ปัจจุบันวิถีโลกได้ถูกปรับเปลี่ยนตามสภาพกาลเวลาด้วยความรู้และนวัตกรรมเทคโนโลยีอันทันสมัยการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตที่อาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ ครอบครัว สังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆที่ส่งเสริมต่อการเรียนรู้ เมื่อเกิดการเรียนรู้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านความรู้ ความเข้าใจ ความคิด อารมณ์ ทัศนคติ ความชำนาญและทักษะ องค์กรด้านการศึกษาและนักวิชาการได้ตระหนักถึงความสำคัญขององค์ความรู้หลักและทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและการเรียนในยุคศตวรรษที่ 21 ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะทักษะพื้นฐานทางด้านคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันวิถีโลกได้ถูกปรับเปลี่ยนตามสภาพกาลเวลาด้วยความรู้และนวัตกรรมเทคโนโลยีอันทันสมัยการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตที่อาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ ครอบครัว สังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆที่ส่งเสริมต่อการเรียนรู้ เมื่อเกิดการเรียนรู้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านความรู้ ความเข้าใจ ความคิด อารมณ์ ทัศนคติ ความชำนาญและทักษะ องค์กรด้านการศึกษาและนักวิชาการได้ตระหนักถึงความสำคัญขององค์ความรู้หลักและทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิตและการเรียนในยุคศตวรรษที่ 21 ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้นทักษะพื้นฐานทางด้านคอมพิวเตอร์ (Computer) จึงเป็นเรื่องสำคัญ
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electrinic device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ โดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้ (programmable) นั่นคือคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก - ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพ มีความถูกต้อง และมีความรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นงานชนิดใดก็ตาม เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทำงานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
1. รับข้อมูล (Input) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล (input unit) เช่น คีบอร์ด หรือ เมาส์
2. ประมวลผล (Processing) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลกับข้อมูล เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปอื่นตามที่ต้องการ
3. แสดงผล (Output) เครื่องคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit) เช่น เครื่องพิมพ์ หรือจอภาพ
4. เก็บข้อมูล (Storage) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต
คอมพิวเตอร์ หรือ Computare เป็นชื่อเรียกที่มาจากภาษาละติน มีความหมายว่า การนับ หรือ การคำนวณพจนานุกรม โดยหากอ้างอิงจาก ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 จะมีใจความว่า
“เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์”
การทำงานของคอมพิวเตอร์ จะมีการทำงานกับโครงสร้างข้อมูล (Data Structure) ซึ่งโครงสร้างข้อมูลจะแบ่งออกเป็นแต่ละระดับดังต่อไปนี้
บิต เป็นข้อมูลโครงสร้างเล็กที่สุด รองรับได้แต่เฉพาะรูปแบบตัวเลข และใช้ได้ตั้งแต่หลัก 0 หรือ เลข 1 เท่านั้น
ไบต์ รองรับการใช้งานเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากตัวเลข ซึ่งสามารถรองรับ อักขระ ตัวอักษร หรือ สัญลักษณ์พิเศษ และเครื่องหมายต่าง ๆ โดยจะรองรับอักขระ 1 ตัวเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับ บิต แล้ว 8 บิตจะเท่ากับ 1 ไบต์
ฟิลด์ เป็นชื่อเรียกโครงสร้างข้อมูลที่ประกอบไปด้วย จำนวนของ ไบต์ หรือ อักขระ ที่มีตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป เช่น ชื่อและคำนามของแต่ละข้อมูล
เรคคอร์ด หมายถึงข้อมูลตั้งแต่ 1 ฟิลด์ ขึ้นไปรวมกัน เป็นเรคคอร์ด เช่นการประกอบกันระหว่าง ชื่อ และ นามสกุล หรือมีข้อมูล อื่น ๆ บันทึกเพิ่มเติม
ไฟล์ คือโครงสร้างระดับที่มีการประกอบกันของ เรคคอร์ด มากกว่าหนึ่งมารวมกัน และมีเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน และนิยมมองในรูปแบบของชื่อเรียกแบบเข้าใจง่ายว่า “แฟ้มข้อมูล”
ฐานข้อมูล คือโครงสร้างในระดับของการเก็บไฟล์ต่าง ๆ มารวมกันหลายไฟล์นอกจากจะมีระดับของโครงสร้างข้อมูลแล้ว ยังมีเรื่องของปริมาณข้อมูลอีกด้วย ซึ่งหน่วยวัดขนาดของข้อมูล จะประกอบไปด้วยดังต่อไปนี้
8 Bit = 1 Byte (ไบต์)
1,024 Byte = 1 KB (กิโลไบต์)
1,024 KB = 1 MB (เมกกะไบต์)
1,024 MB = 1 GB (กิกะไบต์)
1,024 GB = 1TB (เทระไบต์)
หลักการและกระบวนการทำงานที่มีข้อโดดเด่นทั้งในด้าน ลักษณะการทำงานพื้นฐานทั้งสี่ (IPOS cycle) รวมไปถึงรูปแบบการจัดการโครงสร้างข้อมูลอย่างเป็นระบบ และผนวกด้วยประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนไปกับ การผลิตฮาดร์แวร์ความสามารถสูง ที่มีการพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง จึงทำให้คอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายวงการเลยทีเดียว
การใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์ นับว่ามีความสำคัญมากไม่ว่าจะใช้งานในด้านการจัดทำเอกสาร จัดเก็บข้อมูล การบริหารข้อมูลบัญชีพนักงาน หรือจัดการสต็อกคลังสินค้า การใช้ควบคุมเครื่องจักรอุตสาหกรรม ใช้วิเคราะห์งานด้านวิทยาศาสตร์ หรือใช้ควบคุมอุปกรณ์การแพทย์ ใช้ในงานออกแบบสถาปัตย์กรรม และงานศิลปรวมไปถึงใช้ในการสื่อสาร และอีกมากมายที่ส่งเสริมให้มนุษย์ได้เข้าถึงระบบจัดการ ในแทบทุกด้านสู่การมีประสิทธิภาพและความทันสมัยมากยิ่งขึ้น