วินัยในตนเอง หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการควบคุมอารมณ์และพฤตกรรมของตนเองให้เป็นไปตามที่ตนมุ่งหวัง โดยเกิดจากการสำนึกขึ้นมาเอง ทั้งนี้จะต้องไม่กระทําการใดๆ อันจะเกิดความยุ่งยากแก่ตนเองในอนาคต แต่จะต้องก่อให้เกิดความเจริญต่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ขัดต่อระเบียบของสังคมและศีลธรรม มีความตั้งใจ และมั่นใจในพฤติกรรมที่แสดงออกมาว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตนเองและสังคม
1. ถ้าไม่มีวินัยในตนเองชวีตก็จะสับสนยุ่งเหยิง สังคมจะวุ่นวาย ระส่่ำระสาย ทําลายโอกาสในการที่จะดําเนินชีวิตที่ดีงามและโอกาสในการพัฒนาตนเองของทุกคน
2. วินัยในตนเองเป็นองค์ประกอบหนึ่งของลักษณะชีวิตที่มีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการประสบความสําเร็จอย่างยั่งยืนในชีวิต เราจะไม่สามารถนําชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีงามได้จนกว่าจะตั้งอยู่บนวินัย วินัยสร้างความรับผิดชอบ
3. วินัยสร้างระเบียบแบบแผน วินัยสร้างคนให้เป็นคนดี วินัยสร้างคนให้เป็นคนเก่ง ดังนั้น วินัยจึงเป็นเรื่องสําคัญ เราจําเป็นต้องสร้างวินัยใหแก่มนุษย์ตั้งแต่เด็ก
4. สำหรับการจัดการศึกษา ความมีวินัยในตนเองจึงเป็นสิ่งงสําคัญที่ครูผู้สอนต้องให้ความสําคัญ ในการส่งเสริมให้เกิดขึ้นในวัยเด็ก ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้นักเรียนเห็นคุณค่าของความมีวินัยในตนเอง เพื่อความสุขและความสําเร็จของตนเองและสังคม ดังนั้นควรทำให้เกิดวินัยขึ้นในหมู่คณะ
ไม่ว่าจะเป็นวินัยด้านใด ก็ตามล้วนแต่มีความสําคัญและจําเป็นต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม หากแต่ว่าวินัยในตนเองนั้นเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่การมีวินัยในสังคมและประเทศชาติต่อไป
ความจำเป็นที่ต้องมีระเบียบวินัยในตนเอง
1. วินัยช่วยให้ตนเองเป็นผู้ที่มีระเบียบเรียบร้อย
2. วินัยช่วยให้มีความสามัคคีปรองดองในกลุ่มคน
3. วินัยมีส่วนช่วยให้ประสบความสําเร็จในชีวิต
4. วินัยช่วยให้ทุกคนรู้จักควบคุม และปกครองตนเองตามหลักประชาธิปไตย หรือมีวินัยสำหรับตนเอง
5. ช่วยให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในสังคม
ดังนั้นหากเพียรพยายามสร้างระเบียบวินัยในชีวิตของแต่ละคนได้ ท้ายที่สุดเมื่อคนในสังคม คนในประเทศมีลักษณะชีวิตที่มีระเบียบวินัยแล้ว นอกจากตนเองจะก้าวสู่ความสําเร็จแล้ว ยังสามารถพัฒนาสังคมให้มีระเบียบเรียบร้อย ตลอดจนประเทศชาติให้ทัดเทียมกับอารยประเทศด้วย
คุณลักษณะผู้มีวินัยในตนเอง
1. มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่หลอกลวงตนเองและผู้อื่น
2. มีความรับผิดชอบ ความตั้งใจที่จะทำงานและติดตามผลงานที่ได้กระทำ
3. เคารพในสิทธิของผู้อื่น
4. มีระเบียบและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสังคม
5. มีลักษณะมุ่งอนาคต
6. มีความเป็นผู้นำ
7. มีความตรงต่อเวลา รู้จักกาลเทศะ
8. มีความเชื่อมั่นในตนเอง
9. มีความอดทนขยันหมั่นเพียร
10. รู้จักเสียสละ และมีความเห็นใจผู้อื่น
เทคนิคที่ใช้ในการฝึกวินัยให้ตนเอง มีดังนี้
1. ฝึกวินัยแบบสะสมไปสู่เป้าหมาย
ก่อนอื่นต้องคิดและทบทวนตนเองว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราควรจะต้องจริงจังกับเรื่องการฝึกวินัยในตนเองเสียที คิดทบทวนแล้วตั้งเป้าหมายในแต่ละเรื่องที่เราต้องการฝึก เคล็ดลับการฝึกที่สําคัญคือจะต้องจริงจังกับกฎกติกาที่ตนเองตั้งขึ้น มีสัจจะกับตนเอง เคารพตนเอง เมื่อสัญญาว่าจะทําอะไรแล้วก็ต้องทําให้ได้ โดยเฉพาะสัญญาที่เราต้องสร้างขึ้นมาเองโดยไม่มีใครมาบังคับให้เป็นข้ออ้างว่า เพราะคนอื่นกําหนดก็เลยไม่อยากทํา เมื่อเริ่มต้นให้พยายามทําไป โดยไม่ต้องถึงกับทําได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ หรือพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน การฝึกที่ต้องฝืนกับความเคยชินเดิมเป็นสิ่งยากมาก จึงต้องค่อยเป็นค่อยไปไต่ระดับให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ไปถึงเป้าหมายที่ได้วางไว้ หากอดทนถือสัจจะทําสักพักอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกลายเป็นความเคยชินใหม่เข้ามาแทนที่ หลังจากนั้นก็จะอยู่ตัวกับความเคยชินใหม่ที่มีวินัย เราจะทําได้เองโดยอัตโนมัติเลยทีเดียว
2. ฝึกวินัยแบบหา “ตัวช่วย”
บางคนเคยฝึกวินัยด้วยตนเองมานานแต่ก็ไม่สําเร็จสักที วิธีหนึ่งที่ช่วยได้ คือการลองหา “ตัวช่วย” ทางอ้อม เช่น การบอกกล่าวความตั้งใจของตนเองให้กับคนอื่นได้รับรู้ด้วย เพื่อเป็นการสร้างเงื่อนไขในตอนต้น ให้มีตัวกระตุ้นให้รู้สึกต้องควบคุมตนเองมากขึ้น เพราะมีคนอื่นจับตาดูเราอยู่ เช่น เมื่อได้บอกเล่าไว้กับใครต่อใครแล้ว ถ้าทําไม่ได้ เพื่อนอาจจะหัวเราะเยาะ หรือคนอื่นอาจเกิดความรู้สึกไม่เชื่อถือได้ วิธีนี้อาจทําให้สามารถฝืนความรู้สึกของตนเองได้มากขึ้น และเมื่อทําสักพักเกิดความเคยชินจนกลายเป็นพฤติกรรมปกติ มีวินัยในเรื่องนั้นๆ ติดตัวไปได้ตลอด โดยไม่ต้องมีใครจับตาอีกต่อไป นับว่าเป็นการลงทุนคุ้มค่าสําหรับชีวิตอยู่มากทีเดียว
3. ฝึกวินัยด้วยการหาเพื่อนร่วมทาง
อีกวิธีหนึ่งทีหลายคนใช้ได้ผลมากคืออย่าทําคนเดียว แต่หาเพื่อนร่วมฝึกฝนวินัยด้วยกัน กลุ่มจะมีอิทธิพลต่อการช่วยการฝึกฝนตนเองได้มาก เป็นกําลังใจ แรงกระตุ้น คอยเตือนสติในทางตรงข้าม การเห็นเพื่อนในกลุ่มไม่มีวินัย บางคนก็ได้คิดว่าตนเองจะต้องระมัดระวังมากขึ้น กลุ่มจึงมีบทบาทสําคัญในการฝึกฝนวินัย โดยเฉพาะหากมีกระบวนการพูดคุยสรุปผลจากการฝึกเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง แล้วช่วยกันเสริมจุดแข็งสกัดจุดอ่อนของกันและกัน เช่นให้เพื่อนวิจารณ์ หรือช่วยตักเตือนทันทีที่กําลังจะละเมิดสิ่งทีจะฝึก โดยตกลงกันว่าจะไม่โกรธกันหรือบางครั้งก็ใช้วิธีการปรับเป็นการลงโทษ หรือการให้รางวัลเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ก้าวหน้าขึ้น เป็นต้น
4. ฝึกวินัยด้วยความมุ่งมั่นในเป้าหมาย
หลายคนเมื่อมุ่งมั่นจะต้องปฏิบัติภารกิจของตนเองให้สําเร็จ จึงนําเอาความมุ่งมั่นตั้งใจดังกล่าวมาฝึกฝนตนเองให้มีวินัยเพื่อไปสู่ความสําเร็จ โดยเมื่อเข้าสู่ชุมชนแล้วก็ฝึกตนเองในการอยู่ให้ได้ตามแบบแผนของครอบครัวและชุมชนด้วยความอดทน แม้จะยากลําบาก แปลกแยกแตกต่างจากความคุ้นเคยเดิมๆก็ตาม ความมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายจึงเป็นแรงกระตุ้นของการฝึกฝนวินัยได้ทางหนึ่งด้วย วิธีนี้จะต้องหมั่นสังเกตว่าในครอบครัวและในชุมชนมีระเบียบแบบแผนในวิถีชีวิตด้านต่างๆอย่างไร มีกฎเกณฑ์ในการทํากิจกรรมร่วมกันอย่างไร มีอะไรที่เป็นข้อที่พึงทําหรือไม่พึงทํา แล้วก็ตั้งใจปฏิบัติตามโดยไม่ย่อท้อ ตรงไหนที่ไม่แน่ใจก็สอบถาม วินัยของผู้คนก็คือการกระทําที่เคารพต่อผี ไม่ทําอะไรที่ “ผิดผี” หรือละเมิดวินัยของชุมชนนั่นเอง ดังนั้นการที่เราปฏิบัติตนในแบบแผนเดียวกับชุมชนก็เป็นการพัฒนาวินัยของเราไปด้วยเช่นกัน
ความมีวินัยที่ต้องรีบฝึกให้เป็นนิสัย มีอยู่ 4 ประการ คือ
1. ความมีวินัยในการแสดงความเคารพ การรู้จักแสดงความเคารพอย่างถูกต้องเหมาะสมตามกาลเทศะ ย่อมเป็นเสน่ห์ประจำตัวอย่างหนึ่งของผู้ปฏิบัติ
2. ความมีวินัยในการรักษาความสะอาด ความสะอาดในที่นี้หมายถถึง การรักษาความสะอาดทั้งร่างกาย เครื่องนุ่งห่มสิ่งของเครื่องใช้และสถานที่ ทั้งที่เป็นของตนเองและผู้อื่นตลอดจนสถานที่สาธารณะที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้อง การที่ผู้คนในสังคมฝึกนิสัยให้มีวินัยในการักษาความสะอาดดังกล่าวแล้วนอกจากจะทำให้ทั้งผู้คน สิ่งของ สถานที่ และสิ่งแวดล้อมสะอาด น่าดู เป็นที่เจริญตาเจริญใจแล้ว ยังเป็นการป้องกันมิให้เกิดการจับผิดกันขึ้นอีกด้วย
3. ความมีวินัยในการรักษาความเป็นระเบียบ ความเป็นระเบียบในที่นี้หมายถึง ความมีระเบียบในการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ เกี่ยวกับ การเงิน การนอน การแต่งกาย การทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ได้แก่ การประกอบอาชีพหรือการศึกษาเล่าเรียน การจัดการเรื่องรายรับและรายจ่าย เรื่องการบริหารร่างกาย และการพักผ่อน เป็นต้น
ผู้ที่มีวินัยดีในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ย่อมสามารถวางแผนจัดระเบียบ ในการทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างลงตัว ทำให้ไม่มีปัญหาสับสนวุ่นวาย ย่อมมีอารมณ์ดี สุขภาพและใจของสมาชิกในครอบครัวทุกคนก็พลอยดีไปด้วย ยิ่งกว่านั้นยังอาจสามารถจัดแบ่งเวลาไว้สำหรับศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นกิจวัตรประจำวันได้อีกด้วย ซึ่งถ้าทำได้เช่นนี้ย่อมได้ชื่อว่า บรรลุวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่ว่า “เราเกิดมาสร้างบารมี” แล้วและถ้ามีวิริยะอุสาหะศึกษา และปฏิบัติธรรมมากขึ้นอีกก็จะเป็นการตอกย่ำ ตถาคตโพธิสัทธา ให้เหนียวแน่นยิ่งขึ้น
4. ความมีวินัยในการตรงต่อเวลา ความตรงต่อเวลาในที่นี้หมายถึง ความตรงต่อเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ทุกๆเรื่อง นับตั้งแต่เรื่องกิจวัตรประจำวันของเราเอง เช่น การกินอาหารแต่ละมื้อเป็นเวลา การเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาการออกจากบ้านไปทำงานหรือไปโรงเรียนและการกลับถึงบ้านเป็นเวลาเป็นต้น นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องความตรงต่อเวลาในการทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น เช่น การเข้าทำงาน และเลิกงานตรงเวลา การเข้าประชุมและเลิกงานตรงเวลา การเข้าประชุมและเลิกประชุมตรงเวลา การไปถึงที่นัดหมายตรงเวลา เป็นต้น
ผู้ที่ปกติตรงต่อเวลาเป็นนิสัยก็เพราะมีความสำนึกรับผิดชอบ ต่อภารกิจหน้าที่ที่ตนจะต้องกระทำอย่างสูง ดังนั้นบุคคลประเภทนี้จึงมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง เป็นที่เคารพเชื่อถือไว้วงใจ จากผู้ร่วมงานเป็นอย่างดี และมักจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของตนอีกด้วย
ผู้ที่มีปกติตรงต่อเวลาเป็นนิสัยในการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ของตนเอง ย่อมจะมีความตรงต่อเวลาในการทำกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่นด้วย ยกเว้นกรณีที่มีเหตุขัดข้องเหลือวิสัยเท่านั้น ดังนั้น เด็กๆทุกคนควรได้รับการฝึกวินัยว่าด้วยความตรงต่อเวลา ในการทำกิจวัตรประจำวันของตนเองให้เกิดเป็นนิสัย เพื่อว่าเขาจะสามารถสร้างวินัยในเรื่องความตรงต่อเวลา เมื่อทำภารกิจต่างๆ นอกบ้านให้เป็นนิสัยด้วย