แมว : สัตว์ประจำชาติ



สัตว์ประจำชาติที่ชาวไนล์ให้ความสำคัญที่สุดคือ แมว



แมวนั้นเกี่ยวพันกับชนเผ่าแม่น้ำร้อยสายแห่งดินแดนไนล์อย่างลึกซึ้งมาเป็นพันปี เพราะวีถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรเช่นนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องประสบกับปัญหาที่เกิดจากสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู มักจะพบกับการถูกขโมย ถูกกัดกินผลิตผลทางการเกษตรในยุ้งฉางอยู่เสมอ สัตว์ฟันแทะพวกนี้นอกจากสร้างความเดือดร้อนเฉพาะหน้าแล้วยังเป็นพาหะนำความป่วยไข้ หนูเป็นปัญหากวนใจของชนเผ่าในดินแดนนี้มาช้านาน กระทั่งการมาถึงของ ‘แมวบ้าน’ คู่แรก

แมวป่าสายพันธุ์ไนล์นั้นมีขนปุย รูปร่างผอมเพรียว ปราดเปรียวว่องไว พวกมันมีความเฉลียวฉลาดแสนรู้ เพียงไม่นานที่มันก้าวย่างถึงชุมชนของมนุษย์ก็ได้รับรู้ว่านี่คือถิ่นฐานที่มันสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุข มีอาหารอุดมสมบูรณ์---ทั้งบรรดาหนู สัตว์ฟันแทะ แมลง ไปจนถึงอาหารของมนุษย์ที่มอบให้ด้วยเอ็นดูความเฉลียวฉลาดแสนรู้ เมื่อพวกมันได้กินจนอิ่มหมีพีมันแล้วจึงลงหลักปักฐานกับชุมชนของมนุษย์ กลายเป็นแมวบ้านไปในที่สุด



เพราะเป็นสัตว์ที่มีอิทธิพลกับวิถีชีวิตของผู้คนมาช้านาน แมวจึงถือว่าเป็นสัตว์สำคัญในไนล์ พวกมันได้รับการเคารพนับถือไม่แพ้กับสัตว์ใช้แรงงานในไร่นา ทุกบ้านเรือนของไนล์ต่างเลี้ยงแมวไว้จับหนูและสัตว์รบกวนในยุ้งฉางอื่นๆ ในไนล์นั้น แมวดำจะได้รับการเคารพนับถือเป็นพิเศษ ตามตำนานทั้งหลายเกี่ยวกับเทพีไนล์ มักกล่าวถึงพระนางในลักษณาการที่หากนางไม่ได้อุ้มแมวสีดำไว้ในอ้อมแขน ก็จะมีแมวดำฝูงหนึ่งห้อมล้อมวิ่งตามนางอยู่เสมอ ชาวไนล์ถือว่าแมวดำนั้นเป็นตัวแทนของบาสเตีย ข้ารับใช้ของเทพีไนล์ แมวอื่นๆเองก็ถือเป็นลูกหลานของบาสเตีย จึงถือได้ว่าแมวนั้นสืบสายเลือดของสัตว์ชั้นสูงมาตั้งแต่โบราณกาล



ปัจจุบันแมวในไนล์มีหลากหลายสายพันธุ์ มีทุกสี ทุกขนาด ทุกรูปแบบขน โดยมากจะมีขนที่ยาวปุกปุยเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น



  • บางพันธุ์จะมีชุดขนที่หนาเป็นพิเศษสำหรับฤดูหนาว เช่น ฟิเล ฟอร์เรสต์ (Philae Forest)เป็นแมวที่ตัวกลม ขนยาว ขนแน่นเป็นพิเศษในหน้าหนาว รูปทรงของมันในฤดูหนาวกับฤดูร้อนจะดูต่างกันโดยสิ้นเชิง

  • บางพันธุ์มีขนกันน้ำ เช่น ธีบส์ แวน (Thebes Van ขนสั้น), เมมฟิส แวน (Memphis Van - ขนยาว) เป็นแมวขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เป็นแมวสองสายพันธ์ุที่จะลงน้ำเองเมื่อพวกมันต้องการ ว่ายน้ำเก่ง ชอบว่ายน้ำไปขอปลากับเรือประมงที่กำลังเข้าฝั่ง ผลัดขนมากในช่วงก่อนเข้าฤดูร้อน ชื่อแวนของมันมาจากสีขนที่มักเป็นสีขาวตลอดตัว เว้นแต่บนศีรษะถึงหูทั้งสอง และหาง บ่อยครัั้งมักพบว่ามีดวงตาสองสี

  • บางพันธุ์ขนจะเปลี่ยนสีในฤดูหนาว เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิจะผลัดขนเป็นสีเดิม เช่น ไนล์คูน (Nile Coon)เชื่อกันว่ามันคือแมวที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับแมวป่าไนล์ที่สุดในปัจจุบัน และยังถือว่าเป็นแมวบ้านสายพันธุ์ที่ตัวใหญ่ที่สุดด้วย จากรูปหน้าและขนาดที่คล้ายตัวแรคคูน มักถูกเข้าใจว่าดุ แต่นิสัยของมันแม้จะโตแล้วก็ยังมีนิสัยขี้อ้อนซุกซนเหมือนแมวเด็กอยู่เสมอ

  • มีขนยาวในฤดูหนาว เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิจะผลัดขนเป็นขนสั้นแบบเดิม เช่นพันธุ์เอ็กโซติก กีซา (Exotic Giza) แม้ปกติจะมีลวดลายสีสลับดำโดดเด่น แต่ขนที่งอกยาวในหน้าหนาวนั้นจะมีสีขาวอมเทาทำให้ดูกลมกลืนกับพื้นหิมะ มีความเฉลียวฉลาดมาก

  • ตัวกลม ขนบริเวณใบหน้า หู หาง เท้าทั้งสี่จะเปลี่ยนสีตามสภาพอากาศ เช่นพันธ์ุซัคคารัน (Saqqaran) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดแถบเทือกเขาทางภาคใต้ พวกมันสืบเชื้อสายมาจากแมวนักล่าที่อาศัยในเทือกเขาสูง ไม่ค่อยส่งเสียงร้องเหมียว ถึงจะมีร่างกายกลมตุ้ยนุ้ยแต่ปราดเปรียวเป็นที่สุด ยิ่งอากาศเย็นมากเท่าใดสีสันบนร่างของมันก็จะเข้มขึ้นมากเท่านั้น

  • คีออปส์ (Cheops) หรือคูฟูร์ โฟลด์ (Khufu Fold) และ คีเฟรน (Chephren) หรือคาเฟร เคิร์ล (Khafre Curl) เป็นพันธ์ุที่มีที่มาจากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวป่าและแมวบ้านและเกิดความผิดปกติขึ้น เริ่มพบได้บ่อยในยุคหลังๆเนื่องจากความแปลกตาน่ารัก มีทั้งขนสั้นและยาว หางยาวๆของพวกมันไม่เรียวแต่ดูอวบหนาเหมือนกระบองแม้จะขนสั้น ร่างกายของโฟลด์จะมีทรวดทรงอวบกลมเหมือนน้ำเต้าหรือขนมปังแป้งหมักทรงกลมมากกว่าเคิร์ล

  • ลาเมนคูร์ (LaMenkaur) หรือ ไมซีเรียน เร็กซ์ (Micerian Rex) ลักษณะคล้ายฟิเล ฟอร์เรสต์ แต่ตัวยาวปราดเปรียวกว่า และขนยาวๆของพวกมันนั้นก็ม้วนหยักศก บางตัวหยักศกแค่ช่วงหาง ส่วนบางตัวขนหยิกทั้งตัวราวกับแกะเลยทีเดียว


ธีบส์ แวน มีขนสั้นกว่าและพองฟูน้อยกว่า

เมมฟิส แวน ขนยาวและพองฟูกว่าอย่างเห็นได้ชัด

เอ็กโซติก กีซา หน้าร้อน

เอ็กโซติก กีซา หน้าหนาว ภาพรวมคล้ายพันธุ์ไนล์คูน แต่ขนาดเล็กกว่าเกือบครึ่ง

ทุกๆปีในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จะมีวันที่ระลึกที่ฟาโรห์พระองค์หนึ่งของชนเผ่าแม่น้ำร้อยสายทรงประกาศให้เป็นวันที่ระลึกถึงคุณค่าของแมว ในวันนั้นชาวไนล์จะแต่งตัวให้แมวของตนด้วยเครื่องประดับที่ทำจากโลหะ ทองคำ กระดิ่งกระพรวน อัญมณีราคาแพง ที่โดยปกติแล้วจะไม่ให้แมวสวมใส่กัน(เพราะอาจเกิดอันตรายได้) และในวันนั้นจะพาพวกมันออกไปข้างนอกโยการอุ้ม หรือใส่สายจูงไว้ตลอดเวลา อาหารที่พวกแมวได้รับจะเป็นอาหารที่ดีเป็นพิเศษที่ถูกปรุงเพื่อพวกมันโดยเฉพาะ



เกร็ดอื่นๆเกี่ยวกับชาวไนล์และแมวของพวกเขา


  • ในไนล์มีการตรากฏหมายเกี่ยวกับสัตว์และสิทธิของสัตว์ โดยมีหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกับแมวโดยเฉพาะ


  • ตามปกติแล้วผู้ที่ทำร้ายหรือฆ่าแมวจะได้รับบทลงโทษอย่างหนัก


  • เด็กๆจะถูกสอนให้รู้จักสิ่งที่เป็นพิษต่อแมวไปพร้อมๆกับสิ่งที่เป็นพิษต่อตนเอง


  • ดอกไม้ตระกูลลิลลี่นั้นเป็นดอกไม้ต้องห้ามอันดับหนึ่งในไนล์ โดยห้ามบุคคลทั่วไปซื้อขาย แลกเปลี่ยน ห้ามปลูก ห้ามนำเข้า เพราะตั้งแต่ก้าน ใบ กลีบดอก เกสร หรือแม้แต่น้ำในแจกันที่ปักดอกลิลลี่ล้วนเป็นพิษต่อแมว หากถูกสัมผัส สูดดมหรือกินเข้าไป แมวโชคร้ายตัวนั้นอาจจะตายภายในสามวัน


  • แต่หัวลิลลี่หลายสายพันธุ์ก็ถูกใช้เป็นเสบียงอาหารสำรองมาตั้งแต่โบราณ ดังนั้นกรมการเกษตรของไนล์จึงมีหน่วยงานสำหรับจัดการลิลลี่โดยเฉพาะ โดยมีการกำหนดเขตเพาะปลูก แหล่งน้ำ ลักษณะโรงเรือน รวมถึงมนตราสำหรับขับไล่แมวโดยเฉพาะ (ถึงจะปวดใจแต่พวกเขาก็ต้องทำ) การฝ่าฝืนกฏการปลูกลิลลี่ในบ้านเรือนถือเป็นโทษหนัก


  • เยลลี่ปลาเป็นอาหารที่อร่อย ทานง่ายและมีประโยชน์ หลายบ้านฝึกเด็กๆให้หัดทำเป็นจานแรก เด็กๆจะแบ่งกันทานกับแมวของครอบครัว เพื่อสอนเรื่องความเท่าเทียม การเสียสละและการแบ่งปัน


  • หลายครอบครัวในไนล์จัดพิธีศพให้แมวของตนไม่ต่างกับสมาชิกในครอบครัว บางครั้งพวกมันจะถูกฝังใส่โลงเล็กๆในเขตบ้านที่พวกมันอาศัยอยู่ ก่อนจะได้ไปอยู่เคียงข้างผู้เป็นเจ้าของที่มันรักที่สุดยามมีชีวิตอยู่ในภายหลัง


  • บนเรือทุกลำของชาวไนล์มีต้นเรือขนปุยชนิดนี้เดินทางไปด้วยร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเสมอ


  • ในไนล์มีสถานพยาบาลที่เปิดขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญในการรักษาแมวโดยเฉพาะ



  • มีร้านค้าที่มีแต่สินค้าเพื่อแมวตั้งกระจายทั่วไป เสื้อผ้าแมว ของเล่น เบาะนอน ไปจนถึงแปรงสางขน มีคอลเล็คชั่นใหม่ๆให้ติดตามอยู่เสมอ


  • มีการทำทะเบียนประชากรแมว สมุดประจำครอบครัวแมว จุดประสงค์คือเพื่อไม่ให้แมวผสมพันธุ์กันเองในสายเลือดใกล้ชิดที่อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้


  • ในการระบุตัวตนของแมว เจ้าของแมวต้องไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานเขตที่ตนอาศัยอยู่ (มักอยู่ข้างๆแผนกทะเบียนประชากร)
    หน่วยงานของรัฐนี้จะมอบกำไลเวทเล็กๆขนาดประมาณเท่ากับแหวนนิ้วโป้งของมนุษย์แลกกับค่าธรรมเนียมจำนวนหนึ่ง บนกำไลจะสลักข้อมูลเช่นชื่อของแมว ชื่อของเจ้าของ ที่อยู่ อาการป่วย(ถ้ามี) ให้นำกำไลนี้สวมไปที่ขาของแมว (เจ้าของบางคนที่พิลึกหน่อยก็ใส่ให้ที่หาง--แน่นอนว่าไม่เป็นที่นิยม)
    ซึ่งสามารถสวมให้ได้ตั้งแต่ยังเป็นแมวเด็ก โดยกำไลสามารถขยายขนาดให้เข้ากับขาของแมวที่เติบโตขึ้นได้เอง มันจะติดอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะมาใช้อุปกรณ์ที่สำนักงานเขตถอดออก ตัดปัญหาคนแอบถอดกำไลแล้วโมเมว่าแมวสวยงามตัวหนึ่งคือแมวของตนทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่


  • ในกำไลบอกตัวตนแมวนี้มีมนตราที่ทำให้สุนัขเป็นมิตรต่อแมวอยู่ด้วย


  • แมวถือเป็นสัตว์ที่ห้ามซื้อขายทุกกรณี ส่วนการสามารถเปลี่ยนมือเจ้าของสามารถทำได้หากแมวตัวเก่าตาย เจ้าของต้องการไปขอรับลูกแมวตัวใหม่จากครอบครัวอื่นมาเลี้ยงดู มีเอกสารต่อกันจากเจ้าของแมวต่อเจ้าของแมวเป็นลายลักษณ์อักษร


  • หรือเมื่อมีเด็กเกิดใหม่ในบ้าน แมวของครอบครัวที่มีอายุ มีนิสัยเรียบร้อยไม่ก้าวร้าวและชอบอยู่ติดบ้านจะถูกมอบให้เด็กน้อยในพิธีรับขวัญ จะถือว่าแมวตัวนี้เป็นพี่เลี้ยงและผู้ดูแลดวงวิญญาณของเด็กคนนั้นไปจนกว่าวันสิ้นอายุขัยของมัน


  • เมื่อเด็กน้อยโตพอ เขาจะได้รับมอบหมายให้ดูแลแมวของตัวเอง จะเป็นแมวตัวแรกที่บนกำไลจะมีชื่อเขาเป็นเจ้าของ เป็นการฝึกความรับผิดชอบให้แก่เด็กๆ รวมถึงพวกเขาจะมีสหายสนิทของตัวเอง