้วย ห้องเสวยและห้องธารกำนัล ชั้น 2 เป็นท้องพระโรงกลางภายในมีเตาผิงตกแต่งแบบยุโรป
พระราชวังแห่งนี้ยังมีอีกหลายอาคารที่สวยงามเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และจัดเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับให้คนทั่วไป
เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าเข้าชม
วังปารุสกวัน
เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
โดยพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นที่ประทับของจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ โดยในปี พ.ศ. 2473 กระทรวงมหาดไทยได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ตำรวจขึ้น เพื่อรวบรวมของกลางและจัดแสดงเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับข้าราชการตำรวจ ปัจจุบันวังปารุสกวันเป็นที่ตั้งของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ตำรวจ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี ภายในวังมีอาคารจัดแสดงหลัก 2 หลัง ได้แก่
ตำหนักสวนจิตรลดา ซึ่งเดิมเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 6 ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ ปัจจุบัน
จัดแสดงประวัติของวังปารุสกวันในสมัยรัชกาลที่ 6
อาคารกระจกสองชั้น เป็นที่จัดแสดงประวัติของตำรวจไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน รวมถึงบทบาทของสถาบัน
พระมหากษัตริย์กับวงการตำรวจไทย
วังสวนผักกาด
เดิมเป็นที่พำนักส่วนพระองค์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต หรือที่รู้จักกันว่า เสด็จในกรมฯ และหม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร (เทวกุล) โดยสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนในวันหยุด
ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ให้บุคคลทั่วไปเข้าชม ภายในประกอบด้วย เรือนไทยโบราณ 8 หลัง ซึ่งจัดแสดงศิลปวัตถุและโบราณวัตถุจำนวนมาก ทั้งจากไทยและต่างประเทศ ที่เสด็จในกรมฯ ทรงรวบรวมไว้ เรือนหลังที่ 1-4 จัดเป็นหมู่เรือนไทย โดยเรือนหลังแรกมีสะพานเชื่อมไปสู่เรือนหลังที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ ตามลำดับ ส่วนเรือนหลังที่ 5-8 ปลูกอยู่ห่างกันทางทิศตะวันตก และมีหอเขียนอยู่ทางทิศใต้ สำหรับพิพิธภัณฑ์บ้านเชียงและห้องศิลปนิทรรศมารศีจัดแสดงอยู่ในศิลปาคารจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์